หัวข้อ : C-commerce ทางเลือกใหม่ของธุรกิจออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bangkokbanksme.com/en/c-commerce-online-business-options
C – Commerce เป็นการซื้อขายผ่านช่องทางแชทเป็นหลัก ย่อมาจาก Conversational Commerce ซึ่งก็คือ การแชทคุยกันเพื่อซื้อขายนั่นเอง โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการซื้อขาย การปิดการขาย ไปจนถึงบริการหลังการขาย
จากผลสำรวจ คนไทยใช้งานร้านค้าออนไลน์มากที่สุด (ใน 9 ประเทศ) ซึ่งคนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึงวันละ 9 ชั่วโมง คนไทยนิยมใช้งานแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการแชทในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นไลน์ (Line) หรือ แมสเซ็นเจอร์ (Messenger) ส่งผลให้ติดพฤติกรรมการแชท และกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในการทำสิ่งต่าง ๆ ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อสินค้า
ทำให้คนไทยกล้าที่จะเปิดใจใช้บริการต่างๆ ง่ายขึ้น เพราะเรื่องของอีคอมเมิร์ช ( E-Commerce) ในประเทศไทยนับเป็นเรื่องที่ใหม่ เพราะคนไทยพร้อมที่จะเรียนรู้ใช้งานสิ่งใหม่ ๆ ขอแค่มีคนให้คำแนะนำ การแชทจึงทำให้เชื่อมั่นในระบบได้มากขึ้นกว่าเดิม และเกิดการซื้อสินค้าอย่างง่ายดาย
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องใช้กลยุทธ์การซื้อขายผ่านช่องทางแชท (C – Commerce) ให้ได้ประสิทธิภาพ สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
– กำหนดบุคลิกแบรนด์ว่าต้องการให้แบรนด์ของเรามีลักษณะอย่างไร เช่น สุภาพทางการ หรือ สนุกสนานเป็นกันเอง เป็นต้น
– คิดชุดคำตอบสำรองไว้สำหรับคำถามทั่วไป ที่ลูกค้ามักถามเข้ามาบ่อย เช่น หากลูกค้าถามเกี่ยวกับราคา ผู้ประกอบการควรมีชุดคำตอบสำหรับราคาเตรียมไว้ เพื่อการตอบได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ
– ตอบแชทให้เร็วที่สุด จะทำให้ลูกค้าชื่นชอบ และผู้ประกอบการสามารถที่จะปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหากไม่สามารถตอบแชทได้ตลอด 24 ชั่วโมง ควรตั้งค่าการตอบแบบอัตโนมัติ ระบุเวลาทำการของร้าน ให้ลูกค้าได้ทราบไว้ล่วงหน้า
– ตอบคำถามให้ละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจและช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
– สุดท้ายการซื้อขายผ่านช่องทางแชท (C – Commerce) จะอยู่คู่กับชาวออนไลน์ไปอีกนาน โดยเฉพาะกับคนยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนและการแชท
ดังนั้น ผู้ประกอบการและนักการตลาดควรเน้นการซื้อขายผ่านช่องทางแชท (C – Commerce) ในธุรกิจตนเอง เพราะข้อดีมีมากทีเดียว ทั้งการเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้โดยไม่รู้ตัว
Published on 24 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงินฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 – พ.ศ.2564)
อ่านฉบับเต็มเพิ่มเติม : https://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/PolicyPS/Documents/PaymentRoadmap_2564.pdf
Covid-19 ทำให้เราเห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนทั่วโลก ที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จนเกิดเป็นวิถีชีวิตใหม่ หรือ นิว นอร์มอล (New normal) ได้ชัดเจน จากในช่วงปีที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยได้เผยถึงข้อมูลการใช้เงินของคนไทย จะพบว่าคนไทยหันมาใช้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ digital payment กันเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการจ่าย โอนเงิน ผ่านมือถือ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 116 ต่อปีทีเดียว เรียกได้ว่าเราได้ก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดกันแล้ว หลังจาก Covid-19 คาดว่าตัวเลขนี้จะยิ่งสูงเพิ่มมากขึ้นไปอีก
บริการชำระเงินอย่าง ระบบพร้อมเพย์ ที่ช่วยเราสามารถโอนเงินด้วยเบอร์มือถือ เลขประจำตัวประชาชน เลขทะเบียนนิติบุคคล หรือหมายเลข e-Wallet ได้สะดวก รวดเร็ว และค่าบริการต่ำ ได้รับความนิยมใช้เพิ่มสูงขึ้นมาก ยอดลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่สูงถึง 46.5 ล้านหมายเลข (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2561) และมีการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 4.5 ล้านครั้งต่อวัน
– พร้อมเพย์ได้มีการพัฒนาต่อยอดให้เกิดบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เช่น บริการชำระบิลข้ามธนาคาร (cross-bank bill payment) ซึ่งทำให้เราสามารถจ่ายบิลทุกธนาคารที่รองรับผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยมาตรฐาน Thai QR Payment
– Thai QR Payment ที่สะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ ทำให้ digital payment สามารถเข้าถึง SMEs และร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าในตลาด หาบเร่ แผงลอย ได้อย่างรวดเร็ว
– สามารถต่อยอดการพัฒนามาตรฐาน Thai QR payment ไปสู่การให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศ บริการเตือนเพื่อจ่าย (PayAlert)
– ร้านค้าสามารถรับชำระเงินด้วยบัตรหรือโทรศัพท์มือถือได้ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและปลอดภัยมากขึ้น
– ช่วยให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากลูกค้าได้หลายช่องทาง
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งในเรื่องของการช้อปปิ้งออนไลน์ และเลือกชำระเงินแบบไร้เงินสดที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรนำมาใช้ปรับแผนการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการมุ่งทำตลาดออนไลน์ และมีช่องทางชำระเงินออนไลน์ อย่าลืมพิจารณาในเรื่องของราคาสินค้าที่ดึงดูดใจ และโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้คนอยากซื้อสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
Published on 24 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : ปรับไลฟ์สไตล์ชีวิตใหม่รับ New Normal หลังวิกฤตโควิด-19 รอดได้ด้วย Digital Technology
อ่านฉบับเต็มเพิ่มเติม : https://www.etda.or.th/content/new-normal-after-covid-19.html/
ความไม่เหมือนเดิมหลังต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เริ่มต้นจากชีวิตของคนเราที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เราคิดว่า เรื่องโรคระบาดอาจเป็นเรื่องไกลตัว แต่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงตัว จนกระทั่งโควิด-19 มาถึง ก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก วันนี้ทุกคนจึงตระหนักเพิ่มขึ้นว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำให้ชีวิตไม่เหมือนเดิม
การ Work from Home ได้สร้างเศรษฐกิจคนติดบ้าน (From Home Economy) ทำให้ e-Commerce และการทำธุรกรรมทางออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนผู้ประกอบการต่างต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ก็คือ คนให้ความสนใจและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและสาธารณสุขมากขึ้น เช่น ให้ความสำคัญกับการล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้การรักษามากยิ่งขึ้น อย่างการรักษาทางไกลเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องรับเชื้อเพิ่ม รวมถึงการมี Health Passport ยกระดับเฝ้าระวังการตรวจคัดกรองโควิด-19
สำหรับผู้ประกอบการ หลายองค์กรต้องปรับตัว หันหน้าพึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลนำมาใช้ในการทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เรื่อง Digital Transformations ที่เคยมีการพูดถึงมาอย่างยาวนานและเกิดขึ้นช้ามาก กลับถูกขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่ามากหรือน้อยเพียงใด หรือเกิดขึ้นในพื้นที่ใด เราจะเห็นว่า มันได้ทำหน้าที่ไม่ต่างกัน คือ การกะเทาะแผลของสังคม “ความไม่เสมอภาค (Inequality)” ที่มีอยู่ ให้ลึก กว้างและรุนแรงมากขึ้น จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ ที่หลายองค์กรเอกชนต้องกลับมาทบทวนว่า เราจะสามารถช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร
ผลกระทบที่ผู้ประกอบการได้รับช่วงวิกฤตโควิด-19 แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 ต้องอยู่ให้รอด เพราะในระยะนี้เป็นช่วงที่ประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องสาธารณสุขและชีวิตของคนมากที่สุด ผู้ประกอบการจึงต้องอยู่ให้รอดกับภาระต้นทุนที่ต้องเปิดรับ ต้องกลั้นหายใจ
ระยะที่ 2 ต้องปรับตัว จากความผิดปกติแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม (New Abnormal) นับเป็นช่วงที่เรากำลังเผชิญอยู่ ซึ่งในระยะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้าง เริ่มกลับมาหายใจได้บ้าง แต่ก็ไม่เต็มปอดมากนัก
ระยะที่ 3 ต้องอยู่ให้ยืน จากความปกติที่ไม่ปกติหลังโควิด-19 (New Normal) เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต้องตั้งคำถามว่า “โลกหลังโควิดนี้ ยังต้องการเราอยู่หรือไม่” ในการดำเนินกิจการต่าง ๆ มีความจำเป็นหรือไม่ อยู่เพื่ออะไร สร้างคุณค่า (Value) อย่างไรให้กับผู้บริโภค ท่ามกลางวิธีการสื่อสาร การติดต่อที่เปลี่ยนไปนี้
ในวิกฤตโควิดนี้ ไม่เพียงทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความสำคัญและความจำเป็นของการทำหรือไม่ทำอะไรแล้ว ยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ ปรับตัวเข้าสู่ตลาด e-Commerce มากขึ้น ติดต่อลูกค้า B2B (Business-to-Business) กันมากขึ้นด้วยออนไลน์ สามารถสั่งของ เช็กสต๊อกผ่านระบบดิจิทัล เพียงแค่ระบบหลังบ้านต้องเชื่อมต่อข้อมูลกันเท่านั้นเอง ทำให้ธุรกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น ดังนั้น เครื่องมือสำคัญที่จะนำพาเราออกจากวิกฤตนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ เทคโนโลยีดิจิทัล และ Mindset ของคนในองค์กร
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หนึ่งในหน่วยงานของรัฐ ที่มีการปรับตัวเช่นเดียวกับเอกชน เพราะใช่ว่าโควิดจะกระทบกับเอกชนและประชาชนเท่านั้น แต่รัฐก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน ทำให้รัฐต้องปรับตัวเน้นการเป็นผู้สนับสนุน เพื่อแก้ปัญหาให้อะไรที่ติดขัดในช่วงนี้ สามารถทำต่อไปได้และไม่เป็นภาระของเอกชนหรือประชาชนมากเกินไป
วิกฤตนี้ได้สร้างข้อจำกัดทางกายภาพโดยเฉพาะเรื่องการเดินทาง ดังนั้น ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก จนอาจไปไม่รอดช่วงนี้ ได้แก่
– ธุรกิจที่ต้องอาศัยคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตจำนวนมาก
– ธุรกิจมีสินค้าหรือบริการที่ต้องเข้าถึงลูกค้าทางกายภาพ เช่น ธุรกิจการบิน
– ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
หนทางที่ทำให้รอดและการถูก Disrupt ลดลง คือ
– ลดกำลังคน ดึงเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
– จัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ที่ดี มี Vender ใน Supply Chain มากกว่า 1 ราย และต้องมีความหลากหลาย ทั้งในพื้นที่ สัญชาติ เพื่อกระจายผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
– ปรับการส่งสินค้าและบริการถึงลูกค้าในทุกขั้นตอน ต้องทำผ่านออนไลน์ ปรับตัว ใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น
Published on 24 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
ในยุคสมัยที่หลายประเทศแข่งขันช่วงชิงความเป็นผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การมีพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนความก้าวหน้าของนวัตกรรมและผู้ประกอบการไทย นับได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งยวด หนึ่งในพื้นที่ส่งเสริมนวัตกรรมและ SME ของประเทศไทย คือ เทคโนธานี
เทคโนธานี (Technopolis) ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2532 เพื่อสนับสนุนให้มีการเร่งรัดสร้างสรรค์งานวิจัยพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
เทคโนธานี ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีเนื้อที่รวมประมาณ 574 ไร่ โดยเป็นแหล่งรวมกิจกรรมทั้งทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี, นวัตกรรม, พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 7 หน่วยงาน จาก 3 กระทรวง คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
7 หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ของเทคโนธานี ได้แก่
1) สำนักงานปลัดกระทรวงอว.
2) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
3) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
4) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ
5) ศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ โดยทั้ง 5 หน่วยงานนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงอว.
6) กองพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน
7) ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เทคโนธานีมีหลากหลายพันธกิจ อาทิ สนับสนุนให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงองค์ความรู้และบริการของหน่วยงานภายในเทคโนธานี, พัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งแวดล้อมและพลังงานเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานของเทคโนธานี ให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศ
คุณวิรัช จันทรา รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าวว่า วว. มีงานวิจัยหลายด้าน อาทิ เกษตร, อาหาร, สมุนไพร และช่วยเหลือ SME ในเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร รวมถึงมีสถานที่สำหรับบ่มเพาะธุรกิจอาหารอย่างครบวงจร
“หลายที่ผลิตภัณฑ์มีปัญหา ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มาให้วว. ช่วยในการทำวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา ส่วนใหญ่ตอนนี้จะไปเรื่องเครื่องสำอางค์ บางทีก็เป็นเรื่องอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะมองเรื่องความปลอดภัย การเพิ่มมูลค่า และการยืดอายุ บางทีเขาอยากจะส่งออกต่างประเทศ แต่ติดปัญหาเรื่องอายุการใช้งาน Shelf Life ต่ำ เราจะมีเทคโนโลยีในการช่วยพัฒนา ทำอย่างไรให้อาหารเก็บได้ยาวขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อีกส่วนหนึ่งเป็นเทคโนโลยีทางด้านบรรจุภัณฑ์ เรามีศูนย์บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยทำแพคเกจจิ้งที่ปลอดภัยและยืดอายุ”
คุณวิรัช กล่าวว่า วว. ให้บริการที่เป็น Total Solution เบ็ดเสร็จครบวงจร เริ่มตั้งแต่งานวิจัย, ทดสอบ, สอบเทียบเครื่องมือ, การรับรอง และมี Scale-up Plant ในชื่อว่าโรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร (FISP) ให้ผู้ประกอบการ SME มาทดลองผลิตอาหารและเครื่องดื่ม โรงงานนี้ขอ GMP (Good Manufacturing Practice) พอผลิตเครื่องดื่มแล้วก็ได้ตราอย. มีบรรจุภัณฑ์และวางขายได้เลย “SME ไม่ต้องไปลงทุนสร้างโรงงาน มาใช้บริการได้เลย หากขายดีก็ค่อยไปสร้างโรงงานเองได้ แต่หากขายไม่ดีก็อาจมาปรับสูตร หรือวิจัยใหม่”
ในโรงงานของวว. กำลังสร้างไลน์ผลิตเครื่องสำอาง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563 โดยต่อไปผู้ประกอบการ SME สามารถมาทดลองผลิตเครื่องสำอางค์ได้
หน่วยงานอีกแห่งที่ตั้งอยู่ในเทคโนธานี คือ ศูนย์ฉายรังสี อยู่ภายใต้สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) โดยสทน. เป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเรื่องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ มีงานบริการและการฝึกอบรม ประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ คือ อุตสาหกรรม, การแพทย์, อาหาร, อัญมณี, ความปลอดภัยและเครื่องวัดปริมาณรังสี และด้านสิ่งแวดล้อม
สทน. มีเครื่องฉายรังสีภายใต้การควบคุมและดูแลของศูนย์ฉายรังสี ให้บริการฉายรังสีด้วยรังสีแกมมาให้แก่บุคคลทั่วไปโดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉายรังสีนั้นมีหลากหลายชนิด เช่น อาหารสัตว์, สมุนไพร, ผลไม้ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา, หลอดยาจุกยางฉีดยา เป็นต้น “ศูนย์ฉายรังสีดีลกับ SME ได้คือ ฉายรังสีเพื่อยืดอายุการเก็บผลิตภัณฑ์ เช่น แหนม, ผลไม้, สมุนไพร, อาหาร, เครื่องเทศ” คุณวิรัช กล่าว
สทน. ได้จัดตั้ง “โครงการคูปองนวัตกรรมด้านรังสี” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME และ OTOP สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้ง่ายขึ้น โดยให้ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาในการผลิต หรือต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้เข้ามารับการแนะนำหรือวิจัยกับสถาบัน ซึ่งพร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำหรับสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) จัดเป็นองค์กรหลักในการพัฒนาระบบมาตรวิทยาของชาติให้สอดคล้องกับระบบมาตรวิทยาสากล และให้การส่งเสริมสนับสนุนระบบมาตรฐาน เพื่อให้เกิดการยอมรับว่าประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรมที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ การคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
มว. ให้บริการแก่ผู้ประกอบการหลักๆ 2 เรื่อง
1) ให้บริการสอบเทียบ สำหรับเครื่องมือเกือบทุกประเภทที่ภาคอุตสาหกรรมใช้อยู่ โดยเฉพาะเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งห้องปฏิบัติการสอบเทียบทั่วไปไม่สามารถดำเนินการได้
2) ให้บริการด้านฝึกอบรม เช่น เทคโนโลยีการวัดใหม่ๆ เทคโนโลยีการวัดที่ต้องการความแม่นยำสูง และยังมีบริการให้คำปรึกษาให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME เพื่อให้มีความสามารถในการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น หรือมีประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น เพิ่มคุณภาพให้กับสินค้า และลดการเกิดของเสีย
คุณวิรัช กล่าวว่า สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่คอยปรับเทียบให้เกณฑ์ของประเทศไทยลิงก์กับต่างประเทศและอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการปรับจูนทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมาตรวิทยา เช่น ความแม่นยำของเครื่องมือ, เวลา, น้ำหนัก, เสียง, แสง, เคมี, อุณหภูมิ เป็นต้น
“มว. ทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (National Quality Infrastructure: NQI) ทำในระดับไพรมารี่ (Primary) ไม่ได้ไดเร็กส์โดยตรงกับ SME อาจมีบ้าง แต่น้อย ยกเว้นว่าเป็นรายการที่แปลกแล้วหาใครทำไม่ได้ ก็จะเข้ามาที่มว. แต่โดยส่วนใหญ่ถ้ามีคนอื่นสอบเทียบให้แล้ว เขาจะไม่มา เพราะมว. ทำระดับไพรมารี่ แต่หน่วยงานอื่น วว. และหน่วยงานแล็บเอกชนทั้งหลาย จะทำ Secondary Standard”
สำหรับศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ความสามารถของนักวิจัยและบุคลากรที่เกี่ยวข้องขององค์กร และพัฒนาระบบและกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านงานวิจัยพัฒนา นวัตกรรม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาหลักสูตร ฝึกอบรม และสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน
กองพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน ทำหน้าที่ฝึกอบรม พัฒนา ถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านการบริหารจัดการพลังงาน โดยอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพในการผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด เพื่อให้การพัฒนาพลังงาน และการอนุรักษ์พลังงานของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
คุณวิรัช กล่าวว่า เป้าหมายของเทคโนธานี คือ หน่วยงานในพื้นที่แห่งนี้มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามเป้าหมาย SDG (การพัฒนาที่ยั่งยืน) เพื่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงต้องการให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงองค์ความรู้และบริการของหน่วยงานภายในเทคโนธานี
จากเป้าหมายและบทบาทข้างต้น ทำให้เทคโนธานีเป็น One Stop Solution ทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี, นวัตกรรม, พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
ท่านสามารถติดต่อรับบริการหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหน่วยงาน....
Published on 23 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
เมื่อการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปอยู่คอนโดมากขึ้น ได้ใช้ชีวิต single ในแบบของตัวเอง มีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคู่ใจ ชอบท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ พักโรงแรมเก๋ ๆ ออกนอกเมืองเกือบทุกสุดสัปดาห์ สำหรับใครบางคนที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับ “แมว” ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ถนัดกับการเดินทาง ตื่นเต้น ตัวสั่นกันบ้างเมื่อต้องออกนอกบ้าน ทำให้เจ้าของทาสแมวทั้งหลายชอบพาไปฝากไว้กับเพื่อน กับญาติสนิท ทำให้ นัฐภูมิ โล้กันภัย ผู้ร่วมก่อตั้ง KOFUKU โรงแรมแมว มองเห็นพฤติกรรมของคนรักแมวพร้อมเห็นโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเปลี่ยน pain point ของคนรักแมวแบบคนที่เข้าใจ (empathy) อย่างแท้จริง ทำไม KOFUKU โรงแรมแมว ถึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนขยายสาขาที่ 2 อย่างรวดเร็วในย่านใจกลางเมืองอย่างคอมมูนิตี้คนรักสัตว์ Trail and Tail สุขุมวิท 39
ไปที่ จุดเริ่มต้น แนวคิด และไอเดียของธุรกิจ
ไปที่ ปัญหาที่เจอ หรืออุปสรรค ที่พบระหว่างทางของการทำธุรกิจ
ไปที่ แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต
ไปที่ Key Success ของธุรกิจ
ไปที่ คำแนะนำที่มีต่อ SME หรือผู้ประกอบการที่สนใจอยากทำธุรกิจด้านนี้
จุดเริ่มต้น แนวคิด และไอเดียของธุรกิจ
คุณนัฐภูมิ: จริง ๆ แล้วผมทำธุรกิจอื่นเป็นธุรกิจหลักอยู่ โคฟูกุ เริ่มจากเดิมทีผมเป็นคนเลี้ยงแมวเป็น hobby อยู่แล้ว และช่วงวันหยุดยาวที่บ้านไปเที่ยวต่างประเทศกัน ไปทั้งบ้านก็ไม่รู้จะเอาแมวไปไว้ไหน มันเป็น pain point จริง ๆ ไม่รู้จะฝากใคร เลยเริ่มหาโรงแรมแมว แต่ตอนนั้นเป็นลักษณะอยู่ในบ้าน เหมือนคนมีห้องว่างก็กั้นที่ให้แมวอยู่ ให้เด็กในบ้านมาให้น้ำ ให้อาหาร แต่ไม่ได้มีระบบบริหารจัดการใด ๆ ทั้งสิ้น พอเราเลี้ยงแมว เลี้ยงหมาเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว เรา take care เขามาแบบนั้น และบางที่เราฝากไว้แล้วเรา walk in เข้าไปไม่ได้นะต้องบอกก่อน เรารู้สึกว่าแล้วถ้าแมวเราเป็นอะไร มีปัญหาขึ้นมาล่ะ แล้วใครจะดูแล อีกอย่างคือราคาสูงด้วยสักปี 2017 ณ ตอนนั้นก็มีประมาณ 4-5 ที่แต่อยู่ชานเมืองหมดเลย เราก็เลยรู้สึกว่ามันน่าจะมีโรงแรมแมวดี ๆ มีการบริหารจัดการดี ๆ มีระบบ มีคนดูแลชัดเจนในเรื่องของความปลอดภัย ในเรื่องของสุขภาพ อยู่กลางเมือง
SME ONE: แนวคิดตอนเริ่มต้นธุรกิจกับปัจจุบันเป็นอย่างไร ต่างกันไหม
คุณนัฐภูมิ: ตอนเราเริ่มทำปี 2017 ก็เลือกกลางเมืองเลยตรง พระราม 9 ค่าเช่าแพงหน่อย แต่ว่าเป็นจุดที่สะดวกทั้งคนที่มาจากพระราม 2 ก็ไม่ไกลมาก มาจากรามอินทราก็ได้อยู่ หรือคนที่อยู่ในเมืองเองก็นิดเดียว โลเคชั่นมันตรงกลุ่มเป้าหมาย คือต้องบอกว่าพฤติกรรมคนเปลี่ยนไป คนมาอยู่คอนโดอยู่หอพักการที่เขาจะเลี้ยงสัตว์คือคนโหยหาความรักอยู่แล้ว คนแต่งงานน้อยลง คนมีลูกน้อยลง การจะเลี้ยงสัตว์ก็เลี้ยงไม่ได้ ต้องเลี้ยงแมว พอเลี้ยงแมวอยู่คอนโดส่วนใหญ่แอบเลี้ยงหมดซึ่งเขาไม่ได้ไปรบกวนคนอื่นด้วย พอคนเลี้ยงแมวบูมก็เลยเกิดโอกาสนี้ขึ้นมา บวกกับโลเคชั่นไปตอบโจทย์เขาด้วย แต่ 2 ที่นี้ก็ต่างกลุ่มเป้าหมายกัน สาขาแรกจะเป็นคนไทย ส่วนที่สาขานี้ trail & tail จะเป็นกลุ่มต่างชาติ expat ตอนเริ่มต้นใหม่ ๆ ไม่มีใครรู้จักเราก็ต้องทำแบรนด์ดิ้งด้วย เลยไป co-partner กับ โรงพยาบาลสัตว์ iVET เพราะอยู่ใกล้ ๆ กัน คือแต่ละอาทิตย์จะมีคุณหมอมาตรวจแมวที่โรงแรมให้เรา เหมือนเป็นการโปรโมทแล้วเขาได้ลูกค้าแมวใหม่กลับไปด้วย เป็น win win strategy เราก็ได้ความน่าเชื่อถือจากลูกค้า
SME ONE: ตอนแรกคิดว่าชื่อนี้เรียกยากสำหรับผู้บริโภคไหม หรือมองว่าสะดุดหูจำง่าย
คุณนัฐภูมิ: โคฟูกุ meaning แปลว่า “ความสุข” เรามองว่าคนจะได้ perceive เลยว่ามีความเป็นญี่ปุ่น คือเราไปเอาความเป็นญี่ปุ่นเพราะเป็นความน่ารัก ตอนนั้นอะไร ๆ ก็ญี่ปุ่น อาหารก็ญี่ปุ่น คิตตี้ก็ญี่ปุ่น มันมีความ relate กับความเป็นแมวเยอะมาก เลยเอาความเป็นญี่ปุ่นมาอยู่ในโรงแรม มีคนถามว่าซื้อ franchise มาเหรอเพราะเราทำให้ over expectation ของคนเลย หลังจากเริ่มได้โมเดลธุรกิจแล้ว ได้ธีม mood & tone ชื่อญี่ปุ่น ขั้นตอนถัดมาเราเลือกทำในสเกลที่ค่อนข้างใหญ่เลย คือมี 44 ห้อง ณ ตอนนั้นที่เคย survey โรงแรมแมวมีมากสุด 16 ห้อง พอเราเลี้ยงแมวอยู่แล้วก็รู้ว่าจริง ๆ แมวเน้น volume เน้นสูงไม่เน้น area เพราะฉะนั้นพอทำได้ 44 ห้องก็สามารถ quote ได้แล้วว่า “เราเป็นโรงแรมแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” พอลูกค้าเริ่มมาใช้บริการ พอกลับไปก็จะได้ความรู้สึกกลับไปเลยว่า 1. เราสะอาด...บางทีลูกค้านำแมวมาอยู่ 44 ห้อง 100 ตัวแต่ไม่มีกลิ่น มันคือเทคนิคภายในที่เราบริหารจัดการ circulate ของอากาศ เราทำความสะอาดทุก touch point ของแมวได้ check in/out เราคลีนหมด 2. ปลอดภัย มีการเช็คสมุดวัคซีน ถ้าขาดวัคซีนมาเราก็ไม่อะหลุ่มอะหล่วยเลยเพราะต้องการรักษามาตรฐาน ช่วงแรกเริ่มหาลูกค้าจาก online ก่อน มี FB ยิง ad ปกติ ทำwebsite แต่เรารู้ว่าธุรกิจแบบเรามันน่าสนใจ ก็เลยติดต่อสื่อมาถ่าย มาสัมภาษณ์มากกว่า 100 ที่ใน 3 ปี มีไปออกงาน pet expo เราลงทุนกับ internal program ระบบการจัดการพวก POS สามารถเช็คประวัติแมวได้ว่าเคยมาแล้ว และคราวนี้มีตัวไหนเพิ่มมา มีการเซ็นต์รับ
SME ONE: Kofuku ค่อนข้างมีดีไซน์ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม ผ่านพวกงานดีไซน์ อันนี้คือมองอย่างไรถึงเริ่มทำ branding
คุณนัฐภูมิ: คือแบบที่เห็นตามสื่อ แล้วก็มาปรับเองให้เป็นเอกลักษณ์ ความเป็นกระจกโค้ง สีไม้ แต่บรีฟเองเลยกับช่าง ไม่ได้มี interior designer เราเป็น SME อันไหนทำได้เองก็ทำเลยประหยัด cost ก่อน โลโก้ก็แฟนผมเป็นคนออกแบบ แล้วให้เพื่อนแปลภาษาญี่ปุ่นมาครบ การสื่อสาร quote ก็คิดเอง
SME ONE: ผ่านมา 3 ปีมีปัญหาในการทำธุรกิจบ้างไหม
คุณนัฐภูมิ: ตอนนี้ก็มีคู่แข่งมากขึ้น บางทีลูกค้าเราก็ทำเองบ้าง โรงพยาบาลสัตว์ก็ลงมาเล่นด้วย ปี 2018-2019 มีเพิ่มประมาณ 20 กว่าโรงแรมแต่อาจอยู่ชานเมือง กลางเมืองน่าจะสัก 5-6 ที่. แต่ของเราชูเรื่องไม่มีสัตว์ป่วย เราตรวจวัคซีน book ตรวจผิวหนังก่อนฝาก แมวก็เหมือนคนนะ เวลาไปโรงพยาบาลฉีดวัคซีนเขาจะรู้จะหดหู่ มีโอกาสภูมิตกเพราะความกลัว มีมาอยู่น้อยสุดวันหนึ่ง เดือนหนึ่ง ปีหนึ่งก็มี คือเจ้าของไปเรียนต่อก็จะมาฝากไว้ บางคนซ่อมบ้าน 2 เดือนเสียงดัง แล้วแวะมาเยี่ยมตลอดมีขนมมาให้
นอกจากคู่แข่ง สิ่งที่ยากสุดก็แมวนี่แหละ เราควบคุมไม่ได้ บางตัวดุหมายความว่าพนักงานเราอาจโดนกัดได้ แต่พนักงานเราทุกคนต้องเลี้ยงแมวอยู่แล้วเป็น basic เขาจะเข้าใจพฤติกรรมของแมว เรามีพนักงานสาขาแรก 3 คน ที่สาขา 2 มี 1 คน เพราะฉะนั้น overhead เราจะไม่เยอะ
SME ONE: เรามีห้องให้เลือกด้วย แบบไหนบ้าง มีบริการให้อะไรบ้าง
คุณนัฐภูมิ: capsule อยู่ได้ 1 ตัว deluxe อยู่ได้ 3 ตัว type นี้เยอะสุด sweet อยู่ได้ 6 ตัว penthouse อยู่ได้ 8 ตัว แต่จะบ้านใครบ้านมันหรือมาจากเจ้าของเดียวกันหลายตัวก็รวมได้ เขาจะมีจ่าฝูงก็จะอยู่บนสุดก่อนเลย ที่สาขา 2จะเล็กกว่าแต่เราก็เอาข้อเสียจากสาขาแรกมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ดีไซน์จะต่างกันจะปรับ function ใช้ห้องกันแมวดุได้ เวลาจะทำความสะอาดหรือให้อาหารก็ไม่ต้องเข้าห้อง เช่น ดึงกระบะทรายออกมาแทน กำลังจดสิทธิบัตรอยู่ครับ
แล้วแต่ละห้องเราก็มีกล้องวงจรปิด ลูกค้าสามารถโหลดแอปดูแมวตัวเองได้ ลูกค้าเอามาเฉพาะอาหาร กับทราย สาขานี้จะมีปลูกต้นไผ่เงินตัดเก็บให้แมวทานเป็นยาได้ บางทีแมวมาอยู่แล้วภูมิตก เราก็มีหมอจาก iWET มาตรวจตลอดทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 1 วัน ซึ่งอันนี้บริการให้ฟรีอยู่แล้ว ปกติที่นี่จะเต็มช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นอกจากนี้ระบบ circulation ในทุกห้องและทุกเช้าจะฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในอากาศให้ เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์แมวป่วยตอนหลังมาน้อยมากไม่ถึง 5-10%
SME ONE: มองเทรนด์เป็นยังไงบ้างในอุตสาหกรรมนี้
คุณนัฐภูมิ: เติบโตน่ะ aging society เอง อย่างลูกค้าเป็นผู้สูงอายุเยอะเหมือนกันก็ฝากลูกหลานมาเยี่ยม แล้วราคาเริ่มต้นที่ 250.- ถูกมากครับเราเป็นคนเลี้ยงเองก็อยาก serve ดี ๆ บางคนไปต่างประเทศฝากที 2 อาทิตย์ ลูกค้าเราส่วนใหญ่เป็น repeat เกือบทั้งหมดและมีลูกค้าใหม่เดือนละประมาณ 15% ส่วนใหญ่ถ้าจะมีแมวมาฝากจะต้องมีเหตุการณ์ เช่น ไปเที่ยว ตอนนี้ที่สาขาแรกขยายเป็น 55 ห้อง ชั้นบนทำสำหรับลูกค้าที่มาอยู่ยาว ลูกค้าจะทำเป็นปิ่นโตไว้ ส่ง Kerry มา แต่อย่างช่วงโควิด ไม่มีใครมาฝากเลย ต้องปิดโรงแรม
เรื่องสังคมเดี่ยว ไม่มีลูก ไม่แต่งงานก็หันมาเลี้ยงแมวแทน และก็เทรนด์ของดารา celeb เลี้ยงแมว คนเลี้ยงแมวจะทราบดีจะมีปรากฎการณ์แมวงอกด้วยอย่างตัวผมเองตอนนี้ 6 ตัว และตลาดสัตว์เลี้ยงโตขึ้นเรื่อย ๆ market cap ประมาณ 4 หมื่นล้านนะช่วงที่เปิดใหม่ ๆ ครึ่งหนึ่งเป็น service ก็รวมกลุ่มโรงพยาบาล อีกครึ่งหนึ่งเป็นอาหาร เพราะฉะนั้นก็ปีละประมาณ 2 หมื่นล้านและโตปีละ 2 digits ทุกปี ตอนนี้มีคนติดต่อขอเป็น franchise แต่เราคิดว่าเป็นธุรกิจบริการ เรายังไม่พร้อมที่จะปล่อย ถ้ามีพลาดแล้วจะยาว
SME ONE: แนวคิดธุรกิจเปลี่ยนจากที่ตั้งไว้หรือไม่ หรือเป็นไปตามเพลน
คุณนัฐภูมิ: จริง ๆ โควิด มาทำให้เปลี่ยนนะ เปลี่ยนพฤติกรรมคนจากแต่ก่อนจะ 3-5 วัน มาฝากเป็นกลุ่มเลยเวลาไปวิ่งมาราธอนต่างจังหวัด และวิ่งกันทุกอาทิตย์ หรือกลุ่มไปเที่ยวต่างประเทศ 1-2 อาทิตย์ แต่ช่วงนี้กลุ่มพวกนี้หายหมดเลย ช่วงนี้ได้ลูกค้าสูงสุดคือ 3 คืน. ปกติช่วงเสาร์อาทิตย์เต็ม ช่วงวีคเดย์ 25-30 ห้อง. สมัยก่อนช่วงสงกรานต์ เต็มตั้งแต่ ธ.ค. แล้ว บางช่วงต้องเก็บห้องไว้ให้ลูกค้าเก่าก่อนเลยไม่ขาย คิดว่าหลังโควิดธุรกิจโรงแรมอาจเหลือไม่เกินครึ่งมั้ง เรามีทำ CRM สมัคร membership เช่นซื้อ 10,000.- ได้มูลค่า 12,000.- เราไม่ทำลดราคา
SME ONE: ช่วงโควิด เรารับมือกับปัญหายังไง
นัฐภูมิ: ตอนนี้ดีขึ้นเริ่มกลับมาแล้ว เดี๋ยวเราจะจัดงาน event ที่นี่แหละ ออก voucher มีคุณหมอมาเล่าให้ฟัง แจกอาหารแมวดี ๆ เป็นการสร้าง engagement กับลูกค้ามีโปรโมชั่น คือเรา benchmark กับโรงแรมใหญ่ ๆ ครับ
SME ONE: คิดว่าจะต่อยอดความสำเร็จ ขยายสาขาไหม
นัฐภูมิ: ตามแพลนเดิมปี 2020 จะขยายสาขาเพิ่มอีก 1 และแพลนว่าจะทำ holding เกี่ยวกับแมวและ partnershipกับอันอื่น เช่น ร้าน pet shop ข้างล่าง คือทำให้อยู่ใน ecosystem เดียวกัน ทั้งแนวลึกและกว้าง เช่น เราเก่งเรื่องแมวก็อาจทำเชิงท่องเที่ยว เช่น ไปไต้หวันไหม ไปบางโลเคชั่นที่มีความเชื่อเกี่ยวกับแมว หรืออะไรที่ relate กับแมวขยายเป็น traveling agency ได้ หรือทำ grooming คือให้ครบ ecosystem แต่จะไม่เพาะแมวขาย
SME ONE: เคยขอคำปรึกษาจากหน่วยงานภาครัฐบ้างไหม
นัฐภูมิ: ก็มีของ สสว. นี่แหละที่ตอนนั้นเราทำเรื่องเกี่ยวกับ HR เป็นประกวด SME สุดยอด Start-up แล้วมีอาจารย์จากมหาลัยสวนดุสิตให้คำปรึกษา ตอนนั้น turn over สูงมาก ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมาก มีการทำสวัสดิการภายใน คือเราไม่เคยมีการทำงานประจำ ทำที่บ้านก็จะไม่ได้รับ HR ที่ professional แต่จะบอกว่างานนี้มีคนสมัครมาเยอะมาก ปริญญาตรี แล้วก็มี UPI เป็นสถาบันพัฒนาธุรกิจของ SME เหมือนกันเกี่ยวกับระบบความสะอาดภายใน มาเทสชาม เทสอากาศ แล้วก็ได้ certificate เพื่อความมั่นใจลูกค้า
SME ONE: ปัจจัยความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
นัฐภูมิ: ผมว่า partner คือต้อง direction เดียวกัน ต่อให้เดินไกลแต่เดินคนละทางมันก็งงเหมือนกัน เราคุยกันต่างคนต่างเสริมซึ่งกันและกัน เติมจุดเด่นจุดด้อยให้กัน เรื่องจังหวะ เวลาที่เราเข้าตลาดก็สำคัญ ถ้ามาช้ากว่านี้ก็ตามหลังตลาด เทรนด์หลาย ๆ อย่างความสนใจต่าง ๆ เราอาจไม่ได้ grab ตรงนั้นไป ตอนแรกผมออกสื่อเยอะมาก มีแทบทุกวัน the standard เนชั่น ไทยพีบีเอส the cloud คิดว่าถ้าเข้าตลาดเร็วกว่านี้ก็อาจจะบูมนะ ถ้าไปถามอาหารแมวนะจะเห็นว่าโต 15% ขณะที่อาหารหมาโต 5% อาจเพราะ base เยอะ คิดว่าทำรอบด้าน ทั้ง marketing การสื่อสาร แบรนด์ดิ้ง CRM
SME ONE: ความท้าทายนับจากนี้ไปคืออะไร
นัฐภูมิ: ถ้า franchise ก็มองต่างประเทศเลย เคยปรึกษา DITP เช่น ฮ่องกง ตอนยังไม่ประท้วง กำลังซื้อสูง ไต้หวัน ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นชอบมากเพราะเขารู้ความหมายของชื่อ หรือถ้าขยายสาขาคราวหน้าก็ไม่ใช้เงินตัวเองแล้ว เหมือนเป็นระดมทุน กึ่งเป็น franchise ดีไหม หรือให้เขามาบริหารแต่ใช้ระบบเรา เป็นเงินลงทุนเขา joint venture หรือกลุ่มประเทศมุสลิม เช่น อินโด กำลังซื้อในเมือง หรือกลุ่มโรงพยาบาลัตว์ ถ้าขยายในไทยก็จังหวัดใหญ่ ๆ เชียงใหม่ ภูเก็ต คนเลี้ยงเยอะ
SME ONE: คำแนะนำที่ฝากให้กับผู้ประกอบการ SME (5 Do & Don’t)
นัฐภูมิ: คือผมว่าแต่ก่อนก็จะบอกว่าให้ลองเลย คือต้องทำดูอย่าไปคิดเยอะ แต่ปัจจุบันผมว่ามันไม่ใช่ มันต้องมองอนาคตไกล ๆ บางทีเงินเราจำกัด ตอบคำถามนี้ในแต่ละช่วงอายุจะไม่เหมือนกันครับ อย่างเรื่อง cash flow เรื่องเทรนด์สำคัญ ต้องมองและจับเทรนด์ให้ถูกครับ คือถ้าทำก่อนเทรนด์ หรือเทรนด์กำลังมาก็จะดี ที่สำคัญอาจไม่ใช่คนแรก แต่ต้องไม่ทำเหมือนคนอื่น พยายามสร้างจุดเด่น จุดต่างให้ได้ ตัวอย่างเช่น อยากให้คน perceive โคฟูกุว่า “ความสบายใจ” มากกว่า เราขายความสบายใจ เอาแมวไว้กับเราแล้วไม่ต้องกังวล อันนี้คือจุดที่เราต้องการให้ลูกค้ารับรู้เรื่องนี้ให้ได้ อยากให้คนนึกถึงโรงแรมแมวต้องนึกถึงเรา เราต้องเป็นแนวหน้าของวงการนี้ อีกมุมคือเราต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเรา หาของแบบไหน sourcing ของที่ตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งอาจไม่ใช่การเล่นราคาแต่เป็นของดีจริง ๆ แปลกไม่เหมือนใคร
SME ONE: คุณสมบัติสำคัญในการอยู่รอดในธุรกิจนี้
นัฐภูมิ: ผมว่าเรื่องแรกคือการรู้จักใช้เงิน การ management คือใช้เงินให้ถูกเวลา ประหยัดให้ถูกเวลา จังหวะไหนควรใช้ จังหวะไหนไม่ควรใช้ ถ้ามันต้องลงทุนก็ต้องลงทุน ต้องตีโจทย์ให้แตกอ่ะ อีกเรื่องคือการสนับสนุนจากภาครัฐนะ เช่นการสร้างมาตรฐานให้กับผู้ประกอบการต้องมีอะไรบ้างเพื่อควบคุมคุณภาพ อย่างโรงแรมแมวไม่เคยมีมาก่อนก็ต้อง set up
SME ONE: หากต้องการเริ่มต้นธุรกิจนี้ SME ต้องมีคุณสมบัติสำคัญอะไรบ้าง
นัฐภูมิ: คือผมว่าเราต้องเข้าใจ เราจะทำอะไรต้องรู้จริงสำคัญสุด โอกาสก็สำคัญ แต่รู้จริง รู้ insight อะไรบางอย่างทำให้เราเหนือคู่แข่ง ออก service หรือ โปรดักส์ที่มัน serve จริง ๆ เช่นอย่างที่บอก decoration อันไหนที่เราทำความสะอาดไม่ได้ เราเอาออกหมด เอาอันที่มันจำเป็นจริง ๆ
เพราะการรู้ลึก รู้จริง และเข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมของแมว สามารถเปลี่ยน pain point ของเจ้าของแมว มาสร้างเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ บวกกับความชัดเจนในความต้องการและมาตรฐานของตัวเองในฐานะผู้เลี้ยงแมวคนหนึ่งจึงเติมเต็มและตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด การรู้จักจังหวะ ศึกษาเทรนด์ ก็เป็นอีกส่วนประกอบสำคัญให้ โคฟูกุ โรงแรมแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก้าวล่วงหน้าคู่แข่งอื่น ๆ อยู่เสมอ ไม่เพียงเข้าใจแมว แต่ยังเข้าไปนั่งในใจของเจ้าของแมว คืออีกหนึ่งความสำเร็จที่ โคฟูกุ มอบความสบายใจ ไร้กังวลเมื่อฝากแมวมาพักที่โรงแรมนี้
Published on 23 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย