อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิยาลัยพะเยา

อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิยาลัยพะเยา

อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เป็นหน่วยงานที่เปิดประตูต้อนรับผู้ประกอบการที่ต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานของทางมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย หรือการติดต่ออาจารย์คณะต่าง ๆ ก็สามารถเข้ามาที่อุทยานฯที่พร้อมเป็น Total Innovation Solution ให้กับผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการทางด้านเกษตร อาหาร เครื่องสำอาง ไอที หรือธุรกิจการค้าต่าง ๆ เพียงแค่มีไอเดียธุรกิจ ก็สามารถเดินเข้ามาขอรับบริการได้ครบวงจรจนสามารถสร้างสินค้าออกสู่ตลาด

อีกหนึ่งเป้าหมายที่เป้าหมายที่ทางอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยาให้ความสำคัญ คือการมุ่งสร้างวิสาหกิจเพื่อสังคม สนับสนุนธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อช่วยกระจายรายได้และสร้างผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์คืนให้กับชุมชน ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังแนวความคิดในการสร้างธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม ที่จะส่งผลให้ชุมชนเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

บริการที่ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับ MSME

    • การพัฒนาและบ่มเพาะธุรกิจ ให้ความรู้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างอาชีพและช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการชุมชน ผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่มีความสนใจ

 

  • ศูนย์ออกแบบนวัตกรรม ให้บริการคำปรึกษาและออกแบบ หาอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นสินค้า โดยนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ

 

  • ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบ เปิดให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาพัฒนาสูตร ทดสอบคุณสมบัติหาส่วนประกอบ เพิ่มสรรพคุณให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไปจนถึงวิเคราะห์ด้านสิ่งแวดล้อมได้
  • โรงงานต้นแบบนวัตกรรมอาหาร เปิดให้บริการผลิตชิ้นงานต้นแบบเพื่อทดสอบตลาด พร้อมทั้งสามารถยื่นขอจดทะเบียน อย. ได้เสร็จสรรพ
  • หน่วยจัดการด้านทรัพย์สินทางปัญญา ให้บริการที่ปรึกษา การจดเครื่องหมายการค้า ให้ความรู้เรื่องการคุ้มครอง ตลอดจนการเชื่อมโยงทรัพย์สินทางปัญญาจากมหาวิทยาลัยในเครือข่าย
  • สนับสนุนการวิจัย จับคู่ผู้ประกอบการและอาจารย์ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อทำการวิจัยร่วมกัน โดยทางอุทยานฯ จะสนับสนุนค่าวิจัยส่วนหนึ่งให้

อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เป็นเหมือนกับ One-Stop Service ให้กับผู้ประกอบที่มีไอเดียทำธุรกิจ สามารถเข้ามาขอใช้บริการเพื่อเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ก้าวแรก ไปจนถึงการพัฒนาสินค้าจนสามารถวางขายออกสู่ตลาดได้อย่างครบวงจร

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา University of Phayao Science Park (UPSP)

ที่อยู่: สำนักงานอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
ชั้น 1 อาคาร 99 ปี พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมฺมปญฺโญ)
19 หมู่ 2 ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา 56000

โทรศัพท์: 054-466-666 ต่อ 3711 - 3714

อีเมล: upscipark@outlook.com

เว็บไซต์ : www.upsp.up.ac.th

Facebook: UPSciencePark

บทความแนะนำ

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (‍บพข.)

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดสรรทุนวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการ รวมถึงทุนสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างตลาดนวัตกรรม การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้จริงในเชิงพาณิชย์ 

โดยการให้ทุนจะมุ่งเน้นที่การสนับสนุนแผนงานที่มีความร่วมมือหรือการร่วมลงทุนกับผู้ใช้ประโยชน์ อาทิ SMEs และภาคอุตสาหกรรม ผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

 

บริการที่ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับ MSME

  • Connect สร้างความเชื่อมโยงระหว่างความต้องการของผู้ประกอบการ เข้าหาความต้องการจากในแวดวงอุตสาหกรรม ร่วมกับผลวิจัยจากภาครัฐ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน
  • Collaboration สร้างกิจกรรมให้เกิดการทำงานร่วมกัน ทั้งการนำเสนอแผนธุรกิจ การจับคู่ทางธุรกิจ จับมือกันระหว่างผู้ประกอบการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
  • Commercialization สนับสนุนโครงการวิจัยให้สามารถประกอบเป็นธุรกิจได้จริง หรือช่วยยกระดับอุตสาหกรรมให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
  • Competitiveness ร่วมสร้างความแข็งแกร่ง และ เพิ่มความสามารถให้กับผู้ประกอบการที่สามารถออกไปแข่งขันได้ในระดับโลก

บพข. ต้องการที่จะช่วยยกระดับผู้ประกอบการ ให้มีประสิทธภาพในการผลิต เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน การที่มี บพข.และหน่วยบริหารจัดการทุนจะเข้ามาช่วย จะส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดการเติบโต ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ที่จะทำให้ธุรกิจเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง สร้างอำนาจในการต่อรองได้

บพข. ต้องการขับเคลื่อนและเร่งการสร้างธุรกิจให้เกิดขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจนั้นขยับตัวเร็วมาก หากปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป คงไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่หากทุกภาคส่วนมีการทำงานร่วมกัน พัฒนาธุรกิจให้เดินหน้าไปพร้อมกัน จะช่วยให้งานวิจัยต่าง ๆ ออกไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อมีธุรกิจใหม่ ๆ มากขึ้น การลงทุนในประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วความได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศก็จะสูงขึ้น

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

ที่อยู่: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)
319 อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

โทรศัพท์: 02-109-5432 ต่อ 871-898

อีเมล: pmuc@nxpo.or.th

เว็บไซต์ : pmuc.or.th

Facebook: pmuc.researchfunding

บทความแนะนำ

TOP Foods Supply ธุรกิจทุเรียนน้องใหม่ ที่ทุ่มหัวใจนำคุณภาพ

TOP Foods Supply ธุรกิจทุเรียนน้องใหม่ ที่ทุ่มหัวใจนำคุณภาพ

หากพูดถึงผลไม้ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย สิ่งที่เราจะนึกถึงคงหนีไม่พ้นทุเรียน ที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับเป็นที่หนึ่งในใจว่าหากจะกินทุเรียนแล้ว ก็ต้องเลือกกินทุเรียนจากเมืองไทย ถึงจะได้ทุเรียนที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสดีที่สุด

เมื่อทุเรียนเป็นสินค้าราคาดีที่มีความต้องการจากทั่วโลก ใคร ๆ จึงพากันหันมาขายทุเรียน ทำให้ในตลาดผลไม้ต่างมีผู้ขายทุเรียนเรียงรายกันมากหน้าหลายตา เรียกได้ว่าถึงฤดูทุเรียนเมื่อไหร่ เดินไปที่ไหน มองไปทางใด แทบจะเห็นทุเรียนเรียงตั้งอยู่ในทุกร้าน หากแต่เพียงว่า ไม่ใช่ทุกร้านที่จะคัดเลือกทุเรียนที่อร่อย ได้คุณภาพมาวางขาย ลูกค้ายังคงต้องสุ่มรสชาติทุเรียน โดยการเคาะ หรือ ดูสี ดูผิว ดูขั้วกันไป บางลูกเนื้อแข็ง บางลูกเนื้อเละ บางลูกเปลือกหนาเนื้อน้อย กว่าจะได้เจอทุเรียนอร่อย ก็อาจต้องผ่านความผิดหวังอยู่หลายครั้ง

จากปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นข้อมูลให้คุณท๊อป – กิตติภูมิ ชินโสภณทรัพย์ ประธานบริหารบริษัท ท๊อปฟู๊ดซัพพลาย จำกัด นำมาตั้งเป็นโจทย์ในการทำธุรกิจ เพื่อสร้างแบรนด์ผลไม้ที่ใช้คุณภาพและการบริการนำสินค้าเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า จึงได้สร้างแบรนด์ของทุเรียนขึ้น ในชื่อว่าสยามไดมอนด์ 

ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาสู่วงการทุเรียนได้ไม่นานนัก แต่ด้วยไอเดีย กลยุทธ์และมุมมองการทำธุรกิจที่แตกต่าง เป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ และนั่นทำให้ทุเรียนสยามไดมอนด์นั้นสามารถแหวกฝ่าตลาดทุเรียนของผู้เล่นมากมาย เข้าไปสู่การจดจำของลูกค้าได้ในเวลาเพียงไม่นาน และทำให้ทุเรียนที่แบรนด์นี้ กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าน่าลิ้มลอง เป็นที่เรียกหาจากทั้งในประเทศและในต่างประเทศ

ใส่ไอเดียลงทุเรียนไทย ให้โลกรู้จัก

ทุเรียนสยามไดมอนด์นั้น สร้างความโดดเด่นด้วยการตลาด จนทำให้ใครต่อใครเมื่อได้เห็นแล้วยากที่จะปฏิเสธ ต่างเกิดความรู้สึกอยากซื้อ อยากลองชิม เคล็ดลับเบื้องหลังมาจากความขยันและใส่ใจของแบรนด์ที่ทำการบ้านจากลูกค้าทุกคน ด้วยการสอบถามข้อมูลความชอบว่าชอบทุเรียนแบบใด เนื้อสัมผัสแบบใด จะกินในช่วงเวลาไหน เมื่อมีข้อมูลตรงจากลูกค้า ก็สามารถที่จะคัดเลือกทุเรียนที่มีรสชาติเนื้อสัมผัสได้ตรงกับใจลูกค้า พร้อมส่งตรงให้ลูกค้าถึงที่ด้วยรถเย็น ล็อกรสชาติไว้ให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ ลูกค้าจะได้รับทุเรียนที่อร่อยที่สุด ณ เวลาที่ต้องการกิน จนกลายเป็นคำบอกต่อกันปากต่อปากว่า ทุเรียนสยามไดมอนด์อร่อย ไม่ต้องลุ้น

เป้าหมายของแบรนด์ที่ถูกตั้งไว้ตั้งแต่วันแรกคือ ถ้าคนนึกถึงทุเรียนแล้วต้องนึกถึงสยามไดมอนด์ และคนจะนึกถึงเราได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของการคัดคุณภาพของทุเรียน ถ้าคุณภาพไม่สม่ำเสมอการซื้อซ้ำจะไม่กลับมา ซึ่งสยามไดมอนด์คัดทุเรียนให้มีคุณภาพเท่ากันทุกกล่อง เลือกเฉพาะเนื้อที่สวยและรสชาติที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ากินพูไหน ก็ได้รสชาติที่ดีเยี่ยมประทับใจ บรรจุในกล่องพรีเมียมที่ราคาเข้าถึงได้

เมื่อลูกค้าประทับใจ ก็กล้าที่จะบอกต่อ กล้าที่จะส่งให้คนที่เขารัก สยามไดมอนด์จึงคิดต่อยอดสินค้าใหม่ นำเสนอทุเรียนในรูปแบบใหม่ที่แปลกตา เป็นทุเรียนมงคลปิดทองบนเนื้อ เพื่อเป็นของขวัญที่มีคุณค่าให้กับคนที่รัก โดยทองที่ใช้นั้นเป็นแบบที่รับประทานได้ที่ใช้ในอาหารชั้นสูง ทุเรียนทองคำ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้สยามไดมอนด์ถูกพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์ และกลายเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้เกิน 1 ล้านบาทในเวลาไม่ถึงเดือน ความแปลกใหม่ที่เป็นที่ต้องการทันทีตั้งแต่แรกเห็น เกิดการรีวิวต่อเป็นกระแสจนรู้จักกันมากขึ้นเป็นวงกว้าง

ด้วยคุณภาพที่น่าจับตา ส่งผลให้ทุเรียนสยามไดมอนด์ ได้รับรางวัล Value Creation Awards จากสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าสินค้า

ถึงแม้จะได้รับความสำเร็จจากการทำตลาดในประเทศ แต่แบรนด์ก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ทุเรียนสยามไดมอนด์ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ ในการขยายตลาดออกไปสู่ประเทศจีนในอนาคตอันใกล้ และยังคิดหาไอเดียใหม่ ๆ ที่จะสร้างความประทับใจเพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าในโอกาสต่อไป ด้วยคุณภาพที่น่าจับตา ส่งผลให้ทุเรียนสยามไดมอนด์ ได้รับรางวัล Value Creation Awards จากสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าสินค้า, รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ 2024 และ Soft Power of the Year จาก สสว.

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

TOP Foods Supply

ที่อยู่: 64/95 ซ.อ่อนนุช 46 ถ.สุขุมวิท 77 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม. 10250

โทร: 064-449-9965

อีเมล: topfoodssupply@gmail.com

เว็บไซต์: topfoodssupply.com

Facebook: topfoodssupply

บทความแนะนำ

Taevika Jewelry จิวเวลรีที่แปลกใหม่ เอกลักษณ์ในแบบที่ไม่มีใครทำ

Taevika Jewelry จิวเวลรีที่แปลกใหม่ เอกลักษณ์ในแบบที่ไม่มีใครทำ

พลอยที่ขึ้นชื่อ คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากพลอยเมืองจันท์ และเมื่อนึกถึงพลอยก็ต้องนึกถึงการนำมาใส่ในเครื่องประดับ จังหวัดจันทบุรีจึงเต็มไปด้วยธุรกิจพลอย และร้านเครื่องประดับจำนวนมาก แล้วจะทำอย่างไรให้แบรนด์เครื่องประดับนั้นโดดเด่นและแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่อยู่ในวงการเดียวกัน

Taevika Jewelry นั้น แต่เดิมเป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวต่างชาติ จากธุรกิจส่งออกพลอยในชื่อว่า K&N Gems ก่อนจะรีแบรนด์ใหม่ในชื่อว่า Taevika Jewelry เพื่อให้ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย จดจำง่ายและเพื่อขยายตลาดในประเทศ 

Taevika Jewelry นั้นเป็นการทำกิจการต่อจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 2 ของคุณ เพนกวิน - ณัฐชยา มณีเวศย์วโรดม แต่นั่นก็ไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่น คุณเพนกวินได้เข้ามาดูแลกิจการตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบและเตรียมตัวที่จะเข้ามาดูแลกิจการเต็มตัว ก็ต้องเจอกับเรื่องท้าทายในทันที นั่นก็คือสถานการณ์โควิด-19 ที่แช่แข็งเกือบทุกธุรกิจให้หยุดชะงัก ยิ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องดูแลพนักงานกว่า 200 ชีวิตนั้น ก็เป็นโจทย์ใหญ่ที่เด็กจบใหม่ตัวเล็ก ๆ ต้องแก้ปัญหาผ่านไปให้ได้

ทุ่มทั้งหัวใจทำธุรกิจ

จุดแข็งหนึ่งของ Taevika Jewelry ที่มีมาตลอดคือ รูปแบบของเครื่องประดับ ที่แปลกใหม่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนลูกค้าสามารถจดจำหน้าตาได้ทันทีที่เห็น โดยไม่ต้องพลิกดูชื่อแบรนด์

ในช่วงโควิด-19 ที่ธุรกิจประสบปัญหาไม่สามารถไปออกงานได้ และลูกค้าต่างประเทศพากันยกเลิกออเดอร์นั้น ธุรกิจขาดรายได้จนคุณแม่ของคุณเพนกวินคิดว่า อาจจะต้องเลือกเลย์ออฟพนักงาน ที่มีอยู่กว่า 200 ชีวิต คุณเพนกวินที่เพิ่งเรียนจบกลับมาดูแลกิจการเต็มตัว เชื่อว่ามันน่าจะมีวิธีที่ไม่ต้องเสียสละใครออกไป

ท่ามกลางความกดดัน และพยายามคิดหาทางแก้ปัญหา วันหนึ่งที่คุณเพนกวินกำลังเล่นโซเชียลมีเดีย ก็พบกับวิธีการขายของธุรกิจอื่นๆ ที่ปรับรูปแบบมาขายในช่องทางออนไลน์ รวมถึงการขายผ่านการไลฟ์สด เมื่อเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า ทดลองทำเพจ และไลฟ์ขายทันทีด้วยตัวเอง ซึ่งในวันแรกมีผู้ชมเพียง 100 รายเท่านั้น และไม่สามารถขายของได้ พร้อมกับแจกแหวนให้กับผู้มาเข้าชมไปฟรีๆ สิ่งนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เรียกแขกให้เข้ามาติดตามเพจและ ชมไลฟ์ในวันถัดๆ ไป ในเวลาเพียงไม่ถึงเดือน สามารถสร้างผู้ติดตามเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว และสร้างรายได้จากการขาย ให้สามารถพยุงธุรกิจฝ่าฟันช่วงเวลาล็อกดาวน์นั้นไปได้

จากที่เคยไลฟ์ขายเอง ก็พัฒนาสู่การปั้นทีมงานนักขาย โดยการส่งไปฝึกอบรมให้พนักงานที่มีหน้าทีในการขายทุกคน ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีหัวใจในการทำธุรกิจเทียบเท่ากับเจ้าของแบรนด์ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และให้บริการลูกค้าทุกคนทุกกลุ่ม ได้อย่างดีที่สุด

เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด Taevika Jewelry ยังพัฒนาต่อยอดจากร้านจิวเวลรี ให้เป็นสถานที่พักผ่อนด้วยการเปิด Taevika Café ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาท่องเที่ยวถ่ายรูป และทดลองสินค้าจริงได้ สร้างความประทับใจให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

ด้วยคุณภาพสินค้าที่ดี รวมกับการบริการที่ดี ทำให้ Taevika Jewelry นั้น เป็นธุรกิจที่ทั้งชนะใจลูกค้า และชนะรางวัลในการประกวดแผนธุรกิจมากมายในปีที่ผ่านมา

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

Taevika Jewelry

ที่อยู่: 66 หมู่ 5 ถ.สุขุมวิท ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 22120

โทร: 085-396-9696

อีเมล: taevika.finejewelry@gmail.com

เว็บไซต์: www.taevikajewelry.co.th

Facebook: taevika

บทความแนะนำ

Jutatip แบรนด์ผ้าฝ้ายสายคราฟต์ โทนพาสเทลย้อมธรรมชาติ

Jutatip แบรนด์ผ้าฝ้ายสายคราฟต์ โทนพาสเทลย้อมธรรมชาติ

การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาตินั้น อยู่คู่กับภูมิปัญญาของไทยมาอย่างยาวนาน แต่นับวันความรู้เหล่านี้ กลับหาผู้คนที่จะสานต่อได้ยากยิ่ง ความรู้ ทักษะ เทคนิคและภูมิปัญญาอันมีคุณค่าจำนวนมากที่ไม่มีผู้สืบทอด ได้สูญหายไปตามกาลเวลาพร้อมกับคนรุ่นเก่า และหลงเหลือผู้คนที่ยังคงเก็บรักษาคลังความรู้เหล่านั้นไว้กับตัวเองเพียงจำนวนหยิบมือเท่านั้น 

คุณจุฑาทิพ ไชยสุระ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Jutatip ทำผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ มองเห็นถึงความสำคัญของภูมิปัญญาเหล่านี้ และต้องการที่จะสานต่อความรู้ โดยการชุบชีวิตภูมิปัญญาจากที่ต่างๆ นำมาปรับปรุงรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ในปัจจุบัน เพื่อจูงใจให้คนสมัยใหม่สามารถสวมใส่ผ้าทอมือได้โดยไม่รู้สึกตกยุค

ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใฝ่รู้ และมีจิตวิญญาณที่รักในงานคราฟต์ แบรนด์ Jutatip จึงสามารถสร้างสรรค์รูปแบบของงานผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ แม้ยังคงวิถีแบบโบราณดั้งเดิมแต่ออกแบบให้มีความทันสมัย มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครได้ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานได้จริง จนเป็นที่ถูกใจผู้คนในวงกว้าง และเป็นที่ยอมรับในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

 

ต่ออายุผ้าทอมือด้วยไอเดีย

เอกลักษณ์ของแบรนด์ Jutatip นั้น เป็นเทคนิคที่ถูกผสมผสานขึ้น จากการสืบสานภูมิปัญญาต้นตำรับในหลากหลายท้องถิ่นเข้าด้วยกัน มาจากความใฝ่รู้ กล้าวิ่งเข้าหาแหล่งภูมิปัญญาต้นตำรับ ทั้งการทำฝ้ายเข็นมือ 18 ขั้นตอนจากจังหวัดสกลนคร เรียนรู้การเลี้ยงคราม ย้อมครามตามสูตรดั้งเดิม เรียนรู้การย้อมสีชมพูจากจังหวัดร้อยเอ็ด การย้อมสียูคาลิปตัสจากขอนแก่น เป็นต้น

หลังจากได้กลับมาที่ขอนแก่นจึงมีความคิดอยากต่อยอดภูมิปัญญาเหล่านี้ ให้กลายเป็นอาชีพ จึงมีการติดต่อร่วมงานกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่เพิ่งเรียนจบ ให้เข้ามาช่วยกันพัฒนาทิศทางของแบรนด์ให้เป็นรูปเป็นร่าง มีแนวทางในการตลาดกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

นอกจากความรู้ภายในประเทศแล้ว วิถีงานคราฟต์ ทำมือทุกขั้นตอนในแบบ Jutatip นั้น ยังมีความคล้ายคลึงกับภูมิปัญญาของฝั่งงานญี่ปุ่น คุณ จุฑาทิพ จึงได้ลองศึกษาเทคนิคการทำฝ้ายญี่ปุ่นเพิ่มเติมและนำมาประยุกต์ใช้กับการย้อมลวดลายฝ้ายไทย

JUTATIP เป็นที่ยอมรับในวงกว้างในด้านคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และความยั่งยืน จนได้รับรางวัลในด้านต่างๆ เช่น มาตรฐาน Green Production ระดับดีเยี่ยม (ทอง) จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม รางวัลการออกแบบ G-mark (Good Design Award) โดยสถาบันการออกแบบของญี่ปุ่น 

ผลิตภัณฑ์ของ JUTATIP ครองใจผู้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นและไต้หวัน ซึ่งชื่นชอบในงานคราฟต์ จุดเด่นที่ชนะใจกลุ่มลูกค้าคือเรื่อง เฉดสี การย้อมจากธรรมชาติ รวมทั้งลูกเล่นและลวดลายผ้า จนครั้งหนี่งสินค้าของ Jutatip เคยได้รับคัดเลือกไปวางจำหน่ายในร้านมูจิที่ประเทศญี่ปุ่น 

บ้าน Jutatip ที่ขอนแก่นนั้น เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ ให้เข้ามาทดลองและลงมือทำ เป็นความตั้งใจที่ต้องการส่งต่อความรู้ที่ Jutatip สั่งสมมาให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อรักษาภูมิปัญญาเหล่านี้ไม่ให้สูญหายไป

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

Jutatip

ที่อยู่: 1/43 หมู่14 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น 40000

โทร: 099-056-4199

อีเมล: jutatiponline@gmail.com

เว็บไซต์: jutatip.com

Facebook: Jutatip Online

บทความแนะนำ