SME D Bank เปิดรับเอสเอ็มอี ร่วมกิจกรรมพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม BCG Model

🟢SME D Bank เปิดรับเอสเอ็มอี ร่วมกิจกรรมพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม BCG Model🟢
 
📌ฟรี! ติวเข้มเชิงลึก ประกบตัวต่อตัว ดันเติบโตยั่งยืน พร้อมเข้าถึงแหล่งทุนวงเงิน 50 ลบ.
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เดินหน้าภารกิจธนาคารเพื่อการพัฒนา ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอียกระดับธุรกิจเติบโตสู่ความยั่งยืนด้วยแนวทาง BCG Model โดยร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จัดกิจกรรม “พัฒนาผู้ประกอบการ SMEs สู่นวัตกรรมทางธุรกิจ ตามแนวทาง BCG Model” (Innovation Business to BCG Model) ผ่าน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย
.
💡ขั้นตอนที่ 1. Grooming online เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีความพร้อมจะต่อยอดธุรกิจด้วยแนวทาง BCG Model จำนวน 500 ราย เข้ารับการอบรมผ่านออนไลน์ ในหลักสูตรบริหารแนวความคิด สร้างกลยุทธ์ธุรกิจพิชิตใจลูกค้า และได้ผลกำไรอย่างยั่งยืน แบ่งการอบรมเป็น 5 รุ่น รุ่นละประมาณ 100 ราย ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2566
.
💡ขั้นตอนที่ 2. Biz Clinic Online คัดเลือกรายที่มีความพร้อมและเหมาะสมจาก 500 ราย เหลือ 50 ราย เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจาก มจพ. เยี่ยมสถานประกอบการ พร้อมแนะนำแนวทางต่อยอดยกระดับธุรกิจด้วยนวัตกรรมต่างๆ
.
💡ขั้นตอน 3. One on One ทั้ง 50 ราย จะได้รับคำปรึกษาเชิงลึกและแผนปฏิบัติการเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำไปใช้ ยกระดับธุรกิจให้มีนวัตกรรมตามแนวทาง BCG Model ต่อไป เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การจัดการพลังงาน การปรับปรุงกระบวนการผลิตตามแนวทาง BCG เป็นต้น
.
📌นอกจากนั้น ผู้ประกอบการทุกรายที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จะได้รับบริการ “เติมทุนคู่พัฒนา” จาก SME D Bank ช่วยเตรียมความพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน ผ่าน “สินเชื่อ BCG Loan” วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.75%ต่อปี (MLR -2.75%) สามารถใช้ได้ทั้งลงทุน ปรับปรุง ขยาย ปรับเปลี่ยนธุรกิจ รวมถึง Refinance ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง BCG Model ควบคู่รับการพัฒนา ผ่านโครงการ “SME D Coach” อย่างต่อเนื่อง
.
📌ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม “พัฒนาผู้ประกอบการ SMEs สู่นวัตกรรมทางธุรกิจ ตามแนวทาง BCG Model”
 
สมัครได้ฟรี ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 10 กันยายน 2566 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME D Bank
โทร. 02-265-4978 และ 02-265-3192 หรือ Call Center 1357
 

บทความแนะนำ

ห้ามพลาด! สินเชื่อ GSB Re-open

ผู้ประกอบการห้ามพลาด!! พร้อมให้ธุรกิจโรงแรม และ Supply Chain ของโรงแรม, ร้านอาหาร, ธุรกิจที่เกี่ยวกับเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ท้องถิ่นได้กลับมาปังอีกครั้ง

กับ “สินเชื่อ GSB Re-Open” โดยธนาคารออมสิน พร้อมหนุนผู้ประกอบการโรงเเรม ให้กู้เพื่อนำเงินไปปรับปรุงซ่อมแซมสถานประกอบกิจการ

จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ ลงทุนในทรัพย์สินถาวร หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกิน 50% ของทุนจดทะเบียน วงเงินโครงการรวม 3,000 ล้านบาท

โดยเปิดให้ยื่นกู้ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 – 30 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าวงเงินของโครงการจะหมด

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาหรือ GSB Contact Center 1115 และสามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.gsb.or.th 

หรือ Facebook: GSB Society

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Marketing Oops



#SMEONE #SMEไทยก้าวไกลทันโลก #สินเชื่อ #ธุรกิจโรงเเรม

บทความแนะนำ

โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว พลิกวิกฤติชีวิตด้วยกาแฟ

โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว พลิกวิกฤติชีวิตด้วยกาแฟ

ธุรกิจล้ม...แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจทุกคนไม่คิดฝันให้เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตลอดเส้นทางธุรกิจมักมีปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่เหนือการควบคุมเข้ามาสร้างผลกระทบให้ธุรกิจอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น สถานการณ์บ้านเมือง และภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงจนทำให้ธุรกิจที่เคยมีสถานะมั่นคง กลับกลายเป็นไม่ได้ไปต่อ

คุณปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ เจ้าของโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว และหัวหน้ากลุ่มผู้ปลูกกาแฟของอำเภอวังน้ำเขียว ก็เป็นหนึ่งคนที่สู้จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองขึ้นมาได้เมื่อพบวิกฤติชีวิต จากธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังไปได้สวย แต่กลับโดนผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์บ้านเมืองและมหาอุทกภัย ส่งผลให้ธุรกิจต้องปิดตัวลงและมีหนี้สินกว่า 50 ล้านบาท

แม้จะสูญเสียใหญ่ แต่ชีวิตก็ยังไม่ถึงกับเสียศูนย์ ในช่วงเวลาปั่นป่วนนั้น คุณปกรณ์ เลือกที่จะถอยกลับมาใช้เวลาตั้งหลักใหม่ ด้วยการกลับบ้านและเลือกที่จะออกบวชเพื่อให้ธรรมะช่วยตั้งสติ เมื่อตั้งสติได้จิตใจนิ่งดีแล้ว ก็กลับออกมาวางแผนเพื่อลุยต่อ สิ่งแรกที่ คุณปกรณ์ ทำ คือการกลับไปคุยกับธนาคารเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ คุณปกรณ์บอกกับธนาคารว่า ได้เริ่มมองหาอาชีพใหม่แล้ว กำลังเริ่มต้นใหม่ ด้วยวัยแค่ 30 คุณปกรณ์มั่นใจว่ายังมีแรงที่จะชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ ถ้าให้โอกาส ซึ่งทางธนาคารบางแห่งก็ยินยอมที่จะผ่อนปรนการชำระหนี้ให้

โรงคั่วกาแฟคู่ชุมชน    

แต่เดิม คุณปกรณ์ ชอบมาใช้เวลาพักผ่อนที่วังน้ำเขียว เมื่อคิดหาทางเริ่มต้นใหม่ จึงคิดว่าอยากทำธุรกิจที่นี่ และได้เห็นว่าที่วังน้ำเขียวนี้น่าจะปลูกกาแฟได้ มีการศึกษาถึงเอกลักษณ์ของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ และได้ทดลองเริ่มปลูก โดยนำต้นกล้ากาแฟอาราบิก้าที่รัชกาลที่ 9 ส่งเสริมให้ปลูก มาใช้เป็นสายพันธุ์หลักในการเริ่มต้น ประกอบกับใช้ศาสตร์พระราขาในการดำเนินธุรกิจ จนสามารถปลดหนี้และยืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง

ภายในโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวของ คุณปกรณ์ นั้นมีทั้งการปลูกกาแฟ ปลูกโกโก้ มีโรงคั่วเมล็ด มีโรงงานแปรรูปกาแฟเป็นสินค้าต่าง ๆ มีบ้านพักโฮมสเตย์ ไปจนถึงหน้าร้านสำหรับชื้อสินค้าจากกาแฟ และมีมุมนั่งกินกาแฟในบรรยากาศแม่น้ำ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาโดยรอบ เหมาะกับการเข้ามาพักผ่อนหาความสงบอย่างแท้จริง

ในปัจจุบันมีการร่วมกันผลิตกาแฟกับในชุมชน มีการขยายเครือข่าย ด้วยการเพาะต้นกล้าแล้วส่งให้อำเภอใกล้เคียงช่วยกันปลูก มีการเข้าไปแนะนำการปลูกให้เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด พร้อมรับซื้อผลผลิตเพื่อรองรับกับตลาดที่เติบโตขึ้น ช่วยให้ชุมชนมีรายได้ไปด้วยกัน จนสามารถสร้างเครือข่ายได้ทั่วทั้งประเทศ

แผนอนาคตสำหรับโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวนั้น มีความคิดที่จะนำวิถีชีวิตของเกษตรกรมาทำเป็นสินค้า ที่มากกว่าการจำกัดอยู่แค่กาแฟเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงพืชพรรณต่าง ๆ ที่เกษตรกรในชุมชนทำการเพาะปลูกอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นการรวมกลุ่มกันสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้ได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์ของชาววังน้ำเขียวว่ามีดีอย่างไร คุณปกรณ์ ยังฝากแง่คิดในการทำธุรกิจเอาไว้ว่า ตลอดเวลาที่ทำธุรกิจและใช้ชีวิตมาล้มลุกคลุกคลานทั้งดี ทั้งไม่ดี คนเราเกิดมานั้นต่างเริ่มต้นจากศูนย์ มีเพียงแค่ร่างกายที่ครบ 32 กับสมองที่เรามี เท่านี้ก็เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สามารถนำไปต่อยอดได้ ขอให้เรามีพลัง อย่าหมดกำลังใจ

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว

ที่อยู่: 185 หมู่ 11 ไทยสามัคคี วังน้ำเขียว นครราชสีมา 30370

โทร: 089 – 054 - 6619

เว็บไซต์: www.wnkcoffee.com

อีเมล: chiwchiw14@hotmail.com

Facebook: โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว

บทความแนะนำ

Siamtech Farm สร้างคุณค่าด้วยโปรตีนจิ้งหรีด

Siamtech Farm สร้างคุณค่าด้วยโปรตีนจิ้งหรีด

อาหารที่มีแหล่งโปรตีนอุดมสมบูรณ์มากที่สุดอยู่ที่ไหน เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงต้องคิดไปถึง เอวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ หรืออาจคิดไปถึงเนื้อปลาในทะเลลึกก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้ว่า แท้จริงแล้วแหล่งโปรตีนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดนั้น อยู่ในสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก นั่นก็คือแมงนั่นเอง อาจฟังแล้วรู้สึกยี้ แต่แมลงนับได้ว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดมากกว่าเนื้อทั่วไปที่เราพบเห็นได้ในท้องตลาด ในแมลงบางชนิดนั้นสามารถให้โปรตีนได้มากถึง 70% และกำลังเป็นที่จับตามองจากทั่วโลกว่า โปรตีนจากแมลงนี่แหละ จะเป็นแหล่งโปรตีนของโลกอนาคต ที่ไม่ทำร้ายโลกมากเท่ากับการทำปศุสัตว์อย่างในทุกวันนี้ จนเกิดเป็นการทำฟาร์มเลี้ยงแมลงเพื่อสกัดเอาโปรตีนมาใช้ในหลาย ๆ ประเทศ

ในไทยเองก็มีการทำฟาร์มจิ้งหรีดกระจายอยู่ทั่วไป อย่างในจังหวัดขอนแก่นที่มีการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดกันอย่างกว้างขวางในชุมชน ตรงนี้เองเป็นสิ่งที่ คุณไก่ - รุจิรา ล่านสกุล เจ้าของ Siamtech Farm มองเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้ามาพัฒนารูปแบบการเลี้ยงจิ้งหรีดในจังหวัดขอนแก่น เพื่อแปรรูปเป็นแหล่งโปรตีนให้สามารถส่งออกไปสู่ตลาดโลก

 ยึดมั่นในเส้นทางสู่ความสำเร็จ 

เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะก้าวเข้ามาพัฒนารูปแบบการทำฟาร์มจิ้งหรีด จึงได้เริ่มทำการศึกษารูปแบบของการทำฟาร์มอย่างไร ให้ได้มาตรฐานสูง และมีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในฟาร์ม มีการวางระบบหมุนเวียนน้ำ ระบบควบคุมสภาพอากาศ เพื่อให้สามารถควบคุมบรรยากาศภายในฟาร์มได้ และยังเป็นการควบคุมต้นทุน ลดการใช้แรงงานคน ลดความผิดพลาดของปัจจัยแวดล้อม ให้สามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ

ใช้เวลาศึกษา ทดลองระบบ อยู่ประมาณ 1 ปี จนสามารถมั่นใจในผลผลิตได้แล้ว จึงเริ่มกระจายความรู้ให้กับชุมชน เริ่มชักชวนชาวบ้านเข้ามาทำด้วยกัน มีการฝึกอบรม ไปจนถึงการวางระบบสร้างโรงเรือนรูปแบบเดียวกันให้ และนอกจากการให้ความรู้ และนวัตกรรมในการเลี้ยงจิ้งหรีดกับชาวบ้านแล้ว ยังมีการเข้าไปทำตลาดให้กับชุมชนด้วย โดยการรักษาคุณภาพของโปรตีนให้เป็นมาตรฐานสูงเท่า ๆ กัน ในทุกฟาร์ม เพื่อให้สามารถส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

หลังจากที่พัฒนระบบการเลี้ยงจิ้งหรีดให้มีมาตรฐานเดียวกันจากฟาร์มต่าง ๆ ในชุมชนแล้ว เหล่าคนเลี้ยงจิ้งหรีดยังได้มีการรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน “ฅนค้นแมลง” โดยมี คุณไก่ เป็นประธาน สร้างโอกาสให้ภาครัฐได้เห็นคุณค่าในอาชีพนี้ ซึ่งอาจนำมาซึ่งการสนับสนุนจากทางภาครัฐในอนาคต

พลิกวิธีคิด ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์

นอกจากการแปรรูปโปรตีนจากแมลงแล้ว ทาง Siamtech Farm ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง คิดถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการพัฒนาสินค้าให้น่าสนใจอยู่เสมอ ทั้งผงโปรตีนเวย์สำหรับคนที่ใส่ใจด้านสุขภาพ ผงโปรตีนชงคู่กาแฟ ไปจนถึงการพัฒนาสินค้าให้เป็นเส้นพาสต้าโปรตีนจิ้งหรีด ที่กลายมาเป็นที่นิยม โดยมีการร่วมงานกับเชฟระดับแถวหน้าของประเทศไทย ในการนำไปสร้างสรรค์เป็นเมนูพิเศษ และยังได้รับการสั่งซื้อเพื่อนำไปใช้ในโรงแรมต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้ว Siamtech Farm ได้มีการขยับขยายการผลิต เพื่อรองรับการส่งออกให้มากขึ้น เนื่องจากในตลาดฝั่งยุโรปนั้นมีความสนใจและมีความต้องการโปรตีนทางเลือกจากแมลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพอากาศในแถบนั้นไม่เอื้อต่อการเพาะเลี้ยงแมลง Siamtech Farm ยังไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เป็นไปได้ว่าผู้คนจะได้เห็นสินค้าจาก Siamtech Farm ออกไปโลดแล่นอย่างกว้างขวางทั่วทั้งตลาดในประเทศฝั่งยุโรปในอนาคตก็เป็นได้

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

Siamtech Farm

ที่อยู่: 191 บ้านโนนงาม หมู่6 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น 40290

โทร: 098 – 629 - 9955

อีเมล: siamtech58cricket@gmail.com

Facebook: Siamtech Farm

YouTube: Siamtech Farm

TikTok: @siamtechfarm

บทความแนะนำ

Bottomless ร้านกาแฟสุดติสท์ ที่พิชิตใจคนหมู่แมส

Bottomless ร้านกาแฟสุดติสท์ ที่พิชิตใจคนหมู่แมส     

ไม่ว่าใครที่เป็นคอกาแฟสายแข็ง และได้ผ่านไปแถวจังหวัดนนทบุรี เชื่อได้ว่าต้องเคยปักหมุดเพื่อไปลิ้มลองรสชาติกาแฟสุดเข้มข้นจากฝีมือของ คุณหมู - นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เจ้าของร้านกาแฟ Bottomless สุดเท่ บนถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี อย่างแน่นอน เรื่องราวความเป็นมาของคุณหมู ตั้งแต่เริ่มเดินทางสายกาแฟ จนมาถึงวันที่ตั้งร้าน Flagship ที่มีภาพจำสีดำสนิทแห่งนี้ได้นั้น ก็มีรสชาติชีวิตที่เข้มไม่แพ้รสชาติกาแฟเช่นเดียวกัน ความชื่นชอบในเรื่องกาแฟของคุณหมูนั้น มีมานานกว่า 16 ปีก่อน ตั้งแต่ยังไม่มีการจุดกระแสกาแฟในประเทศไทย และในยุคนั้นยังไม่ได้มีคาเฟ่ทุกมุมถนนเหมือนอย่างในทุกวันนี้ กาแฟนั้นเป็นเรื่องของความชอบเฉพาะกลุ่ม การจะหากาแฟ Specialty แบบชงพิเศษมาดื่มนั้น มีร้านเปิดขายในจำนวนที่นับนิ้วได้

คุณหมูในวันนั้น ทำอาชีพขายอุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้าน และเมื่อมีเวลาว่าง ก็ใช้เวลาทำความรู้จักกับกาแฟรูปแบบต่าง ๆ โดยมีความชอบในอุปกรณ์การชงกาแฟเป็นพิเศษ และมักมีการสั่งซื้อเครื่องชงกาแฟรุ่นท็อป เข้ามาชงกาแฟทานเล่นเอง เป็นงานอดิเรกส่วนตัว ในแต่ละวันคุณหมูมักใช้เวลาอยู่กับกาแฟ ประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อศึกษาหาวิธีดึงรสชาติจากเมล็ดกาแฟแบบต่าง ๆ รวมถึงการทำกาแฟลาเต้ให้สวยและอร่อยสมบูรณ์แบบจนเพื่อน ๆ ในวงการกาแฟต่างยกนิ้วให้ วันหนึ่งคุณหมู ได้สั่งเครื่องชงกาแฟ Slayer เข้ามาใช้ ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องที่ดีที่สุด แพงที่สุดในประเทศไทยในเวลานั้น ซึ่งมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถวางในห้องครัวเดิมได้ จึงต้องหาที่วางใหม่ คุณหมูมีตึกเปล่าอยู่ตึกหนึ่งก็ได้เปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นบาร์ในบ้าน จึงจะมีพื้นที่เพียงพอให้เครื่องชงอยู่ และได้มีการโพสต์ลงไปในโซเชียล ทำให้มีคนอยากตามมาลองชิมรสชาติจากเครื่องชงกาแฟตัวนี้ นับเป็นก้าวแรกของการทำร้านกาแฟโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในร้านนี้เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นส่วนตัว ที่คุณหมูจะทดลองชงเมนูกาแฟตามใจตัวเองสุด ๆ โดยไม่สนใจความชอบของลูกค้า ซึ่งเมนูในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน ตามแต่เมล็ดกาแฟที่มี และไม่มีการชงเมนูกาแฟเย็นเลย ด้วยความที่คุณหมูฝึกฝีมือมาด้วยกาแฟร้อนจนเชี่ยวชาญ จึงไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถชงกาแฟเย็นให้อร่อยเท่ากับกาแฟร้อนได้ จึงตัดสินใจไม่มีเมนูกาแฟเย็นขายในร้าน นับว่าร้านกาแฟหลังบ้านของคุณหมูนี้ เป็นทีชื่นชอบของคอกาแฟตัวจริงที่ยอมดั้นด้นจากในเมือง ออกมาลิ้มลองรสชาติกันถึงนอกเมือง หลังจากผ่านไปได้ 6 เดือน กระแสของคนดื่มกาแฟจริงจังก็ค่อย ๆ เงียบหายไป ส่วนลูกค้าทั่วไปที่ไม่ใช่สายกาแฟจริงจัง ก็ไม่สามารถเข้าถึงรสชาติกาแฟสายลึกของคุณหมูได้

เมื่อเป็นอย่างนั้น คุณหมู จึงได้กลับมามองว่ามันมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ต้องคิดหาทางที่จะทำอย่างไรให้กาแฟของเราอยู่ในพื้นที่ให้ได้ เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ใหญ่ในวงการกาแฟ ก็ได้รับคำตอบว่า ย้ายร้านเถอะ เปิดร้านแบบนี้ยังไงก็เจ๊ง เป็นแรงผลักดันให้คุณหมู เปลี่ยนแปลงเริ่มใหม่ เพื่อจะทำให้ดูว่า ร้านกาแฟนี้จะไม่เจ๊ง

ยกเครื่องเมนูใหม่ ให้ตอบรับเสียงจากลูกค้า

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น คุณหมู ได้ย้ายร้านใหม่ ออกมาจากในบ้านที่อยู่ลึกจากถนนใหญ่ และได้พื้นที่ตั้งร้านที่ใหม่เป็น Bottomless ติดถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีในปัจจุบัน ในร้านใหม่นี้ คุณหมูนำเสียงตอบรับจากลูกค้าทั้งหมด มาปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรสชาติของกาแฟได้ง่ายยิ่งขึ้น ยอมเปลี่ยนตัวเองมาฝึกฝนทำเมนูกาแฟเย็น เพื่อเตรียมตัวรองรับลูกค้า ด้วยชื่อเสียงเดิมที่เป็นตัวจริงเรื่องกาแฟของคุณหมู รวมกับการเปิดร้านใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ทันทีทีเปิดร้านก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอย่างถล่มทลายจากลูกค้าทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ แต่กับลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบกาแฟตัวจริง ร้านนี้กลับไม่ได้ตอบโจทย์อีกต่อไป ทุกวันนี้คุณหมูได้มีการฝึกฝนสร้างทีมงานที่แข็งแรงพร้อมแล้ว ทำให้ในปีนี้ Bottomless มีแผนที่จะขยายสาขาให้ได้ 8 สาขา ใน กทม. ซึ่งแต่ละสาขาจะมีการทำรูปแบบเมนูให้เข้ากับในแต่ละพื้นที่

คุณหมูยังคงคิดถึงกลุ่มลูกค้าดั้งเดิม และการชงกาแฟแบบดึงรสชาติสุด ๆ จึงจะมีการทำสาขาที่เมืองทองธานี ให้เป็นรูปแบบดั้งเดิม และจะเป็นที่ที่คุณหมูได้กลับเข้าไปเล่นในสนามเด็กเล่นของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งในชีวิตการทำธุรกิจของคุณหมู นั้นมีแนวคิดอยู่ว่า ในสินค้านำทาง โดยการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ารักเรา และช่วยสนับสนุนเราเสมอมา และนั่นเองทำให้เรายิ่งต้องตอบแทนลูกค้าด้วยสินค้าที่ดี ทุกสินค้าที่ออกไปหาลูกค้าจะมีแต่การทำด้วยความตั้งใจ ถ้าเราทำอะไรมุ่งมั่นและเข้าใจในสินค้าของเรา ในธุรกิจของเรา ในทุกอย่างที่เราทำเพื่อนำมาเสนอลูกค้าจริง ๆ ก็จะมีที่ให้เรายืนอยู่ทุกที่

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

Bottomless

ที่อยู่: 19/14 หมู่ 1 ถนน เลี่ยงเมืองนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

โทร: 081-951-5249

อีเมล: retail@bottomlessstore.com

เว็บไซต์: www.bottomlessstore.com

Facebook: Bottomless.es

Instagram: bottomless_es

 

บทความแนะนำ