ศิวาเทล โรงแรมที่เน้นเรื่องความยั่งยืน

ศิวาเทล โรงแรมที่เน้นเรื่องความยั่งยืน 

ศิวาเทล กรุงเทพฯ โรงแรมย่านใจกลางเมืองที่ดำเนินกิจการบนพื้นที่ของครอบครัวจนมาถึงผู้บริหารรุ่นที่ 3 ที่แม้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดที่ยึดมั่นมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ในเรื่องของการรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังเช่นภาษิตดั้งเดิมที่ผู้บริหารทุกรุ่นยึดเป็นหลักในการทำธุรกิจคือ Clean Green Smart ให้สะท้อนออกมาในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  

.

กระจายความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจ

เริ่มต้นจากอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ใจกลางเมืองในรุ่นคุณปู่ จนพัฒนาเป็นโรงแรม 8 ชั้นในชื่อฮอลิเดย์ แมนชั่น และได้มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2552 ในช่วงที่การท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดด จึงขยายเป็นตึก 32 ชั้น เกิดเป็นศิวาเทลทาวเวอร์ขึ้น ซึ่งในตัวตึกจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนของออฟฟิศให้เช่า ส่วนของอพาร์ตเมนต์ และส่วนของโรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณปู่ที่มองว่าธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหว มักได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แวดล้อมต่าง ๆ การที่ทำตึกให้รองรับการใช้งานแบบ Mixed-use จึงเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวธุรกิจ ให้มีรายได้จากหลากหลายทาง ทำให้ศิวาเทลสามารถผ่านพ้นจากทุก ๆ วิกฤติการณ์มาได้

.

ปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์

เดิมโรงแรมได้วาง position ไว้เป็น Business Hotel ด้วยที่ตั้งของโรงแรมอยู่ในย่านเพลินจิต แต่พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนมากกลับเป็นกลุ่มครอบครัวหรือคู่รักที่มาเพื่อการพักผ่อนจริง ๆ และใช้เวลาในห้องค่อนข้างมาก จึงได้มีการ renovate ห้องทั้งหมดให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าโดยปรับให้มีความสบายมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดการประหยัดพลังงาน โดยมีการวางระบบภายในแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่โครงสร้างอาคารเดิม เช่น ในห้องพักจะใช้ไฟที่เป็นไฟ LED และใช้เครื่องปรับอากาศที่เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิได้ด้วยตัวเอง เพื่อที่ลูกค้าจะสามารถเลือกที่จะปิดหรือเปิดเครื่องปรับอากาศเฉพาะที่ได้ 

นอกจากนี้สิ่งของเครื่องใช้ในห้องพักยังเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปจากชุมชนหรือของดีจังหวัดต่าง ๆ โดยนำมารวมกับแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น กล่องกระดาษชำระ ถังขยะ หรือว่าซองใส่อุปกรณ์ในห้องน้ำ ล้วนเป็นงานจักสานที่ทำจากเตยปาหนันจากนครศรีธรรมราช หรือแม้แต่เสื่อที่ใช้จะเป็นเสื่อผักตบชวาที่เป็นแบรนด์ของอโยธยา 

.

สร้างแบรนด์ด้วยการสร้างคุณค่า

ในช่วงที่โรงแรมอยู่ในภาวะการแข่งขันสูง ศิวาเทลเลือกที่จะไม่วิ่งตามเทรนด์หรือทำสงครามราคา แต่หันมาเน้นเรื่องคุณค่าสินค้าและการบริการของตน จากการเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและนำมาปรับใช้เรื่องการรู้จักตน

จากการวิเคราะห์จุดยืนของแบรนด์ที่เน้นในเรื่องคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ เพื่อจะได้มีศักยภาพในการส่งต่อความสุขไปยังผู้อื่นต่อไป สิ่งที่เด่นชัดคือเรื่องของอาหารในโรงแรมที่ไม่ได้เน้นแค่ความอร่อย แต่ทำจากวัตถุดิบออร์แกนิคและปราศจากสารเคมีจากชุมชนและเกษตรกรรายย่อยโดยตรง ในเมนูอาหารเช้าสำหรับลูกค้าจะมีแผนที่ประเทศไทยบอกเล่าถึงวัตถุดิบแต่ละอย่าง เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจแหล่งที่มาและเพลิดเพลินกับอาหารที่ทำจากวัตถุดิบออร์แกนิคและวัตถุดิบอินทรีย์ได้ทั้งหมด 

อีกสิ่งหนึ่งที่ศิวาเทลใส่ใจคือการลดใช้ขยะ การใช้บริการในโรงแรมจะไม่มีการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทั้งสบู่และแชมพูจะเป็นออร์แกนิคซึ่งไม่มีสารเคมีอันตรายที่จะตกค้างในตัวลูกค้า รวมถึงจะไม่ปนเปื้อนลงไปในแม่น้ำลำคลอง ชุดของใช้ในห้องน้ำจะอยู่ในขวดแบบเติม น้ำดื่มในห้องพักก็จะใช้เป็นขวดแก้ว เนื่องจากธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ผลิตขยะมาก จากวันที่ศิวาเทลเคยผลิตขยะออกมาเดือนละประมาณเกือบเก้าพันกิโลกรัม จนถึงวันนี้สามารถลดการใช้ขยะในโรงแรมได้ถึง 80% 

การที่ศิวาเทลเป็นโรงแรมที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าทุกการใช้จ่ายเพื่อพักผ่อนมีความหมาย เพราะความสุขของลูกค้าจะถูกแบ่งปันไปยังชุมชนและเกษตรกร ผ่านอาหารที่รับประทานและยังได้ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ทั้งหมดคือคุณค่าและความหมายที่เหนือกว่าเรื่องราคาที่ลูกค้าสัมผัสได้

ศิวาเทลมองว่าการทำธุรกิจที่มีส่วนทำให้ชีวิตผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้มีความภูมิใจมากกว่าผลกำไร และเป็นคุณค่าที่จะส่งต่อไปถึงลูกหลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังยินดีที่จะให้โรงแรมอื่น ๆ นำโมเดลนี้ไปใช้เพราะเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อสังคมและประเทศ 

.

เรียนรู้อยู่เสมอ

เพื่อพัฒนาระบบการจัดการที่ยั่งยืน ศิวาเทลจึงมีการเข้าร่วมการอบรมในโครงการต่างๆอยู่เสมอ เช่น โครงการ Green Hotel หรือ Green life เพื่อให้ได้ทราบระบบและแนวทางที่ปฏิบัติอย่างมีมาตรฐานที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบันทึกการใช้พลังงาน การจัดการน้ำเสียและการจัดการขยะ ทั้งยังใส่ใจเรื่องความสุขของพนักงาน เพราะเชื่อว่าหากพนักงานมีความสุขแล้ว จะสามารถส่งต่อความสุขให้ลูกค้าผ่านทางบริการ พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อให้มีเป้าหมายเดียวกัน

รวมทั้งปรับเปลี่ยนความคิดว่าการทำการเกษตรและการหมักขยะเป็นเรื่องยุ่งยากและต้องใช้พื้นที่มาก โดยเรียนรู้เรื่องการปลูก พืชผักสวนครัวในโรงแรม สามารถนำมาใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและช่วยลดรายจ่ายได้อีกทางหนึ่ง จากนั้นก็หันมาดูแลเรื่องการลดขยะเศษอาหารโดยการนำมาหมักเป็นปุ๋ยใช้เองและขยะหมักนี้ยังนำมาใช้เป็นดินปลูกผักได้อีกด้วย 

.

จุดยืนชัดเจน สามารถต่อยอดได้ 

การมีจุดยืนการทำงานชัด ทำให้การต่อยอดบริการหรือสินค้าได้ง่ายขึ้น  แม้ในสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ศิวาเทลก็พร้อมที่จะให้บริการใหม่ๆโดยดำเนินงานจากแก่นงานเดิม 

หลังจากนี้ศิวาเทลวางโครงการขยายธุรกิจไปในส่วนการขายวัตถุดิบออร์แกนิค และมีแผนที่จะปรับมุมหนึ่งของร้านอาหารให้กลายเป็นมินิออร์แกนิคบาร์ มี Farmer lunch talk ที่ให้เกษตรกรมาทำเมนูร่วมกับเชฟเพื่อเล่าเรื่องราวเบื้องหลังวัตถุดิบให้ลูกค้าฟัง รวมถึงการวางแผนจัดทริปเยี่ยมชมฟาร์มเกษตรกร และมีแนวคิดที่จะนำภูมิปัญญาไทย มานำเสนอในรูปแบบที่ร่วมสมัยและเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ซึ่งจะต่อยอดเป็น workshop ให้ลูกค้าต่อไป

.

ผู้ที่สนใจที่พักหรือบริการ สามารถติดต่อศิวาเทลได้ที่

Sivatel Bangkok 

53 ถนน วิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

Tel02 309 5000

Website: www.sivatelbangkok.com

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

Robot System แก้ปัญหาอย่างเชี่ยวชาญด้วยระบบหุ่นยนต์

Robot System แก้ปัญหาอย่างเชี่ยวชาญด้วยระบบหุ่นยนต์

ในยุคที่หุ่นยนต์ กำลังค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันกับธุรกิจด้านหุ่นยนต์ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

Robot System บริษัทที่พัฒนาและออกแบบระบบสำหรับหุ่นยนต์ในงานด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจด้วยความชอบและความรู้ด้านหุ่นยนต์ ผสานกับประสบการณ์การทำงานจากต่างประเทศกว่าสิบปี ทำให้บริษัทยังคงยืนหยัดอยู่ได้ แม้การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นี้จะส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจก็ตาม

.

แก้ปัญหาด้วยความเข้าใจ

การนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้เพื่อแก้ปัญหา สิ่งสำคัญคือ การพยายามสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจถึงความแตกต่าง วิธีการ และประโยชน์ของการใช้หุ่นยนต์ เมื่อลูกค้ามีความเข้าใจแล้ว บริษัทจึงจะสามารถออกแบบหุ่นยนต์ให้ตรงกับสเปคความต้องการของลูกค้าได้

.

ความหลากหลาย ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกรูปแบบ

เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีผู้ผลิตหุ่นยนต์ ดังนั้น Robot System จึงอาศัยการรวบรวมชิ้นส่วนจากหลากหลายยี่ห้อ หลายสัญชาติ เพื่อเลือกชิ้นที่เหมาะสมกับงานที่สุด แล้วจึงนำมาออกแบบ ต่อเติม เพิ่มความสามารถของหุ่นยนต์เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า

.

ตามหาตลาดที่มีความต้องการสินค้า

ลูกค้าต่างคนต่างมีโจทย์ในใจที่ต่างกัน การทำงานแบบ customize จึงเป็นวิธีการที่มีข้อดี ตรงที่สินค้าทั้งหมดจะตรงกับสเปคของลูกค้า แต่ก็ต้องพบกับความท้าทายคืองานประเภทนี้ไม่สามารถทำซ้ำในรูปแบบเดียวกันเป็นจำนวนมากเพื่อวางขายในท้องตลาดได้ ทาง Robot System จึงพยายามพัฒนาธุรกิจสินค้าสำเร็จรูปเพื่อขายสินค้าแบบเดียวกัน โดยขายให้กับดีลเลอร์ของต่างประเทศ จากนั้นดีลเลอร์จะไปตามหาลูกค้าที่มีความต้องการสินค้า วิธีการนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีทำให้มียอดการสั่งซื้อสินค้ากลุ่มขายซ้ำของ Robot System เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

.

ตั้งโจทย์ในการพัฒนาสินค้า จากปัญหาที่มีร่วมกันทั่วโลก

ในปัจจุบันธุรกิจซื้อขายออนไลน์นั้นเติบโตเป็นอย่างมาก นำมาซึ่งความต้องการในการขนส่งสินค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศ ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือการถ่ายของเข้าและออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ที่ทุกวันนี้ยังต้องอาศัยแรงงานคนแทบทั้งหมดในทุกประเทศ เป็นสิ่งที่ Robot System มองเห็นว่าโจทย์ในลักษณะนี้ คือการเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีปัญหาเดียวกันทั่วโลก ก็น่าจะมีวิธีแก้ปัญหาแบบเดียวกัน สามารถนำโจทย์นี้ไปใช้ในการพัฒนาสินค้าสำหรับผลิตซ้ำเพื่อแก้ปัญหาได้

.

โดดเด่นด้วยนโยบายและบริการหลังการขาย

ระบบหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของ Robot System นั้นเน้นไปที่เรื่องความสามารถในการปรับแต่งสินค้า จุดเด่นคือการทำให้หุ่นยนต์ฉลาดขึ้นกว่าตอนที่แกะกล่องจากโรงงาน มีการเพิ่มอวัยวะ เพิ่มประสาทสัมผัส สามารถคิดและแก้ปัญหาได้ ด้วยนโยบาย 3S คือ Smart, Simple, Safe (ฉลาด, ใช้งานง่าย, ปลอดภัย) และยังมีบริการหลังการขาย ซึ่งนอกจากจะดูแลเรื่องการซ่อมแซมอุปกรณ์แล้ว ทาง Robot System ยังมีบริการเทรนนิ่งการใช้งานให้กับพนักงานของลูกค้าทุก ๆ 6 เดือนอีกด้วย เพื่อให้พนักงานได้ทบทวนวิธีการใช้งานอุปกรณ์อยู่เสมอ

.

จับมือกับพันธมิตร แลกเปลี่ยนความถนัด

การศึกษาเรื่องหุ่นยนต์นั้นเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในหลายส่วนประกอบ ทำให้การพัฒนาเพื่อนำหน้าคู่แข่งคนอื่น ๆ อยู่ตลอดนั้นทำได้ยาก Robot System จึงเลือกอาศัยความร่วมมือจากบริษัทพันธมิตรธุรกิจทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าที่แต่ละบริษัทต่างมีความเชี่ยวชาญ การร่วมงานกับบริษัทอื่นยังเป็นการขยาย เครือข่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้นอีกด้วย และการหาพันธมิตรใหม่จากประเทศที่เคยร่วมงานแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างโอกาสสำเร็จในการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น

.

ส่งประกวดเพื่อเรียนรู้และปรับปรุง

ข้อดีของการประกวดคือ บริษัทสามารถนำเอาหลักเกณฑ์ในการพิจารณาของกรรมการ มาตรวจสอบตนเองเพื่อมองหาสิ่งที่ขาดและสิ่งที่ต้องปรับปรุง ช่วยให้เห็นข้อบกพร่องของบริษัทได้ชัดขึ้น นอกจากนี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้ามาตรวจสอบและให้คะแนน จะช่วยเสนอแนะวิธีการปรับปรุงให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นับเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลสำหรับพัฒนากิจการให้ดีขึ้น

.

แนวโน้มธุรกิจด้านหุ่นยนต์ในปัจจุบันยังคงเป็นช่วงขาขึ้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะช่วยเป็นหลักประกันว่าบริษัทจะไปได้ดีหรือไม่ ไม่ได้อาศัยเพียงความรู้ทางด้านหุ่นยนต์เท่านั้น แต่ยังอาศัยความรู้ในเนื้องานนั้น ๆ อย่างลึกซึ้งอีกด้วย บริษัทที่จะทำงานด้านระบบได้ดีนั้นจะต้องเข้าใจภาพรวมขั้นตอนของการทำงานทั้งหมดได้เป็นอย่างดี พื้นฐานความรู้นี้จะเป็นจุดเด่นของบริษัทและหัวใจสำคัญคือความชอบในงานที่กำลังทำ ทั้งหมดนี้ คือแนวคิดการประกอบธุรกิจของ Robot System

.

ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Robot System สามารถติดต่อได้ที่
บริษัท โรบอท ซิสเต็ม จำกัด (Robot System Co., Ltd.)
ที่อยู่ : 899/23 หมู่ที่ 21 ซอยที่ดินไทย ถ.คลองอาเสี่ย ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
โทร. : 0-2173-4367-69
โทรสาร : 0-2173-4370
อีเมล : info@robotsystem.co.th
Website : www.robotsystem.co.th

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

MiNiMEX เข้าครัวอย่างมีดีไซน์

MiNiMEX เข้าครัวอย่างมีดีไซน์

ที่อยู่อาศัยของคนในปัจจุบัน นั้นเปลี่ยนไปเน้นในด้านของความคล่องตัวมากขึ้น MiNiMEX จึงตอบโจทย์ครัวยุคใหม่ ด้วยเครื่องครัวขนาดกะทัดรัด สีสันสดใส ดีไซน์สวยงามและหลากหลายสไตล์ ตอบโจทย์ให้สำหรับทุกรสนิยม สามารถเข้ากับทุกการแต่งบ้านในราคาจับต้องได้ 

 

MiNiMEX คือแบรนด์น้องเล็กภายใต้ บริษัท เพ็นเค อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องครัวมาอย่างยาวนาน โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สวยงาม โดยแบรนด์ MiNiMEX จะเน้นจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ด้วยรูปแบบการอยู่อาศัยของคนสมัยปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในคอนโดมากขึ้น จึงคัดเลือกสินค้าที่ประหยัดพื้นที่ใช้สอยแต่ยังเปี่ยมคุณภาพและรูปลักษณ์สวยงามในราคาย่อมเยา 

.

ลูกค้าต้องได้รับความคุ้มค่า

จากความเชี่ยวชาญในด้านอุปกรณ์เครื่องครัวอยู่แล้ว จึงเป็นประโยชน์ในการคัดเลือกสินค้าเข้ามาในกลุ่มของ MiNiMEX นอกจากสินค้าที่มีดีไซน์โดดเด่นสวยงามแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคุ้มค่าของลูกค้า เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ผู้บริโภคเชื่อถือที่สุดคือเรื่องคุณภาพ ดังนั้นการคัดเลือกสินค้าแต่ละชิ้นเข้ามา จะต้องมีการทดสอบการใช้งานจนกว่าจะมั่นใจว่าสินค้านั้นจะต้องมีประโยชน์ต่อลูกค้าจริงๆ จึงจะนำมาจำหน่าย

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งทาง MiNiMEX ให้ความสำคัญคือเรื่องโรงงานการผลิต จึงมีความละเอียดใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกโรงงานเข้ามาร่วมงาน เพราะต้องการพันธมิตรที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันและสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่ หรือเทคนิคการซ่อม และความรวดเร็ว เพราะแบรนด์ให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายเป็นอย่างมากและดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อเรื่องใดเข้ามา ทั้งสอบถามหรือมีการเคลมสินค้าต้องไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง ไม่ว่าสินค้าตัวนั้นจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม 

 

สินค้าในแบรนด์ MiNiMEX มีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ โดยแบ่งหมวดหมู่ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ เรียกกันว่า 3B ดังนี้

 

  • Brew อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเรื่องการชงกาแฟ มีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของลูกค้า อย่างเช่น เครื่องชงกาแฟ, เครื่องบดกาแฟ, เครื่องปั่นฟองนม, เมล็ดกาแฟ เป็นต้น
  • Bake สินค้าประเภทเตาอบ ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัท และยังมีครัวขนาดใหญ่ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเรียนหรือเข้าไปปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการทำอาหารได้ สินค้าในกลุ่มนี้อย่างเช่น เตาอบ, หม้อไฟฟ้าอเนกประสงค์, หม้อทอดลมร้อน เป็นต้น
  • Blend สินค้าเครื่องครัวประกอบอาหาร ตัวอย่างเช่น เครื่องปั่นผสมอาหาร, เครื่องปั่นน้ำผลไม้, food processor หรือ เครื่องเตรียมอาหารเอนกประสงค์ เป็นต้น

.

ประยุกต์ใช้วิธีการขายแบบเก่าเข้ากับโลกใหม่

สินค้าของ MiNiMEX ที่วางจำหน่ายทั้งใน Modern trade และห้างสรรพสินค้า จะต้องมีการฝึกฝนพนักงานขายให้สามารถสาธิตสินค้าได้ ต้องรู้จริงในตัวผลิตภัณฑ์ และต้องสามารถที่จะทำให้ผู้บริโภคเห็นภาพได้จริง สิ่งนี้คือกลยุทธ์ในการเรียกลูกค้า ที่หลายคนมองว่าเป็นการขายแบบเก่า แต่ MiNiMEX ยังมีความเชื่อแบบนั้นอยู่และดำเนินมาตลอด เพราะคิดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องมีการทดลองเพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ลูกค้าหลายท่านตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟของ MiNiMEX เพราะว่าได้ชิมรสชาติกาแฟ หรือลูกค้าหลายท่านที่ซื้อเตาอบ เพราะว่าเห็นพนักงานทำเค้กน่าทานและอร่อย

แต่ในปัจจุบันที่ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่การขายแบบออนไลน์ ก็หันมาใช้วิธี live สาธิตวิธีการทำเมนูต่าง ๆ จากอุปกรณ์เครื่องครัวของ MiNiMEX  ซึ่งลูกค้ามีการติดตามจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และให้การตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการชมการสาธิต, การทำสูตรเครื่องดื่มต่าง ๆ  หรือสอบถามข้อมูลและการบริการเพิ่มเติมผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็สามารถสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งได้ประโยชน์ทางการตลาดในการที่ลูกค้ามีการรีวิวหรือแชร์สินค้าผ่านทางโซเชียล เป็นสาเหตุที่ทำให้แบรนด์สามารถแจ้งเกิดจนได้รับความสนใจ 

.

พัฒนาเทคโนโลยีไม่หยุดนิ่ง

นอกจากการใส่ใจในเรื่องคุณภาพและความสวยงามของสินค้าแล้ว MiNiMEX ยังสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทำให้สินค้ามีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้สามารถที่จะผลิตสินค้าในรูปแบบของตนเอง ต่อยอดขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ออกไปได้อีก

.

ผู้ที่สนใจสินค้าของ MiNiMEX สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หรือติดต่อได้ที่

PEN K LIFE CENTER

1521/1 อาคารไทยซินสแควร์ ชั้น 1 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

Tel: 02 714 0785-6 

Fax: 02 714 0830

Email: minimex@penk.co.th

Website: www.minimex.com

Facebook: www.facebook.com/MiniMexKitchen

Instagram: @minimexkitchen

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

อาหารคลีน ฉบับ New Normal ต้องไร้แป้ง ไร้น้ำตาล ไร้สารปรุงแต่ง

การให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี (Health & Wellness) ทำให้ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันหันมาใส่ใจในเรื่องของการบริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นในปี 2563 จนถึงปัจจุบันกลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันยิ่งมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพเติบโตอย่างมากมาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจ SME และแบรนด์ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่

จากข้อมูลรายงานเชิงลึก Trendipedia ประจำปี 2564 ของ เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชั่นการแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก ที่มองว่า พฤติกรรมผู้บริโภคและรูปแบบการใช้จ่ายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจึงจำเป็นต้องมีความคล่องตัวมากพอที่จะเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ต้องสร้างสรรค์เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่จะสามารถรับมือกับความท้าทายที่แท้จริงได้ นั่นคือ เรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยทางอาหาร  

โดย 1 ใน 8 เทรนด์ ที่ปรากฏอยู่ในรายงาน Trendipedia ประจำปี 2564 คือ “สุขภาพคือเรื่องแรก” (Health First) ซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจกำลังกลายเป็นเรื่องสำคัญ ผู้คนจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อการบำรุงสุขภาพ และความสุขของตนเอง รวมถึงการช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตใจ เพราะวันนี้ผู้บริโภค มองว่า การดูแลสุขภาพไม่ใช่เป็นเพียงแค่ Mega Trend ที่เกิดขึ้นแล้วผ่านไป แต่การดูแลสุขภาพได้กลายเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ของตัวบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันไปแล้ว 

หนึ่งในเทรนด์ของอาหารเพื่อสุขภาพของพ.ศ.นี้ที่ยังมาแรง และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง คือ อาหารคลีน (Clean Food) หรือเรียกกันติดปากว่า การกินคลีน หมายถึง การกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ได้เน้นเฉพาะผัก หรือเนื้อสัตว์ แต่ลักษณะของอาหารต้องสด สะอาด ใหม่ ปลอดสารเคมี เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการหมักดอง หรือผ่านกระบวนการขัดสี ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่ใส่สารกันบูด ผงชูรส และไม่หวาน หรือเค็มจัด ถ้าเป็นผลไม้ก็จะทานสด หากเป็นเนื้อสัตว์ก็ต้องไม่ติดมัน มีการปรุงรสแต่เพียงน้อยนิด หรืออาจไม่ปรุงรสเลยก็ได้ 

เนื่องจากการกินอาหารคลีนเป็นวิธีดูแลสุขภาพที่ดี ช่วยควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน การกินอาหารคลีนจึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ หรือกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อโรคอ้วนส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอจนเกิดอาการเจ็บป่วย และกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการคุกคามของไวรัส COVID-19

ในยุคแรกๆ นิยามของ “อาหารคลีน” คือ อาหารที่สะอาด ปลอดภัย ไขมันต่ำ ผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ไม่มากเกินไปจนสูญเสียคุณค่าโภชนาการ โดยหลักการของการกินคลีน คือ การลด ละ เลิก อาหารแปรรูป อาหารที่มีสารสังเคราะห์ทุกชนิด เน้นอาหารสดใหม่ งดคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี อาหารที่มีส่วนผสมของไขมันอิ่มตัว และลดเครื่องปรุงรส ลดน้ำตาล ลดเกลือ เน้นการบริโภคผักสดผลไม้ และพืชผักออร์แกนิคส์ เป็นต้น

เมื่อการบริโภคอาหารคลีน ส่งผลต่อการลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนัก วันนี้ อาหารคลีน ในยุค New Normal ได้ถูกตีความขยายวงให้กว้างขึ้น และเชื่อมโยงกับอาหารในหลากหลายประเภทมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่ส่งผลต่อเรื่องของการควบคุม หรือลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่ดี ตัวอย่างเช่น 

Plant-based Food คือ อาหารที่ใช้วัตถุดิบจากพืชที่ให้คุณค่าโปรตีนสูง แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1) Plant-based Milk นมทำจากถั่วประเภทต่างๆ เช่น นมอัลมอนด์ 2) Plant-based Meal คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบ Plant-based คาดการณ์ว่าต่อไปกลุ่มนี้จะเป็นตลาดใหญ่ และมีโอกาสเติบโตสูง และ 3) Plant-based Protein หรือ Plant-based Meat คือ เนื้อสัตว์จากพืช นำวัตถุดิบจากพืชให้โปรตีนสูง และใช้เทคโนโลยีด้านอาหารมาพัฒนารสชาติ กลิ่น สี ให้เหมือนเนื้อสัตว์จริง เช่น แบรนด์ Beyond Meat และ Impossible Foods จากสหรัฐอเมริกา เน้นการเป็นวัตถุดิบให้กับร้านอาหาร และเชนร้านอาหารรายใหญ่ สำหรับประเทศไทย ก็เริ่มมี Food Tech Startup ที่เข้ามาเจาะตลาด Plant-based Meat รวมถึงบริษัทรายใหญ่ด้านอาหารก็เริ่มให้ความสนใจในตลาดนี้เช่นกัน

โดยเทรนด์นี้เริ่มได้รับความนิยมมาจากฝั่งอเมริกา ซึ่งในบทวิเคราะห์หนึ่งของ Forbes ที่เผยแพรในช่วงปลายปี 2563 ยังระบุว่า 28% ของชาวอเมริกันนิยมบริโภคโปรตีนจากแหล่งพืชมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2019 โดย 24% กินผลิตภัณฑ์จากนมจากพืชมากกว่า และ 17% กินเนื้อสัตว์ทางเลือกจากพืชมากขึ้น

คาร์โบไฮเดรตทางเลือก คุณลักษณะพิเศษของคาร์โบไฮเดรตทางเลือก คือการลดปริมาณน้ำตาลลง ทำให้ผู้บริโภคที่ควบคุมน้ำตาลสามารถรับประทานแป้งได้อย่างปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ คือ แป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว  เป็นแป้งที่ผลิตจากการสกัดเอาน้ำ และน้ำมันออกจนหมด ใช้สำหรับการทำขนมต่างๆ เนื่องจากมีองค์ประกอบของโปรตีนและใยอาหารสูง และคาร์โบไฮเดรตต่ำ อีกทั้งยังไม่มีองค์ประกอบของกลูเตนเหมือนข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ จึงเหมาะกับผู้บริโภคกลุ่มที่เป็นโรคแพ้กลูเตน หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

คาร์โบไฮเดรตทางเลือก ยังอาจรวมถึงอาหารกลูเตนฟรี หรืออาหารที่ปราศจากกลูเตนซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีอยู่มากในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ ซึ่งอาหารที่มีกลูเตนสูงยังรวมถึงผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เพราะมีส่วนช่วยให้ขนมปัง ขนมอบต่างๆ เหนียวนุ่ม คงตัว น่ารับประทาน และรสชาติ เนื่องจากกลูเตนมีผลกระทบต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกาย บางคนอาจมีภาวะแพ้ต่อโปรตีนกลูเตนชนิดนี้ ร่างกายไม่ย่อยกลูเตนจึงรู้สึกไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้ การขับถ่ายผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งคนดัง หรือนักกีฬาบางคนนิยมบริโภคอาหารที่ปราศจากกลูเตนเพื่อการลดน้ำหนัก

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแป้งคาร์โบไฮเดรตต่ำ GI ต่ำ และไม่มีน้ำตาล ซึ่งเป็นนวัตกรรมอาหารเพื่ออนาคตที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดคาร์โบไฮเดรตแบบปราศจากสารเคมี ผ่านการทดลองที่ควบคุมอย่างเข้มงวด และทดสอบความเป็นไปได้กว่าร้อยแบบ เพื่อสร้างแป้งเสมือนขึ้นโดยยึดหลักอาหารต้องมีรสชาติดีอร่อย และถูกปาก

Dancing with a Baker เป็นผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่ผลิตโดยบริษัท เทสเต็ด เบ็ตเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายขนมปังไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล เพื่อเป็นทางเลือกของคนกลัวแป้ง ด้วยจุดเด่นของการเป็นขนมปังที่ผลิตจากแป้งคาร์โบไฮเดรตต่ำของทางบริษัท เป็นแป้งในรูปแบบ Modify non Starch ซึ่งเป็นแป้งสาลีชนิดพิเศษให้คาร์โบไฮเดรตต่ำ 100 กรัม อยู่ที่ 0-14% (แป้งสาลีทั่วไปที่มีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 60%) และมีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 1.1-1.4 ต่อชิ้น จึงเหมาะกับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หรือ ผู้ลดน้ำหนักที่เลี่ยงการบริโภคแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต

คุณตรัย สัสตวัฒนา ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Dancing with a Baker กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ติดรสชาติความเหนียวนุ่ม และคาแรกเตอร์ของความเป็นแป้ง แต่ต้องแลกมาด้วยคาร์โบไฮเดรตที่สูง จึงเกิดไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการลดคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำที่สุด โดยที่ไม่ได้ไปกระทบกับรสชาติ และลักษณะความเป็นแป้งมากนัก 

“เป็นจังหวะที่ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา ทางฝั่งยุโรปมีความนิยมในการบริโภคอาหารที่เรียกว่า โลว์คาร์บ (Low-Carb) และคีโตเจนิก (Ketogenic) เกิดขึ้น จึงนำข้อมูลมาประกอบในงานวิจัย จากเรื่องโลว์คาร์บมาเป็นโลว์ชูการ์ และโนชูการ์ ปัจจุบันมี No Suger Added ซึ่งเป็นความหวานทดแทนจากผลไม้ จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้น้ำตาลที่เป็นส่วนย่อยของคาร์โบไฮเดรตลดต่ำลงมากที่สุด จนถึงไม่มี แต่ยังสามารถทำผลิตภัณฑ์ที่เหมือนปกติออกมาได้

เร็วๆ นี้ ทาง Dancing with a Baker ยังเตรียมพัฒนาขนมปังไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล ไม่มีกลูเตน ออกสู่ตลาด ซึ่งจะเป็นขนมปังที่มีรสชาติใกล้เคียงเหมือนขนมปังปกติทั่วไปมากที่สุด

ผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำตาล ลดสารปรุงแต่ง

หลายปีมานี้ น้ำตาลถูกมองว่าเป็นตัวร้ายทำลายสุขภาพ ในยุคหลังๆ อุตสาหกรรมอาหารในหลายๆ ประเทศ จึงมุ่งคิดค้นนวัตกรรมทดแทนความหวานที่ไม่ทำร้ายสุขภาพ และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลดการบริโภคน้ำตาล ในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยก็เริ่มมีการจัดเก็บภาษีความหวานในกลุ่มเครื่องดื่มแบบอัตราก้าวหน้า คือ ยิ่งน้ำตาลมากยิ่งเสียภาษีมาก” แต่เมื่อคนส่วนใหญ่ยังติดหวาน ในวงการอาหารจึงพยายามสร้างทางเลือกใหม่เพื่อใช้ทดแทนความหวานจากน้ำตาล แต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ เช่น สารสกัดจากหญ้าหวาน มันหวาน อินทผลัม เป็นต้น 

ในอนาคต ความต้องการเครื่องดื่มแคลอรีต่ำที่เพิ่มขึ้น และข้อได้เปรียบในการลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องของการใช้สารทดแทนน้ำตาล อาจเป็นเหตุผลสำคัญต่อการเติบโตของตลาดอาหาร และเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล 

อย่างไรก็ตาม อาหารคลีน คือ อาหารที่ปรุงแต่งน้อย ลดความหวาน มัน เค็ม โซเดียมต่ำ และไม่ใส่เครื่องปรุงรสที่มีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล และผงชูรส ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ในเมนูแนะนำก็ต้องเลือกใช้เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันเจือปน เช่น อกไก่ ดังนั้นสิ่งที่ตามมา คือ รสชาติความอร่อยที่ขาดหายไป ทำให้ขาดความสุขในการบริโภค 

NICE (ไนซ ซีซันนิ่ง) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสสูตรคลีน ที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท ไนซ์เบทเตอร์ จำกัด จากการมองเห็นเทรนด์การบริโภคเพื่อสุขภาพ จึงเกิดไอเดียในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผลปรุงรสคลีนเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นตัวช่วยทำให้คนไทยได้กินอาหารคลีนได้อย่างมีรสชาติ และมีสุขภาพที่ดี

จุดเด่นของ NICE คือ การเป็นผงปรุงรสที่ลดการใช้โซเดียม และสารเคมี ผลิตจากเครื่องเทศนานาชนิดที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ซึ่งการใช้โซเดียมที่ลดลงกว่า 70% จึงเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพ คนที่ต้องการลด หรือควบคุมน้ำหนัก กลุ่มผู้ป่วย และกลุ่มแม่ที่มีลูกเล็ก ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม คือ ผงปรุงรสคลีน น้ำพริกคลีน และเครื่องปรุงเพื่อสุขภาพ เช่น เกลือ สารให้ความหวาน ผงหญ้าหวาน เป็นต้น

เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่มีความรู้ในเรื่องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ย่อมส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค Aging Society จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการด้านธุรกิจอาหารต้องมีความรู้ในเรื่องของเทรนด์การบริโภค และการพลิกแพลงศาสตร์ด้านการสร้างสรรค์เมนูสุขภาพต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยคุณค่าของอาหารเพื่อสุขภาพที่ต้องมาพร้อมกับรสชาติความอร่อย

บทความแนะนำ

ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ (ศพว.) – เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยคุณสมบัติของวัสดุ

ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ (ศพว.) – เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยคุณสมบัติของวัสดุ

วัสดุโลหะที่ผู้ประกอบการมีอยู่หรือได้ทำการสั่งเข้ามา จะรู้ได้อย่างไรว่ามีคุณสมบัติครบตามต้องการจริง ๆ และจะรู้ได้อย่างไรว่าวัสดุโลหะเหล่านั้น จะยังคงคุณสมบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อต้องถูกนำไปใช้งานอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต 

.

ทดสอบไว้ ให้รู้จักคุณสมบัติของวัสดุ

โจทย์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัสดุโลหะ คือ เรื่องที่ทาง ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ (ศพว.) มุ่งเน้นให้ความสำคัญที่จะหาคำตอบ ซึ่งหน้าที่หลักของทาง ศพว. ก็จะเป็นการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของโลหะ ตามโจทย์ที่ได้รับจากผู้ประกอบการ 

อีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การตรวจสอบและประเมินอายุการใช้งานของเครื่องจักร ภาชนะรับแรงดัน หม้อน้ำ ไปจนถึงโครงสร้างทางวิศวกรรม ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบโดยใช้หลักเกณฑ์ทางวิศวกรรมที่ได้มาตรฐานสากล

นอกจากหน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัติ และตรวจสภาพเครื่องจักรโรงงานต่าง ๆ ยังมีในส่วนของงานวิจัย วิเคราะห์ความเสียหาย รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านปรับปรุงกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น 

.

ตอบโจทย์การผลิตทุกระดับ

ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ (ศพว.) ได้มีการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการพัฒนาความรู้ และพัฒนากระบวนการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการทุกระดับ ได้แก่

  • ห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณสมบัติวัสดุและวิเคราะห์ความเสียหาย จะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ ทดสอบ และตรวจสอบวัสดุโลหะ ให้กับทางด้านผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรอุปกรณ์ โดยมีการตรวจสอบทั้งแบบทำลายและไม่ทำลาย รวมทั้งมีการวิเคราะห์เรื่องความเสียหายให้กับเครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างทางวิศวกรรม อีกทั้งยังมีเรื่องของการตรวจสอบสภาพการใช้งาน และการประเมินอายุการใช้งาน ว่ามีจุดไหนที่เป็นจุดที่ควรจะต้องสังเกต หรือควรจะต้องไปปรับปรุงเพิ่มเติมให้กับกระบวนการผลิต ให้ผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการมีคุณภาพมากที่สุด
  • ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสมรรถนะและความปลอดภัย บริการวิเคราะห์ตรวจสอบอื่น ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงทางด้านความปลอดภัย เช่น การวิเคราะห์ความเค้นต่าง ๆ ในวัสดุ วิเคราะห์การสั่นสะเทือน ว่ามีผลต่อความเสียหายของอุปกรณ์เครื่องจักรอย่างไรบ้าง รวมทั้งการทดสอบทางด้านทางกล ทั้งแบบ static และ dynamic ให้เห็นว่าเวลาใช้งานวัสดุจะทนความล้าได้เท่าไหร่
  • บริการที่ปรึกษาทางด้านวิศวกรรม และวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาทางวิศวกรรม เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการพัฒนากระบวนการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • การพัฒนาผู้ประกอบการ ในการอบรมและสัมมนา ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาแสดงความต้องการได้ว่า ต้องการที่จะให้จัดอบรมในเรื่องของโลหะด้านใดบ้าง  รวมถึงคำแนะนำให้ความรู้ตั้งแต่ในกระบวนการเลือกวัสดุ กระบวนการงานเชื่อมโลหะ ไปจนถึงเรื่องของการวิเคราะห์ความเสียหาย เป็นต้น

.

ศูนย์วิเคราะห์และพัฒนาสมบัติของวัสดุ (ศพว.) มีความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมศักยภาพของผู้ประกอบการ SME และภาคอุตสาหกรรมการผลิต ให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล  

.

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
35 หมู่ 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 ประเทศไทย
โทรศัพท์ 0-2577-9264-79
E-mail: natapol_b@tistr.or.th
Website : www.tistr.or.th/MPAD/
Facebook: MaterialPropertiesAnalysisAndDevelopmentCentre
Youtube: TISTR2506
Line Official: @tistr

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ