สถาบันพลาสติก – ยกระดับผู้ประกอบการพลาสติกด้วยเทคโนโลยี

สถาบันพลาสติก – ยกระดับผู้ประกอบการพลาสติกด้วยเทคโนโลยี

การเปลี่ยนแปลงระบบใหม่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ประกอบการเสมอ ยิ่งในวงการอุตสาหกรรมพลาสติกด้วยแล้ว ผู้ประกอบการมักจะคิดว่าแค่การเปลี่ยนวัตถุดิบเพียงเล็กน้อย ยังนำไปสู่ผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ การคิดจะเปลี่ยนระบบจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ยากจะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงมักติดกับดักอยู่กับการทำงานในรูปแบบที่คุ้นชิน ในสภาวะความเป็นอยู่ที่คุ้นเคย จนลืมคิดไปว่าทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป โลกได้มีการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ทั้งในแง่ของระบบวิธีทำงาน คุณภาพวัสดุ ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ รวมถึงเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากกว่าเก่า เกิดขึ้นมาอยู่เสมอ

.

ก้าวสู่โลกพลาสติกยุคใหม่

เพราะเห็นถึงปัญหาในเรื่องนี้ สถาบันพลาสติกไทย จึงก่อตั้งขึ้นมา เพื่อจะเป็นที่รวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับพลาสติกไว้ สร้างเป็นฐานข้อมูลด้านอุตสาหกรรมพลาสติก ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และการจัดการกระบวนการผลิต สามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดให้ผู้ประกอบการพลาสติกในประเทศไทย เสริมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในระบบอุตสาหกรรมพลาสติก โดยสนองตอบต่อนโยบายในวาระแห่งชาติ BCG ได้แก่ B – Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ) / C – Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) / G – Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว)  นับได้ว่าเป็นก้าวใหม่สู่โลกอนาคตของอุตสาหกรรมพลาสติกไทย

.

ตอบสนองผู้ประกอบการอย่างตอบโจทย์

ทางสถาบันพลาสติกไทยเอง มีแนวทางที่จะช่วยเสริมกำลัง ตอบสนองผู้ประกอบการพลาสติกให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ด้วยแนวคิด 5M คือ Man - บุคลากร / Machine – เครื่องจักร / Material – วัสดุ / Methodology – กระบวนการผลิต / Management – การบริหารจัดการ ด้วยการให้บริการที่ตอบทุกโจทย์ให้กับผู้ประกอบการ ได้แก่

    • ศูนย์ข้อมูลและการวิจัย ทำหน้าที่ให้ฐานข้อมูล รับโจทย์จากทางผู้ประกอบการ ร่วมคิด วิเคราะห์ และ ทำการศึกษาทางด้านการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ปรับปรุงแผนธุรกิจ รวมถึงปรับปรุงแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสม รวมทั้ง เป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ได้เข้ามาศึกษาหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ 
    • การพัฒนาผู้ประกอบการ เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ ๆ ด้วยการอบรมในรูปแบบคอร์สสาธารณะ และรูปแบบคอร์สออนไลน์ ให้กับทุกคนที่สนใจ และยังมีระบบ HR Solution ที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลผู้ที่เข้าอบรม ว่าได้ผ่านการทดสอบจากหลักสูตรใดไปบ้าง ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาพิจารณาหาบุคลากรได้โดยสะดวก
    • ศูนย์พัฒนาและให้คำปรึกษา เป็นศูนย์ที่จะช่วยเหลือในด้านของระบบการผลิตต่าง ๆ ทั้งในด้านการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการแปรรูปพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์, การให้คำแนะนำปรึกษาด้านการปรับปรุงระบบเครื่องจักรให้ทันสมัย, การให้คำแนะนำวางแผนลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตให้กับผู้ประกอบการ เป็นต้น
    •  Factory Check-Up เป็นบริการเสริมให้กับการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ โดยสามารถเข้าตรวจสุขภาพการบริหารจัดการระบบการผลิตต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ผ่านช่องทางออนไลน์ และจะออกเป็นผลการทดสอบ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุงกลับมาให้

 

ทางสถาบันพลาสติกไทย มุ่งมั่นที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการตั้งแต่พื้นฐาน ด้วยข้อมูลความรู้ ให้มีฐานที่มั่นคงที่จะดำเนินธุรกิจ และ พัฒนาธุรกิจ ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างทางด้านของการปฏิบัติการ และทางด้านของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุด ให้สามารถทำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด และสามารถดำเนินการและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้

.

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันพลาสติก
อาคารกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
86/6 ซอยตรีมิตร แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทร. 02-391 5340-43
website : www.thaiplastics.org
Facebook: PlasticsInstitute
Youtube: สถาบันพลาสติก THAIPLASTICS
Line: Thaiplastics

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

Insect Protein โปรตีนจากแมลงซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคต

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO: Food and Agriculture Organization) ให้ข้อมูลว่า แนวโน้มจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าแหล่งอาหารของโลก เช่น พื้นที่เกษตรกรรมและน้ำ จะสามารถตอบสนองความต้องการอาหารของคนจำนวนมากได้หรือไม่ ความกังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหาร (Food security) ทำให้เกิดการแสวงหาแหล่งอาหารทางเลือกสำหรับมนุษย์ โดยแมลงนับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีบทความสำคัญ และการผลิตแบบจำนวนมาก (mass production) กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก

จากผลการวิจัยของ Research and Marketsคาดการณ์ว่า ในระดับโลก มูลค่าของตลาดแมลงรับประทานได้ (Edible insects) จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.18 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยจะมีอัตราเติบโตรายปีอยู่ที่23.8% ในช่วงปี 2018-2023 

การผลิตแมลงเป็นอาหารมนุษย์ ได้รับความนิยมด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม

ในประเด็นเรื่องสุขภาพ แมลงคืออาหารที่มีประโยชน์และมีโภชนาการ แมลงหลายชนิดอุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันดี มีแคลเซียม ธาตุเหล็กและซิงค์ (Zinc) ในระดับสูง นับเป็นตัวเลือกจากแหล่งอาหารหลัก ไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู หรือเนื้อวัว

สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม แมลงปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าปศุสัตว์อื่นๆ การเลี้ยงแมลงใช้พื้นที่น้อยกว่า ไม่จำเป็นต้องทำบนพื้นดิน และไม่ต้องถางที่ดินเพื่อการขยายการผลิต ตรงข้ามกับการเลี้ยงปศุสัตว์ที่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมากทั้งอาหารสัตว์ น้ำพื้นที่เลี้ยงสัตว์โคเนื้อก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาจำนวนมาก

ในแง่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม การเลี้ยงแมลงทำได้โดยใช้เทคโนโลยีในระดับไม่มาก (low-tech) และใช้เงินลงทุนในระดับที่ไม่สูง ซึ่ง SME ก็สามารถเข้าสู่ธุรกิจนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงแมลงสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ซับซ้อน ขึ้นอยู่กับระดับของการลงทุน

นวัตกรรมโปรตีนจากแมลงยังมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นแมลงแช่เยือกแข็ง, แมลงทอดกรอบ, ผงโปรตีนจากแมลง, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรตีนจากแมลง, คุ้กกี้แมลง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโอกาสทางธุรกิจสูง แต่ธุรกิจโปรตีนจากแมลงก็มีความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องดูแลให้ดี โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร (Food safety) ซึ่งก็เหมือนกับอาหารชนิดอื่น โปรตีนจากแมลงอาจถูกปนเปื้อนในขั้นตอนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี หรือสารชีวภาพ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือเขื้อรา การผลิตแมลงที่ปลอดภัยจึงต้องป้องกัน ตรวจจับ และลดข้อกังวลเรื่องอาหารปลอดภัยต่างๆเหล่านี้ให้ได้

ในฟาร์มเลี้ยงแมลง ต้องมีมาตรการควบคุมสุขอนามัยอย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ เช่น การปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์ เป็นต้น

 

ส่งออกจิ้งหรีด

ในประเทศไทย กรมปศุสัตว์มีนโยบายสนับสนุนการส่งออกจิ้งหรีด ซึ่งทางกรมมองว่าเป็นตัวเลือกแมลงที่เหมาะสมที่สุด โดยจิ้งหรีดจัดเป็นแมลงเศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะสร้างรายได้แก่ประเทศและเกษตรกรของไทย แต่ต้องมีการยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูปตลอดห่วงโซ่ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงที่ฟาร์ม การแปรรูปที่โรงงาน จนถึงการส่งออก เพื่อการตรวจสอบและรับรอง กำกับควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้มีความปลอดภัยอาหารและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า 

ขั้นตอนในการส่งออกจิ้งหรีด ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน หนึ่งฟาร์มได้รับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จากกรมปศุสัตว์ โดยการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด มีขอบข่ายในจิ้งหรีดทองดำ จิ้งหรีดทองแดง และจิ้งหรีดทองแดงลายหรือสะดิ้ง ซึ่งต้องผ่านข้อกำหนด 5 ข้อ ประกอบด้วย องค์ประกอบฟาร์ม, การจัดการฟาร์ม ได้แก่ การจัดการจิ้งหรีด การจัดการน้ำและอาหาร บุคลากร การทำความสะอาดและการบำรุงรักษา,สุขภาพสัตว์ ได้แก่ การป้องกันและควบคุมโรค การบำบัดโรคมีการควบคุมการใช้ยาอย่างถูกต้องและเหมาะสม, สิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะ สิ่งปฏิกูลและน้ำ และการบันทึกข้อมูล มีการเก็บข้อมูลอย่างน้อย 3 ปี

ขั้นตอนที่ 2 การขึ้นทะเบียนโรงงานเพื่อการส่งออกกับกรมปศุสัตว์ในขอบข่ายแมลงและผลิตภัณฑ์จากแมลง ได้การรับรองการปฏิบัติทางการผลิตที่ดี และมีระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (HACCP) มีการแยกกระบวนการผลิตระหว่างส่วนดิบและส่วนสุกที่ชัดเจน และสอดคล้องตามข้อกำหนดและระเบียบของประเทศคู่ค้า

ขั้นตอนที่ 3 การขอใบรับรองสุขอนามัย (Health certificate) จากกรมปศุสัตว์ มีเอกสารครบถ้วนและผ่านการตรวจสอบจากสัตวแพทย์ประจำโรงงาน เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร

ปัจจุบันประเทศไทยสามารถส่งออกจิ้งหรีดไปประเทศแม็กซิโก ในรูปแบบจิ้งหรีดผง จิ้งหรีดแปรรูป และจิ้งหรีดแช่แข็ง โดยกรมปศุสัตว์ อธิบายว่า การเปิดตลาดขยายการส่งออกไปกลุ่มสหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน และญี่ปุ่น อยู่ระหว่างการเจรจาเปิดตลาด คาดการณ์ว่าจะสามารถส่งออกได้ภายในปลายปี 2564

การทำธุรกิจจิ้งหรีดจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับ SMEs ที่สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารใหม่โดย SMEs ต้องพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการผลิตและแปรรูปจิ้งหรีดให้มีคุณภาพมาตรฐาน โดยตลาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่มีโอกาสส่งออกในต่างประเทศอีกด้วย

 

 


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://www.fao.org/3/cb4094en/cb4094en.pdf

https://library.wur.nl/WebQuery/wurpubs/fulltext/258042

https://www.globenewswire.com/news-release/2018/04/26/1487795/0/en/Global-1-18-Bn-Edible-Insects-Market-Opportunity-Analysis-And-Industry-Forecast-2018-2023.html

บทความแนะนำ

UBU Spark หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ – เพิ่มศักยภาพธุรกิจหน้าใหม่ด้วยนวัตกรรม

 

UBU Spark หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ – เพิ่มศักยภาพธุรกิจหน้าใหม่ด้วยนวัตกรรม

Start-up หน้าใหม่ไฟแรง มักมาพร้อมกับไอเดียหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แหวกแนวตลาด จนกลายเป็นความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก เรื่องนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ Start-up หน้าใหม่ส่วนมาก ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ฝัน เพราะลืมทักษะในด้านการมองตลาด หรืออาจยังมีทักษะในการมองตลาดที่ยังไม่แข็งแรง และมักทุ่มเทแรงกายแรงใจ ลงไปให้ตัวผลิตภัณฑ์เสียมากกว่า โดยไม่ได้คิดถึงในมุมของกลุ่มลูกค้าที่จะใช้งาน

.

Start-up หน้าใหม่ หัวใจ Innovation
สิ่งเหล่านี้จึงหน้าที่หลักของ หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี ที่จะสนับสนุน เสริมสร้าง และเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ ให้มีความรู้ความเข้าใจถึงการทำธุรกิจโดยรอบด้าน และสร้างธุรกิจใหม่ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เกิดขึ้น

ซึ่งทางหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจแห่งนี้ เปิดกว้างให้กับบุคคลทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ นักศึกษาจบใหม่ คนวัยทำงานที่มีใจอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือใครก็ตามที่อยากเริ่มสร้างกิจการที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต ต่างสามารถเข้ามาใช้บริการหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจแห่งนี้ได้ทั้งหมด
ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องผลิตสินค้าต้นแบบขึ้นมาก่อน เพียงแค่มีไอเดีย ก็สามารถเข้ามาที่หน่วย ได้ทันที เพราะทางหน่วย มีทีมที่พร้อมจะร่วมมือกันช่วยพัฒนาธุรกิจใหม่เหล่านี้ ให้เติบโตขึ้นไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นบ่มเพาะผู้ประกอบการหน้าใหม่ คือการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในการตั้งต้นจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าก่อนเป็นสำคัญ

.

เส้นทางสู่การเป็นผู้ประกอบการ

หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ มีทีมงานและเครื่องมือ เครื่องใช้ ไปจนถึงห้องปฏิบัติการ ที่พร้อมรองรับไอเดียธุรกิจทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้น โดยมีบริการในด้านต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างเส้นทางให้กับบุคคลทั่วไป ที่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ประกอบการอย่างเต็มตัว ซึ่งต้องมีการพัฒนาไปด้วยกันในหลายมิติ ได้แก่

    • การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือขั้นตอนที่ต้องเริ่มเป็นอันดับแรกสุด ไล่ไปตั้งแต่ การทำวิจัยเพิ่มเติม, การทำผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน, การทำให้ง่ายต่อการใช้งาน เป็นต้น
    • การสนับสนุนด้านการพัฒนาบุคลากร ลำดับต่อมาคือ การพัฒนาความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยโปรแกรมการฝึกอบรมในเรื่องที่ขาด เช่น ขาดความรู้เรื่องบัญชี, ไม่มีทักษะในการบริหารธุรกิจ เป็นต้น ช่วยเติมเต็มความพร้อมให้ครบเครื่อง
    • การสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจ จะเป็นการสร้างกิจการให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนธุรกิจ ไปจนถึงเรื่องการคิดหาเส้นทางของรายได้

 

 

 

เมื่อพัฒนาผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้มีพร้อมทั้ง 3 มิติแล้ว จึงจะเรียกได้ว่าเป็นบริษัท Start-up ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเพียงพอที่จะลงสู่สนามธุรกิจได้อย่างมีอนาคต

.

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

UBU Spark หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ
อาคารศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
85 ถนนสถลมาร์ค ต.เมืองศรีไค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190
โทร. 097-335-3185, 045-433-456
E-mail: spark@ubu.ac.th
website : www.ubuspark.org
Facebook: UBUSPARK
Youtube: UBU Spark

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

UBU Spark - Pilot Plant – แปรรูปให้เป็นโอกาส

 

UBU Spark - Pilot Plant – แปรรูปให้เป็นโอกาส

การจะเป็นผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของเหล่าผู้ประกอบการ ก็คือความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความพร้อมในเรื่องของแหล่งผลิต โดยส่วนใหญ่นั้น ผู้ประกอบการที่ยังไม่สามารถพัฒนาสินค้าให้เติบโตไปได้ไกล มักมีปัญหาใหญ่อยู่ 2 เรื่องหลักคือ 1.โรงงานผลิตที่ยังไม่ได้มาตรฐานทำให้ผลิตภัณฑ์ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะเติบโตได้ และ 2. ผู้ประกอบการหลายราย มีไอเดีย มีสินค้าต้นแบบ แต่ไม่มีกำลังที่จะทำการผลิตสินค้าได้

.

ผลิตความฝันให้เกิดขึ้นได้จริง

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ต้องการที่จะช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า จึงเปิด Pilot Plant หรือ หน่วยโรงงานต้นแบบด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ขึ้นให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ สามารถเข้ามาใช้บริการได้ 

โรงงาน Pilot Plant นั้นถูกออกแบบให้มีความเอนกประสงค์มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้โดยสะดวก โดยมีจุดเด่นคือ การวางเครื่องจักรในรูปแบบจิ๊กซอว์ ซึ่งสามารถใช้เครื่องหนึ่งทำกระบวนการหนึ่ง แล้วสลับไปใช้อีกเครื่องหนึ่งเพื่อผลิตในกระบวนการถัด ๆไปได้ทันที โดยไม่ต้องมีลำดับ ซึ่งการผสมผสานรูปแบบการผลิตได้อย่างนี้ เอื้อให้ผู้ประกอบการ สามารถทดลองสร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างอิสระ

โรงงาน Pilot Plant แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 โรง ได้แก่

  1. โรงงานอาคารต้นแบบด้านการผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ สำหรับแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยแบ่งรูปแบบของการแปรรูปออกเป็น 3 ส่วน คือ
    - ผลิตภัณฑ์ดิบ อาทิ เนื้อสัตว์หัน สับ เป็นต้น
    - ผลิตภัณฑ์กึ่งสุกกึ่งดิบ อาทิ เนื้อสัตว์แปรรูป ลูกชิ้น เป็นต้น
    - ผลิตภัณฑ์สุก อาทิ ผลิตภัณฑ์พร้อมทาน ผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง เป็นต้น
    อีกทั้งยังมีเครื่องจักรสำหรับทำบรรจุภัณฑ์ รวมถึงห้องแช่เย็นสำหรับให้บริการฝากวัตถุดิบ หรือฝากสินค้าได้อีกด้วย
  2. โรงงานอาคารต้นแบบด้านแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร สำหรับแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ ต่าง ๆ โดยมีรูปแบบของการแปรรูป ได้แก่
    - แปรรูปแบบอบแห้ง
    - แปรรูปแบบผง
    - แปรรูปเป็นเครื่องดื่ม
    - แปรรูปด้วยกรรมวิธีหมักดอง
    ซึ่งสามารถใช้เครื่องจักรภายโรงงานเพื่อทำการบรรจุ สินค้าในรูปแบบถุง หรือ บรรจุลงกระป๋องตามต้องการ ได้ทันที

นอกจากการให้บริการด้านโรงงานผลิตต้นแบบแล้ว ยังมีการให้บริการในส่วน งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ให้ผู้ประกอบการมาเปิดห้องแล็บเล็ก ๆ  เพื่อทำการวิจัย และพัฒนาสูตรอาหารประจำแบรนด์ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงไปทำการผลิตจริงในขั้นตอนต่อไป

.

Pilot Plant มีทีมพี่เลี้ยง และทีมที่ปรึกษาที่พร้อมให้คำแนะนำในด้านการพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิตสินค้า ทั้งในมิติของมาตรฐาน และ ในมิติของต้นทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่ที่ต้องการจะพัฒนาสินค้า ให้ประสบความสำเร็จไปถึงฝัน และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยมีมาตรฐานสูง และมีคุณภาพที่สูงขึ้น เพื่อให้ทุก ๆ คน มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์กับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

UBU Spark - Pilot Plant
อาคารศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
85 ถนนสถลมาร์ค ต.เมืองศรีไค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190
โทร. 097-335-3185, 045-433-456
E-mail: spark@ubu.ac.th

website : www.ubuspark.org
Facebook: UBUSPARK
Youtube: UBU Spark 

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

GS1 สถาบันรหัสสากล – ยกระดับมาตรฐานสินค้าด้วยบาร์โค้ด

 

GS1 สถาบันรหัสสากล – ยกระดับมาตรฐานสินค้าด้วยบาร์โค้ด
ในอดีตสินค้าต่าง ๆ นั้น ยังไม่มีเลขหมายกำกับ ทำให้เกิดความสับสนยุ่งยากในการสื่อสารและจัดการระบบคลังสินค้า ลองนึกดูว่าถ้ามีผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน จะสามารถบันทึกจำแนกอย่างไรให้ชัดเจน ได้อย่างง่ายที่สุด การระบุเลขหมายสินค้าในรูปแบบบาร์โค้ดจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ให้กับการเก็บข้อมูลสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเพียงแค่สแกนแถบ ไม่ต้องคอยบันทึกเลขหลายทีละหลัก ที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้

.

เลขหมายมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก

เมื่อมีระบบเลขหมายเกิดขึ้น ก็ต้องมีหน่วยงานกลางที่เป็นนายทะเบียนในการออกเลขหมายประจำสินค้าให้กับผู้ประกอบการ จึงได้มีการตั้งสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานมาตรฐานที่จะดูแลเรื่องการออกรหัสบาร์โค้ดให้กับสินค้า ซึ่งมีรูปแบบดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกันใน 120 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้สินค้าที่ผลิตในแต่ละประเทศมีเลขหมายกำกับสินค้าเฉพาะอย่างชัดเจน ให้สามารถส่งออกสินค้าระหว่างประเทศได้อย่างเข้าใจตรงกัน

ถ้าหากผู้ประกอบการแต่ละคน ต่างคนต่างใช้เลขหมายที่ตัวเองตั้งขึ้น จะก่อให้เกิดความสับสนขึ้นได้ ยิ่งเมื่อนำสินค้าเข้าสู่คลังสินค้าส่วนกลาง อย่างเช่นห้างสรรพสินค้า ก็อาจเกิดกรณ๊ที่เลขหมายซ้ำกันกับผู้ประกอบการเจ้าอื่น ทำให้เกิดความผิดพลาดในการตรวจบันทึกสต็อก รวมถึงจัดจำหน้ายสินค้าผิดชิ้นก็เป็นได้ จึงต้องมีการใช้เลขหมายมาตรฐานสากล ที่ประกอบด้วยตัวเลข 13 หลักนั้น ซึ่งเป็นรหัสที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ประเทศที่ผลิต สถานที่ผลิต ไปจนถึงล็อตที่ผลิต สะดวกในการจัดเก็บบันทึกข้อมูลสินค้าได้อย่างแม่นยำ และ ในกรณีที่สินค้ามีความผิดพลาดก็ยังสามารถตรวจสอบกลับมาได้โดยง่าย

และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสินค้าถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ ถ้าสินค้านั้นได้มีการขึ้นทะเบียนเลขหมายมาตรฐานสากลไว้อยู่แล้ว ก็สามารถใช้เลขหมายนี้ได้ทันที เพราะข้อมูลสินค้าทั้งหมดได้ถูกเก็บบันทึกไว้ในฐานข้อมูลสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลขหมายบาร์โค้ดนี้ยังเป็นสิ่งที่ช่วยรับรองมาตรฐานของสินค้าในระดับหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้บริโภคในต่างประเทศสามารถให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจในสินค้าได้อีกด้วย

.

บาร์โค้ดนี้มีคุณภาพ

บริการที่ทางสถาบันรหัสสากลพร้อมรองรับให้กับผู้ประกอบการ มีตั้งแต่ 

  • บริการรับรองการเป็นสมาชิก โดยสามารถออกเป็นหนังสือยืนยันเลขหมายให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการส่งสิ่งค้าไปเปิดตลาดต่างประเทศ เพื่อใช้อ้างอิงและยืนยันตัวตนของสินค้าได้ ป้องกันการมีเลขหมายซ้ำซ้อนในระบบคลังสินค้าเดียวกัน
  • บริการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด ทุกรหัสบาร์โค้ดที่ปรากฎอยู่บนสินค้า ต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของขนาด ตำแหน่ง สีสัน ที่ใช้ในบาร์โค้ด เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ป้องกันความผิดพลาดจากเครื่องอ่านรหัส ณ จุดขายสินค้า
  • การฝึกอบรมความรู้ด้านบาร์โค้ด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน ผ่านช่องทางทั้งการฝึกอบรม สัมมนา ไปจนถึงช่องทางออนไลน์ และ พอดแคสต์ต่างๆ ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องบาร์โค้ดให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงการเปิดโลกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้เห็นว่าบาร์โค้ดทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดรหัสที่บันทึกข้อมูลสินค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย 
  • บริการ Solution Provider ทางสถาบันรหัสสากล ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะช่วยผู้ประกอบการอย่างครบวงจรรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่หน่วยงานที่ให้คำปรึกษา ไปจนถึงหน่วยงานที่ช่วยผลิตสินค้า พร้อมดูแลตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาลงทะเบียน ไปจนถึงวันที่สินค้าสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้

.

การขอรับเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล เรียกได้ว่าเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง เปิดประตูสู่โอกาสในการพัฒนาสินค้าให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เลขที่ 2 อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ชั้น 11
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
โทร. 0-2345-1000
E-mail: info@gs1th.org
Website : www.gs1th.org
Facebook: gs1thailand
Line Official: GS1 Thailand

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ