ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. (BID)

ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. (BID)

ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช.  นั้น ดูแลในส่วนของการพัฒนาผู้ประกอบการฐานเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นที่ผู้ประกอบการ SME ที่นำเอาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้เพื่อทำธุรกิจ โดยการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีการเริ่มต้นธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ ที่นำพาธุรกิจให้ออกสู่ตลาดแล้วก็มีการเติบโตสูงอย่างยั่งยืน

โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดัน 4 เสานวัตกรรมหลัก ได้แก่ Process Innovation, Market Innovation, Product Innovation และ Organization Innovation ให้ผู้ประกอบการมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 5 ปี ผ่านกลไกสนับสนุนจากหลากหลายช่องทาง

ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี  (BID) มีความมุ่งมั่น และภาคภูมิใจที่ได้ช่วยคนไทย ช่วยสินค้าไทย เพราะการได้ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงนั้น มันจะส่งผลไปทั้งระบบ เมื่อธุรกิจเติบโตก็จะช่วยสร้างรายได้ กระจายไปอีกหลายต่อจนถึงต้นทางที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบในประเทศ และเมื่อทั้งระบบเติบโต ทั้งหมดนี้ก็จะมีส่วนช่วยส่งผลให้ GDP ของประเทศเติบโตขึ้นด้วย

 

บริการจากทางศูนย์

ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี  (BID) พร้อมให้บริการครอบคลุมในทุกมิติ ที่มีความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจ เช่น

  • อบรมบ่มเพาะธุรกิจ
  • วินิจฉัยธุรกิจ
  • ให้คำปรึกษาพัฒนาโมเดล / แผนธุรกิจ
  • ให้บริการนำงานวิจัยออกสู่การจัดตั้งธุรกิจ
  • เชื่อมโยงผู้ประกอบการสู่งานวิจัย
  • แนะนำให้คำปรึกษาการร่วมลงทุนกับเครือข่ายแหล่งทุน
  • ให้คำปรึกษาการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้ในชุมชน
  • ส่งเสริมกิจกรรมออกตลาดทั้งในประเทศ / ต่างประเทศ
  • กิจกรรมเชื่อมโยงงานวิจัยสู่อุตสาหกรรม

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. 

ที่อยู่: 111 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120

โทรศัพท์: 02-564-7000

อีเมล: bid@nstda.or.th

เว็บไซต์ : www.nstda.or.th/bid

บทความแนะนำ

Lekker Café and Restaurant รักสุขภาพพร้อมรักษ์โลก

Lekker Café and Restaurant รักสุขภาพพร้อมรักษ์โลก

จะมีใครคิดบ้างว่า การที่ลูกค้าเดินเข้าร้านอาหาร แล้วสั่งกาแฟแค่ 1 แก้ว หรือ อาหารเพียง 1 มื้อ จะสามารถช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้ พร้อมกับดูแลสุขภาพของตัวเองได้พร้อมกันด้วย

นี่คือวิธีคิดจากคุณอัจฉรา ฟุกเท็น เจ้าของร้าน Lekker Café and Restaurant ที่อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ที่ต้องการให้ลูกค้าทุกคนได้มีส่วนช่วยดูแลโลก ผ่านไลฟ์สไตล์ปกติในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่ต้องไปลงมือลงแรงปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตไปจากเดิม เรียกว่า ที่ร้าน Lekker Café นั้นอำนวยความสะดวกให้ทุกคนได้ดูแลโลกผ่านการเข้ามาทานอาหาร หรือแค่เข้ามานั่งดื่มกาแฟ

แล้วมันจะช่วยดูแลโลกได้อย่างไร ก็ต้องมาดูลึกลงไปถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังของเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ที่ทุกขั้นตอนนั้นต้องช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม ไล่มาตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจากผู้ผลิตในชุมชนอ่าวนางเลยทีเดียว ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็นสโลแกนสั้นกระชับจับใจ ว่า “Drink Black, Eat Green”

 

Drink Black, Eat Green

สโลแกนนี้เป็นการสื่อสารคุณค่าที่ทางร้าน Lekker ยึดถือ ให้ไปถึงลูกค้า โดย

Drink Black นั้นเป็นการสนับสนุนให้คนหันมาทานกาแฟดำไม่ใส่นมไม่ปรุงรส ซึ่งทางร้านมีเมล็ดกาแฟคัดสรร 3 สายพันธุ์ ที่ผ่านกระบวนการหมักผลของกาแฟรวมกับเมล็ดกาแฟ เพื่อให้เมล็ดนั้นมีรสชาติหวานปลายในตัวเอง ทำให้กาแฟดำดื่มได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลเพิ่ม เมื่อไม่ต้องใส่น้ำตาล ก็จะเป็นผลดีกับสุขภาพ และเป็นการลดการใช้น้ำตาล ที่มาจากอุตสาหกรรมไปอีกทางหนึ่ง รวมถึงการทานกาแฟที่ไม่ใส่นม ก็เป็นการช่วยลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ ที่ทั่วโลกนับว่าเป็นกระบวนการที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมมากอันดับต้น ๆ นอกจากนั้นลักษณะพฤติกรรมของคนทานกาแฟ ใน 1 วัน จะไม่ได้ดื่มกาแฟเพียงแค่แก้วเดียว จะต้องมีการดื่มระหว่างวัน เป็นแก้วที่ 2-3 ถ้าทุกแก้วนั้นดื่มเป็นกาแฟดำ ก็ยิ่งส่งผลดีมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน

Eat Green เป็นการสนับสนุนให้ทานอาหารจากวัตถุดิบออร์แกนิกในชุมชนอ่าวนาง เป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผลิตด้วยทางหนึ่ง ร้าน Lekker เองยังได้มีการนำเสนอทางเลือกให้กับเมนูมังสวิรัติในรูปแบบใหม่ ๆ ที่มีรสชาติดี ให้ประโยชน์ทางโภชนาการสูง จากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในชุมชน สร้างสรรค์เมนูที่หาทานที่ไหนไม่ได้ กลายเป็นเมนูยอดนิยมที่จุดประกายให้ลูกค้ารู้สึกเกิดไอเดียอยากหาวัตถุดิบกลับไปเข้าครัวทำกินกันที่บ้าน ซึ่งทางร้าน Lekker เชื่อว่าหากว่าผู้คนสามารถลดการทานเนื้อสัตว์ในแต่ละมื้อลงได้ ก็เป็นอีก 1 ทาง ที่จะช่วยส่งผลให้ขนาดของอุตสาหกรรมปศุสัตว์เล็กลงได้

จากแนวคิดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้ ร้าน Lekker Café and Restaurant ได้รับการติดต่อจาก หน่วยงานต่าง ๆ สามารถชนะรางวัล SME Provincial Champions 2023 รางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับ SME ที่เชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับชุมชนได้อย่างโดดเด่น โดยเป็นรางวัลที่มอบให้ SME ที่มีคะแนนสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของจังหวัด รวมถึงได้รับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ SME National Awards อีกรางวัลหนึ่งด้วย

นอกจากเป็นร้านที่ชนะรางวัลแล้ว ยังเป็นร้านที่ชนะใจลูกค้าในละแวกอ่าวนางที่ทำให้คนพูดถึงกันปากต่อปาก ทั้งจากคนในชุมชนไปจนถึงนักท่องเที่ยวที่ต่างปักหมุดมาแวะเวียนจากทั่วโลก

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

Lekker Café and Restaurant 

ที่อยู่: 33/5 หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ 81180

โทร: 080-870-2383

อีเมล: adchara.voeten@gmail.com

Facebook:  Lekker Cafe’ Krabi

บทความแนะนำ

เสบียงคลีน ร้านอาหารคลีนที่เข้าใจคนยุคใหม่

เสบียงคลีน ร้านอาหารคลีนที่เข้าใจคนยุคใหม่

หลังจากยุคโควิดเป็นต้นมา ผู้คนเริ่มมาให้ความสนใจในด้านสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องการดูแลสุขอนามัยไปจนถึงอาหารการกิน ที่ต้องเลือกอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และดีต่อสุขภาพ

คุณจิรภัทร ปั้นสำรอง ได้มองเห็นรูปแบบไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำร้านอาหารคลีน เพื่อช่วยดูแลสุขภาพให้กับผู้คนอีกทางหนึ่ง โดยเปิดร้านในชื่อว่า เสบียงคลีน ร้านอาหารคลีนสไตล์มินิมอล

แม้ว่าช่วงที่เปิดร้านแรกที่สาขานวมินทร์ จะเป็นช่วงเวลาท่ามกลางสถานการณ์โควิด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ร้านเสบียงคลีนหยุดชะงัก ทางร้านได้ปรับวิธีการขายที่เข้าใจผู้บริโภค ด้วยการปรับรูปแบบเป็นขายออนไลน์ทั้งหมด พร้อมให้บริการส่งให้ถึงที่ นับได้ว่าเป็นการเริ่มเรียนรู้การทำระบบออนไลน์ให้กับร้าน และกลายเป็นช่องทางหลักที่ประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงสถานการณ์โควิดมาได้

ความใส่ใจที่กลายเป็นผลตอบรับ

ร้านเสบียงคลีนในช่วงแรกที่เปิดร้านนั้น เรียกว่าเป็นช่วงลองผิดลองถูก ลองลงมือทำไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้วางกลุ่มเป้าหมายหลักว่าลูกค้าจะเป็นคนกลุ่มใด แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องย้ายร้านออกจากสาขานวมินทร์ และกำลังหาทำเลของร้านที่จะเปิดใหม่ในบริเวณย่านศาลายา เมื่อได้ตระเวนดู สังเกตการใช้ชีวิตของผู้คน และเก็บข้อมูลมากขึ้นก็พบว่าผู้คนบริเวณมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นั้นเต็มไปด้วยผู้ที่รักและให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก ทำให้เห็นช่องทางที่น่าสนใจที่จะย้ายร้านมาเปิด 

เป็นไปตามคาด เมื่อร้านเปิดที่ตลาดเมืองนอก ศาลายา ผู้คนต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงผู้ที่ออกกำลังกายจริงจังเป็นประจำ เหตุผลหนึ่งมาจากร้านอาหารคลีนในย่านนี้ยังมีจำนวนน้อย และการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าหาร้านได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องมาถึงร้านด้วยตัวเอง

สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าคือ เมนูอาหารที่หลากหลาย ปรุงสด สะอาด น่ารับประทาน มีคุณประโยชน์ ให้ในปริมาณที่คุ้มค่า ราคาไม่สูง และยังมีการคำนวณค่าโภชนาการให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรม เช่น หากเป็นคนที่มีการออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อ สามารถแจ้งกับทางร้าน เพื่อให้จัดเตรียมอาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสมได้ รวมถึงทางร้านเองก็มีการให้คำแนะนำกับลูกค้าว่าว่า มื้อไหนเหมาะกับเมนูอะไร โดยอ้างอิงจากปริมาณแคลอรี ทำให้ชนะใจกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงดูแลร่างกายได้เป็นพิเศษ

ด้วยวิธีทำการตลาดแบบออนไลน์ ทำให้ร้านเสบียงคลีน เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และด้วยกระแสตอบรับที่ดี ทำให้มีหน่วยงานจากกระทรวงพาณิชย์ติดต่อเข้ามา เนื่องจากเล็งเห็นว่าร้านเสบียงคลีน เป็นร้านเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ มีความแปลกใหม่ และมีรูปแบบการทำธุรกิจที่ปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี จึงอยากให้ร้านเสบียงคลีนเข้าร่วมการประกวดรางวัล SME Excellence Awards ซึ่งในท้ายที่สุดร้านเสบียงคลีนก็สามารถชนะรางวัลมาได้

คุณจิรภัทร เจ้าของร้านเสบียงคลีน มีแนวคิดในการทำธุรกิจที่ยึดถือมาตลอด ว่า การจะทำธุรกิจต้องมีความเชื่อมั่น มีความศรัทธาเป็นอย่างแรก ต้องโฟกัสจดจ่อกับสิ่งที่ทำว่านี่คือสิ่งที่ใช่ และ ชอบ แล้วลุยให้เต็มที่ ถึงจะท้อแต่ก็ต้องสู้ในทุกสถานการณ์ เพราะกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงต้องเชื่อมั่นก่อน ว่าเราทำได้

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

บริษัท เสบียงคลีน จำกัด

ที่อยู่: 895 หมู่ 4 ซอยกะทุ่มล้ม10 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม.

โทร: 080-593-5299

อีเมล: sabiangclean.1@gmail.com

Facebook: เสบียงคลีน cafe 

บทความแนะนำ

โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development System)

 สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยร่วมของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( สสว.) ขอเรียนเชิญ ผู้ประกอบการ SME ไทย

เข้าร่วม “โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development System)” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับองค์กร

โดย โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนค่าฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำ สูงสุดถึง 80%

 

โครงการให้บริการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำที่ครอบคลุมการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นเลิศ ทั้ง 4 ด้าน ดังนี้

  • การวางกลยุทธ์เพื่อการดำเนินธุรกิจ
  • การวางแผนการตลาดและลูกค้า
  • การบริหารทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาทักษะตนเอง
  • เพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนการผลิต และระบบมาตรฐานคุณภาพ

 

รายละเอียดโครงการ https://www.ftpi.or.th/bds

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 02-6195500 ต่อ 573 (ยุธิชล) , 585 (ศาตพร), 584 (กิตติมา)  

081-8077427  (พัชรีพร) ผู้จัดการโครงการ

 

บทความแนะนำ

SME D Bank ออกสินเชื่อใหม่ ‘จิ๋วสุดแจ๋ว’ เสริมแกร่งรายย่อย ‘เติมทุนคู่พัฒนา’

SME D Bank ออกสินเชื่อใหม่ ‘จิ๋วสุดแจ๋ว’ เสริมแกร่งรายย่อย ‘เติมทุนคู่พัฒนา’ วงเงินกู้ 5 แสน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ แถมรับประโยชน์ 2 ต่อ ลดค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย

SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย คลอดสินเชื่อใหม่ “จิ๋วสุดแจ๋ว” วงเงินรวม 500 ล้านบาท เสริมแกร่งผู้ประกอบการรายย่อย เข้าถึงแหล่งเงินทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุด 5 แสนบาทต่อราย คู่การพัฒนา รับสิทธิประโยชน์ 2 ต่อ ได้แก่ 1.ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ 1% เมื่อเข้าอบรมหลักสูตรความรู้ ผ่านแพลตฟอร์ม DX และ 2.ผ่อนดีมีวินัยลดดอกเบี้ยให้อีก 1%

นายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ “จิ๋วสุดแจ๋ว” สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย (MICRO) ที่มีศักยภาพต้องการเงินทุน แต่ขาดหลักประกันให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ เพื่อนำไปลงทุน ขยาย ปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องธุรกิจควบคู่กับสนับสนุนเติมความรู้ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งเติบโตอย่างยั่งยืน

สินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” วงเงินรวม 500 ล้านบาท คุณสมบัติ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 1 ปีก็กู้ได้ เปิดกว้างทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เป็นต้น วงเงินกู้สูงสุด 500,000 บาทต่อราย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR+6 (ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ 7.50% ต่อปี) หรือเฉลี่ย 1.125% ต่อเดือน ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี แบบลดต้นลดดอก เปิดรับคำกู้ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นสุด 28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือจนกว่าจะหมดวงเงินโครงการ

ที่สำคัญ สินเชื่อนี้ นอกจากให้เงินทุนแล้ว ยังเติมความรู้และสร้างวินัยทางการเงิน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการมอบประโยชน์ 2 ต่อ คือ ต่อที่ 1 เมื่อเข้าอบรมหลักสูตรยกระดับเอสเอ็มอีจิ๋วสุดแจ๋ว ผ่านแพลตฟอร์ม DX (https://dx.smebank.co.th/) เช่น หลักสูตร Financial Literacy หรือหลักสูตรSustainable Business เป็นต้น จะได้เอกสารรับรองผ่านการอบรม (E-Certificate) พร้อมรับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ (Front End Fee) 1.0% ของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และต่อที่ 2 สนับสนุนการสร้างวินัยทางการเงิน เมื่อผู้ประกอบการผ่อนชำระดีติดต่อกันต่อเนื่อง 12 งวด ได้รับสิทธิ์ขอลดอัตราดอกเบี้ย 1.0% ต่อปี

สนใจใช้บริการสินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” ผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์ได้ง่าย ๆ เพียงสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มเพื่อนบน LINE Official Account : “DX by SME D Bank” จากนั้น กดแบนเนอร์สินเชื่อ เพื่อแจ้งความประสงค์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

บทความแนะนำ