Knight Black Horse Winery ไวน์ผลไม้จากเพื่อนบ้าน สู่ไวน์ระดับสากล
เพราะต้องการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำจากสภาวะผลไม้ล้นตลาด จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กลุ่มแม่บ้านสหกรณ์คลองสอง คิดที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตผลทางการเกษตร สู่การมุ่งมั่นพัฒนาจนมาเป็น Knight Black Horse Winery ไวน์คุณภาพมาตรฐานสากล จนสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างอาชีพให้กับคนพื้นที่ มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าของตนเองกระจายไปทั่วประเทศจนสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
.
สุ่มหากลุ่มเป้าหมาย
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นการชักชวนเพื่อนบ้านมาเป็นหุ้นส่วนกัน จนสามารถรวมเป็นกลุ่มแม่บ้านโดยมีสมาชิกเป็นจำนวน 25 คน ได้นำผลไม้มาลองหมักเป็นสาโทตามแบบวิถีชาวบ้าน และทำการทดลองขายในชุมชน ปรากฏว่าได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี และได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงรวมกลุ่มกันขึ้นเป็นสหกรณ์คลองสอง เริ่มพัฒนาสินค้าเป็นไวน์จำหน่าย
ด้วยปัจจัยด้านเงินทุนที่ต้องหมุนเงินสดเพื่อซื้อวัตถุดิบ การตลาดช่วงแรกเริ่มจึงเป็นการตระเวนออกร้านทุกประเภทเพื่อกระจายสินค้า จนได้มีโอกาสไปออกร้านที่งานหนึ่งในพัทยาและพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบในตัวสินค้าไวน์ผลไม้มาก จึงหันมาจับกลุ่มเป้าหมายนี้อย่างจริงจัง พร้อมเปลี่ยนไปเน้นการตลาดตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนทำให้ได้เงินสดมาใช้จ่ายให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้
.
ขยายกิจการด้วยคนในพื้นที่
หลังจากสินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตและทำการจัดตั้งเป็นบริษัทขึ้น ทั้งนี้ได้มีการกระจายสินค้าโดยการไปเช่าร้านตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และจ้างคนในพื้นที่มาเป็นพนักงานขายประจำร้าน เมื่อยอดขายเติบโตและเห็นผลกำไรคุ้มค่า จึงส่งต่อร้านให้ผู้ที่สนใจลงทุนรับไปบริหารต่อ โดยทางกลุ่ม Knight Black Horse Winery เปลี่ยนหน้าที่มาเป็นผู้จัดส่งสินค้าให้เท่านั้น ซึ่งข้อดีคือเมื่อได้คนที่สนใจมาเป็นเจ้าของร้านเองก็พบว่ายอดขายโตมากขึ้น จนปัจจุบันสามารถขยายไป 57 สาขาทั่วประเทศ โดยมีเพียง 14 สาขาเท่านั้นที่ทางบริษัทบริหารเอง
.
สร้างโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับสินค้าของตน
การตลาดของ Knight Black Horse Winery ถือว่ามีแนวคิดที่แตกต่าง เพราะไม่ฝากวางตามร้านอื่น ๆ หรือวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าใด ๆ แต่ลงทุนเปิดร้านด้วยตัวเอง เพราะมองว่าระบบการวางของในห้างสรรพสินค้าไม่ตอบโจทย์ต่อธุรกิจของตน เช่น การจ่ายเงินแบบเครดิต ซึ่งเป็นปัญหากับธุรกิจที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนซื้อวัตถุดิบ อีกทั้งสินค้าประเภทแอลกอฮอล์ในห้างสรรพสินค้ามีระยะเวลาการขายจึงมองว่าการขายเองข้างนอกได้เปรียบมากกว่า และที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจที่อยากทำสินค้าที่มีคุณภาพให้ผู้บริโภคได้รับประทานในราคาถูก เพราะการไปวางสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะมีการคิดกำไรเพิ่มเข้าไป ทำให้การนำมาขายเองนั้นสามารถลดต้นทุนแฝงในสินค้าลงได้
นอกจากจะไม่มีการฝากวางขายแล้ว Knight Black Horse Winery ทำการตลาดแบบไม่มีฝ่ายขาย ใช้วิธีบอกกันปากต่อปากจึงมองว่าที่กิจการเดินหน้ามาได้ทุกวันนี้มาจากคุณภาพของสินค้าที่แท้จริง
.
เพิ่มความรู้สู่มาตรฐานสากล
จากจุดเริ่มต้นจนมาเป็นแบรนด์ Knight Black Horse Winery ในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการหมั่นเสาะแสวงหาความรู้เพื่อที่จะพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์เทียบเท่าสากล นอกจากการศึกษาในประเทศแล้ว ยังมีการไปศึกษาหาข้อมูลในต่างประเทศ โดยไปเรียนรู้จากไร่หรือเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการทำไวน์โดยตรง เช่น นาปาวัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำไวน์ หรือความรู้ด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน มีการติดต่อสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพราะสายพันธุ์เหมาะกับการทำไวน์มากกว่า และสั่งซื้ออุปกรณ์ เช่น ถังไม้โอ๊กจากฝรั่งเศสเข้ามาเพื่อใช้เก็บไวน์ โดยทางบริษัทใช้วิธีค่อย ๆ ปันผลกำไรเพื่อมาพัฒนาสินค้าและอุปกรณ์ จนสามารถขยายขึ้นเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน HACCP ที่ทำการส่งออกได้ นอกจากสินค้าส่งออกแล้ว ด้วยความมีคุณภาพและมาตรฐาน จึงได้รับการติดต่อการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) อย่างสม่ำเสมอ
.
ผลิตภัณฑ์ของ Knight Black Horse Winery ปัจจุบันมี 28 ชนิด ซึ่งผลไม้ที่ทำไวน์จะเน้นเป็นผลไม้ไทย ส่วนไวน์องุ่นจะใช้องุ่นที่นำเข้า โดยมีสินค้าที่เป็นที่นิยมดังนี้
.
เพราะปรับตัวและเรียนรู้อยู่เสมอ ทาง Knight Black Horse Winery ได้เล็งเห็นกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม เป็นกลุ่มคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์และกลุ่มรักสุขภาพ เกิดการคิดค้นและผลักดันเครื่องดื่ม Sparkling ที่เป็นน้ำผลไม้ 100% โดยมีการนำเทคโนโลยีมาจากอิตาลี มาทำให้รสชาติเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ และทำการตลาดวางขายในราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีการปรับตัวเข้ามาสู่โลกออนไลน์มากขึ้นโดยนำสินค้ามาขายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อีกช่องทางหนึ่ง
ด้วยความมุ่งมั่นในการทำไวน์ให้มีคุณภาพดี และราคาที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถจับต้องได้ ทำให้ปัจจุบัน Knight Black Horse Winery ประสบความสำเร็จในวงการไวน์ผลไม้ไทย ผลิตสินค้าออกได้ 10 ล้านขวดต่อปี มีร้านจำหน่ายไวน์ตามสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสาขา
.
ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Knight Black Horse Winery และสนใจการเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์สามารถติดต่อได้ที่
Knight Black Horse Winery
21/9 หมู่5 ซ.บงกช45 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
Tel: 089 501 9124, 083-544-7179
Email: kbhwinery@live.com
Facebook: Knight Black Horse Winery
Website : www.winemakerpop.com
Line: @KBH789
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
อาณาจักรวังรี เปลี่ยนเกษตรเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์
คลินิกเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอาชีพวังรี มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูกจากเกษตรเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยให้สนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการถ่ายทอดความรู้ในการเพาะปลูก วางแผนและพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับพืชผักผลไม้ รวมถึงช่วยหาช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตผลการเกษตรที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มีกินมีใช้
.
ตั้งยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเกษตร
หน้าที่หลักของสถาบันพัฒนาอาชีพวังรี คือ การเข้าไปช่วยเหลือเหล่าเกษตรกร ให้สามารถสร้างรายได้ที่มากขึ้น ทางสถาบันจึงได้เข้าไปช่วยวางยุทธศาสตร์ในการปลูกผักผลไม้ การทำสวนต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร ให้เห็นว่านอกจากการขายผลผลิตแบบสดแล้ว ต้องมีการแบ่งผลผลิตออกไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า ตลอดจนกระบวนการหาช่องทางการขาย โดยมีแนวคิดว่า ผลผลิตที่เป็นผักผลไม้สดนั้นควรปลูกตรงไหน ขายตรงนั้น ไม่ต้องมีการขนส่ง เพื่อคงความสดใหม่ และช่วยลดปัญหาเรื่องของคนกลางลงได้
.
วังรี คลีน ผักอินทรีย์สดจากสวนถึงมือคุณ
เมื่อมีผลผลิต ก็จำเป็นต้องมีช่องทางการกระจายสินค้า จึงได้มีการทำเป็น วังรี คลีน ขึ้นเป็นแพล็ตฟอร์มการขายสินค้าพืชผลการเกษตรออนไลน์ ผ่านช่องทาง Facebook: Wangree Clean และเว็บไซต์ www.wangreefresh.com รวมถึงเปิดให้มีช่องทางให้สามารถโทรศัพท์หรือส่งข้อความผ่านทาง Line Official Account ไปสั่งจองผักผลไม้สดได้ จากนั้นทางร้านจะจัดส่งผักผลไม้สดจากสวนไปถึงมือลูกค้า อีกช่องทางหนึ่งคือ การกระจายสินค้าไปตามร้านค้าใหญ่ ๆ โดยมีรูปแบบการขายเป็นระบบสมาชิก
ซึ่งผักที่ทางวังรี คลีน จำหน่ายนั้นไม่เพียงแต่สด ใหม่ รสชาติอร่อย แต่ยังมีแนวคิดในการปลูกให้เป็น Functional Food ด้วยการปรับวิธีการปลูกให้เข้ากับคนบางกลุ่มที่มีความต้องการทางโภชนาการแบบพิเศษ เช่น ไม่สามารถรับสารอาหารบางชนิดโดยตรงได้ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่สั่งสินค้ารูปแบบนี้เป็นประจำ คือ กลุ่มโรงพยาบาล องค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการผักปลอดสารพิษ ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปขายต่อ และลูกค้าทั่วไป
.
Plant Factory ปลูกผักอัจฉริยะ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ทางสถาบันเองยังได้มีการนำเทคโนโลยี เพื่อช่วยควบคุมคุณภาพของผลผลิต และช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศให้กับเกษตรกร ด้วยการเปิด Plant Factory คือ โรงปลูกผักอัจฉริยะที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ด้วยระบบเทคโนโลยี เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร ประหยัดพื้นที่เพราะใช้พื้นที่ปลูกเรียงขึ้นไปเป็นชั้นๆ การทำ Plant Factory จะประกอบไปด้วย โรงเรือนระบบปิดสำหรับกักเก็บความเย็นและกันความร้อน สำหรับช่วยควบคุมแสงและอุณหภูมิการเพาะปลูก จึงทำให้ควบคุมแสงอาทิตย์ได้เหมือนปิดสวิตช์ดวงอาทิตย์ และมีการคิดสูตรคำนวณสัดส่วนการใช้น้ำและปุ๋ยที่เหมาะสมกับพันธุ์พืชแต่ละชนิด ทางสถาบันได้ทำการศึกษาจนได้ผลลัพธ์ที่ลงตัว Plant Factory สามารถช่วยลดระยะเวลาในการเพราะปลูกลงได้จากเดิมถึง 65-75% พืชผักปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ และผลผลิตที่ได้ออกมานั้นล้วนแล้วแต่ปลอดสารเคมี แต่เนื่องจากต้นทุนในการทำ Plant Factory มีมูลค่าหลักล้านบาทขึ้นไป ทางสถาบันจึงส่งเสริมให้เหล่าเกษตรกรรวมตัวกันเพื่อลดจำนวนเงินในการลงทุนและเป็นเจ้าของร่วมกัน
.
Bistro ปลอดสารพิษ
สถาบันวังรียังมองไปถึงอนาคตว่า เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจุดหมายแห่งการท่องเที่ยว จึงต้องการนำเสนอความใส่ใจในสุขภาพที่ถูกผสมผสานเข้ากับสถานที่ท่องเที่ยว ด้วยแผนการเปิดร้าน Bistro ปลอดสารพิษ จากการนำผักผลไม้เกษตรอินทรีย์มาทำปรุงเป็นอาหาร ให้กับนักท่องเที่ยวที่ไปใช้เวลาพักผ่อน รวมถึงเปิดให้สามารถซื้อผักผลไม้สดกลับบ้านได้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นความตั้งใจของทางสถาบัน ที่ต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นเสียก่อน จึงจะได้พบกับร้านอาหารที่เน้นเรื่องการใส่ใจสุขภาพเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะแนวคิดของสถาบันวังรี คือ หาความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ก่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ (Innovation) แล้วทำการต่อยอด (implement) เพื่อให้วันนี้แตกต่างจากเมื่อวานเสมอ
.
สามารถติดตาม คลินิกเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอาชีพวังรี ได้ที่
บริษัท วังรี คลีน จำกัด
183/1 ซอย 4 หมู่บ้านนวธานี ถ. เสรีไทย แขวง รามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230
โทร. 080 993 9492
อีเมล: supako_san@yahoo.co.th
Website : www.wangreeorganicfarm.com
Facebook: WangreeOrganic
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
หลายคนคงเคยคุ้นหูกับคำว่า ‘Data’ ที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ ที่หลาย ๆ บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการนำ Data มาใช้เป็นอันดับต้น ๆ จนมีประโยคที่ออกมาว่า ‘Data is the New Oil’ แสดงให้เห็นว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดสำหรับบริษัทนั่นเอง
แต่ถ้าหากพูดถึง Data หลาย ๆ คนก็อาจจะมองภาพไม่เห็นว่าจะนำมันมาใช้ได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไร และอาจจะคิดว่าการใช้ Data นั้นก็คงสำหรับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว บริษัทขนาดเล็กอาจจะได้เปรียบในเชิงของการนำ Data มาปรับใช้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่เสียอีก แต่ก็มีหลาย ๆ ธุรกิจที่ยังไม่กล้าและยังไม่เห็นความสำคัญของการใช้ Data ลองมาดูถึงเหตุผลกันว่าทำไมเราถึงต้องปรับตัว และเริ่มที่จะนำ Data เข้ามาใช้กับธุรกิจกัน โดยจะมีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน
Data จะช่วยทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของลูกค้าได้มากขึ้น ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาชอบ ทำไมถึงเลือกที่จะซื้อ มีรูปแบบการซื้ออย่างไร ทำไมเปลี่ยนไปซื้อกับเจ้าอื่น และปัจจัยใดที่ทำให้พวกเขาแนะนำเรากับคนอื่น
เจ้าของธุรกิจยังสามารถที่จะนำ Data มาวิเคราะห์ได้ว่าการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบใดที่จะสามารถทำเราปิดการขายได้ดีขึ้น หรือทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อกับธุรกิจของเราในครั้งต่อไป
Data ที่หาได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน มีฟังก์ชันให้เราสามารถดู Data ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เห็นว่าการทำการตลาดหรือคอนเทนต์แบบไหนที่ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่ากัน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันเทรนด์ต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การที่เราสามารถรับรู้เทรนด์ได้ทันจะช่วยทำให้คาดการณ์ว่าทิศทางของธุรกิจจะเป็นไปในทางใด ความต้องการของลูกค้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น การใช้ Data ทำให้การคาดการณ์นั้นแม่นยำขึ้น พร้อมกับการช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับธุรกิจ
อย่างธุรกิจขายปลีก ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ เราสามารถวัดผลไปถึงรายละเอียดได้ อย่างการนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลภายนอกว่า ช่วงเวลาไหนของปีที่ลูกค้ามักจะเข้ามาซื้อสินค้ามากที่สุด สภาพอากาศมีผลหรือไม่ที่ทำให้สินค้าขายดีขึ้น หรือมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเทรนด์ หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้นหรือลดลง ทำให้ธุรกิจสามารถดูเรื่องความต้องการทางการผลิตสินค้าได้อย่างทันท่วงที
ในอดีตการประเมินคู่แข่งค่อนข้างมีข้อจำกัดมาก แต่ปัจจุบัน เราสามารถหาข้อมูลคู่แข่งในหลาย ๆ ด้านได้จากบนเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ อย่างความนิยมของแบรนด์และสินค้า การมีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดีย หรือจะเป็นการพูดถึงของลูกค้าต่อแบรนด์นั้น ๆ และมากไปกว่านั้น เรายังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบกับธุรกิจของเราได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถประเมินได้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ธุรกิจของเรามีความนิยมมากหรือน้อยกว่าแบรนด์คู่แข่ง และเราสามารถปรับปรุงส่วนไหนให้ดีขึ้นได้บ้าง
Data นั้นยังถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานทางธุรกิจอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันเราสามารถที่จะเข้าไปดูข้อมูลการทำงานของระบบ เครื่องมือหรือเครื่องจักรได้ อย่างเช่น เครื่องผลิต ระบบการขนส่ง หรือระบบการสั่งสินค้าของลูกค้า ทำให้เราสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ แก้ไขและพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็อาจจะดูได้ว่า Customer Journey ของลูกค้าเป็นอย่างไร มีอุปสรรคทางด้านระบบอะไรหรือไม่ที่ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่ซื้อสินค้า ทำให้เราสามารถที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนระบบการสั่งสินค้า เพื่อที่จะสามารถปิดการขายได้มากขึ้น
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ก็สามารถที่จะนำข้อมูลมาใช้ในการปรับเส้นทางขนส่งให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางด้านต่าง ๆ ของการขนส่งสินค้า และยังเสริมประสิทธิภาพการขนส่งให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันธุรกิจใหญ่ ๆ พยายามที่จะผสาน Data กับการทำงานมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน อย่าง Google, Facebook, Apple และ Amazon ธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่ใช้ Data กันทั้งหมด หลากหลายธุรกิจไม่สามารถที่จะดำเนินและพัฒนารูปแบบการทำงานโดยปราศจากข้อมูลเหล่านี้ได้เลย เรียกได้ว่าข้อมูลทำให้ทุก ๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและแม่นยำมากยิ่งขึ้น สำหรับองค์กรเล็ก ๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน เพราะ Data มีบทบาทสำคัญมากที่จะทำให้เราก้าวได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น ภายใต้โลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Messenger รองเท้าสุขภาพกันลื่นจากความห่วงใย
จากความห่วงใยในความปลอดภัยคนในครอบครัว เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ Messenger รองเท้าสุขภาพกันลื่น (Anti-Slip Shoes) ที่มาช่วยแก้ปัญหารองเท้าลื่นเมื่อเจอพื้นที่เปียกน้ำ ด้วยแนวคิด “เปียกน้ำ แห้งไว กันลื่น ใส่สบาย ไม่อับเท้า”
.
รองเท้ากันลื่นช่วยลดอุบัติเหตุ
เพราะได้เห็นผู้สูงอายุที่ต้องเข้าโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ จึงเกิดความคิดที่อยากจะทำรองเท้าสำหรับใส่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นล้ม ประกอบกับเห็นว่าในท้องตลาดยังไม่มีรองเท้านี้วางขาย จึงได้เริ่มต้นประกอบทุกอย่างขึ้นด้วยมือของตนเองทุกขั้นตอน ทดลองแก้ไขกับเท้าของคุณแม่ จนสามารถใช้งานได้จริง และมีคนเริ่มเห็น เริ่มรู้จักมากขึ้น จึงคิดที่จะทำจริงจังให้เป็นอาชีพ
.
ก้าวสู่ความสำเร็จ อย่างมั่นคง
เมื่อมีความตั้งใจจริงเกิดขึ้นแล้ว จึงได้มีการเข้าอบรมความรู้เพิ่มเติมกับหน่วยงานต่าง ๆ และได้เริ่มทำการผลิตรองเท้าสุขภาพกันลื่น Messenger ให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อที่จะต่อยอดให้เป็นสินค้า OTOP ปรากฏว่าสามารถส่งประกวดได้เป็นสินค้าระดับ 4 ดาว จึงทำการแก้ไข พัฒนาสินค้าต่อเพิ่มเติมเพื่อก้าวต่อไป คือ มุ่งสู่การส่งออกระดับสากล
ในปัจจุบันทางแบรนด์มีสินค้าทั้งหมด 3 รุ่น คือ รุ่นต้นตระกูล รุ่นพิกุล และรุ่นการะเกด ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีลักษณะแตกต่างกัน ในเรื่องของรัดส้นรองเท้าและความสูงของส้นของรองเท้า แม้ลักษณะจะแตกต่างกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่ทุกรุ่นมีจุดร่วมเดียวกัน คือ ต้องกันพื้นลื่นได้เหมือนกัน ในส่วนของผ้าที่นำมาใช้ก็โปร่งสบายไม่อับชื้น รวมถึงน้ำหนักรองเท้าที่เบา ไม่ถึง 300 กรัม ทำให้ใส่สบาย แต่คงทนเพราะใช้การเย็บทั้งหมด และเมื่อเปียกน้ำแล้ว เพียงผึ่งลมก็แห้งได้ภายใน 10 นาที
ถึงแม้ว่าความตั้งใจแรกจะมาจากความต้องการผลิตสินค้าให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ด้วยประโยชน์ของรองเท้าจากทางแบรนด์ จึงก่อให้เกิดกลุ่มคนผู้รักในแบรนด์ Messenger มากขึ้น เช่น กลุ่มคนวัยทำงาน ที่ซื้อสินค้าของทางแบรนด์ไปแล้ว เกิดความชอบ ความประทับใจ จนมักจะถูกซื้อไปฝากคนในครอบครัว อีกทั้งยังมีการบอกกันปากต่อปากถึงคุณภาพ ทำให้เกิดลูกค้ามากขึ้น จนกลายเป็นการกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง อีกกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มคนที่ต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ปฏิบัติศาสนกิจที่กรุงมักกะฮ์ เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้รองเท้าของทางแบรนด์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
.
โควิด-19 ทำให้ท้อ แต่ไม่ทำให้ถอย
ปกติแล้วทางแบรนด์จะมีการออกบูธเพื่อจำหน่ายสินค้าเป็นประจำ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมได้อย่างเคย ลูกค้าหายไปมากเกินกว่าครึ่ง แม้ว่าจะท้อใจ แต่ไม่เคยถอดใจ ยังพยายามหาทางให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ด้วยการเพิ่มช่องทางการขายผ่านทางออนไลน์ขึ้น เพราะมั่นใจว่าสักวันหนึ่งโควิด-19 ต้องหมดไป แล้วกลับไปใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ ออกบูธพบเจอลูกค้าได้เหมือนแต่ก่อน
.
แม้ว่าจะมีประเทศจีนเป็นคู่แข่งในตลาด แต่ทางแบรนด์ยังคงยืนหยัดที่จะสู้ด้วยความใส่ใจในการมอบรองเท้ากันลื่นคุณภาพดีให้กับลูกค้า เน้นสินค้าดีมีคุณภาพจากฝีมือแรงงาน เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจและความกล้า ต้องกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ เพื่อวันหนึ่งจะได้กำไรจากสิ่งที่พยายาม
.
สามารถติดตาม Messenger รองเท้าสุขภาพกันลื่น ได้ที่
หจก. บุหรงตันหยงสิมิลัน
55/298 ซ.รามคำแหง154 ถ.รามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง จ.กรุงเทพฯ 10240
โทร. 02-728-2933, 083-857-3534
Email: jongsawat@gmail.com
Facebook: slipershoes
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
รวมหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน จากธนาคารต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม
ผลิตภัณจากทางการเงินที่น่าสนใจจากธนาคารไทยพาณิชย์
สินเชื่อธุรกิจมณีทันใจ
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ สำหรับคนค้าขายยุคใหม่ ที่รับเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร รู้ผลอนุมัติไวผ่านแอป SCB EASY
*การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
MRR ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 = 5.995% ต่อปี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของธนาคาร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
มณี Free Solution
โซลูชันที่ช่วย SME เพิ่มกำไร ลดต้นทุน ฟรี! ค่าธรรมเนียม เมื่อทำธุรกรรมผ่านบริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง สมัครสินเชื่อธุรกิจ หรือประกันชีวิตตามเงื่อนไข และใช้ร่วมกับบัญชีมณีมั่งคั่ง
มณี Free Solution ดีอย่างไร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
บัญชีเงินฝากมณีมั่งคั่ง 4 sSME
เพิ่มกำไรให้ธุรกิจงอกเงย กับบัญชีเดินสะพัดที่ให้ดอกเบี้ยสูงเสมือนฝากประจำ (สำหรับผู้ประกอบการที่มียอดรายได้รวมไม่เกิน 75 ล้านบาทต่อปี )
บัญชีนี้ตอบโจทย์อย่างไร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ผลิตภัณจากทางการเงินที่น่าสนใจจากธนาคารกสิกร
สินเชื่อธุรกิจ SME เลือกได้
เปิดร้านแค่ 1 ปี ก็กู้ได้ ไม่ต้องใช้หลักประกัน แค่เดินบัญชีต่อเนื่อง 6 เดือน อาชีพอิสระ พนักงานประจำที่ทำธุรกิจ ขายของออนไลน์ ร้านค้าขนาดเล็ก ก็สามารถขอสินเชื่อได้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
บัตรเดบิต MADCARD for KERRY EXPRESS
บัตรใบแรกที่ช่วยลดต้นทุนในการขายออนไลน์ ด้วยสิทธิพิเศษจากเคอรี่ คลับ และส่วนลดค่าโฆษณาบน Facebook, Instagram, Google Ads และ LINE Official Account
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
บริการรับชำระเงินผ่าน Facebook Pay กับ KGP
ขายของบน Facebook ปิดการขายง่าย สะดวก ปลอดภัย โพสขายของบน Facebook แล้วเรียกเก็บเงินได้ง่าย ๆ
ข้อดีเมื่อสมัครบริการรับ ชำระเงินผ่าน Facebook Pay
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ผลิตภัณจากทางการเงินที่น่าสนใจจากธนาคารกรุงศรี
สินเชื่อธุรกิจ กรุงศรี SME 5 ร้อย 50
ให้ธุรกิจทะยานมากกว่าที่เคย เพียงย้ายวงเงินสินเชื่อมาอยู่กับกรุงศรี ด้วยข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง และผ่อนชำระสบาย ๆ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
กรุงศรีพร้อมเพย์สำหรับนิติบุคคล
เรื่องง่าย ทั้งรับและจ่าย สะดวก ปลอดภัย รับเงินได้ทันที ผ่าน Krungsri Business PromptPay
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
สินเชื่อธุรกิจรายย่อย กรุงศรี SME ทันใจ
กรุงศรี SME วงเงินสูงสุด 3 เท่า เพิ่มโอกาสให้ทุกธุรกิจ กู้ได้มากขึ้นสูงสุด 3 เท่า ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี เพื่อธุรกิจคุณสำเร็จได้อย่างที่คิด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ผลิตภัณจากทางการเงินที่น่าสนใจจากธนาคารทีเอ็มบีธนชาต
สินเชื่อ ทีทีบี เอส เอ็มอี ไม่มีสะดุด
สินเชื่อที่ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็กด้วยความเข้าใจ ทั้งความต้องการเงินทุนใช้จัดการสภาพคล่องในธุรกิจ และเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่า เพื่อธุรกิจ และชีวิตทางการเงินของคุณดีขึ้น
สินเชื่อที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก เข้าถึงเงินทุนได้ง่ายกว่าเดิม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
บัญชีธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอีวันแบงก์
บัญชีธุรกิจที่ให้ลูกค้าเอสเอ็มอี ประหยัดต้นทุน สามารถทำรายการ โอน รับ จ่าย ข้ามธนาคาร ข้ามเขตได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่จำกัดจำนวนเงิน เมื่อทำธุรกรรมผ่าน แอป ทีทีบี บิส ทัช หรืออินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ทีทีบี บิสสิเนสวัน โดยทำธุรกรรมได้ทุกที่ ทุกเวลา ช่วยลดเวลาในการเดินทางไปยังสาขา
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ทีทีบี สมาร์ทช็อป
แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ตัวช่วยสำหรับเจ้าของธุรกิจในการจัดการร้านค้า และรับชำระรับเงินได้ง่าย ๆ ผ่าน QR Code จากทุกธนาคาร เงินเข้าบัญชีทันที พร้อมการแจ้งเตือนเมื่อเงินเข้า หมดกังวลเรื่องการถือหรือเก็บเงินสด สามารถจัดการสิทธิ์การใช้งานและดูแลร้านค้าให้แก่พนักงานได้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ผลิตภัณจากทางการเงินที่น่าสนใจจากธนาคารกรุงเทพ
สินเชื่อบุคคลเพื่อธุรกิจรายย่อย
ทางเลือกใหม่ ยื่นกู้ง่าย ผ่อนสบาย มั่นใจกับ 2 ทางเลือก ที่ตอบโจทย์ตรงใจ สินเชื่อบัวหลวงเพิ่มทรัพย์ (เงินกู้) และสินเชื่อบัวหลวงพูนทรัพย์ (เงินทุนหมุนเวียน)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
BeMerchant NextGen
รับมือกับสังคมไร้เงินสดได้ง่าย ๆ ด้วยแอปรับชำระสินค้า/บริการด้วย QR Code รับเงินได้ทุกค่าย ครอบคลุมการชำระเงินทุกรูปแบบ อยู่ที่ไหนก็รู้ยอดเข้าได้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
บัวหลวง สมาร์ท บิล เพย์เมนท์
ที่สุดของบริการรับชำระบิลอย่างครบวงจร สะดวกในการบริหารเงิน เพราะบริษัทสามารถรับเงินจากทุกช่องทางของทุกธนาคาร มาสู่บัญชีหลักที่ธนาคารกรุงเทพ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย มีทางเลือกที่หลากหลายในการชำระเงิน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่