รายงานภาวะเศรษฐกิจ SMEs Q3/2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจ

ฝวต. (สสว.) ได้จัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจ SMEs Q3/2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 และประมาณการว่าในปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 จากเศรษฐกิจในกลุ่ม Advanced Economies ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดที่ส่งผลให้เกิดแรงกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ประกอบด้วย ทิศทางนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีมาตรการกีดกันการค้าอย่างชัดเจน  รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ร้อยละ 3.0 ในไตรมาส 3 ปี 2567 และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ร้อยละ 2.6 ส่วนประมาณการในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ  2.3-3.3  จากปัจจัยบวกในด้านการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนปัจจัยที่ต้องกังวลยังคงเป็นปัญหาด้านหนี้สินครัวเรือนที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูงและยังไม่มีแนวทางการแก้ไขได้อย่างชัดเจน

สถานการณ์เศรษฐกิจ SME ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567  ขยายตัวได้ร้อยละ 3.4 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.1  โดยเป็นการขยายตัวได้ในทุกสาขา ได้แก่ สาขาค้าปลีกค้าส่งขยายตัวได้ร้อยละ 5.7 สาขาการผลิตขยายตัวได้ร้อยละ 2.7 และสาขาการบริการขยายตัวได้ร้อยละ 1.6  คาดว่าทั้งปี 2567 จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อการขยายตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ประกอบด้วยการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาตราการกระตุ้นค่าใช้จ่ายของรัฐบาล  การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้ร้อยละ 15.8 โดยตลาดสหรัฐยังคงเป็นตลาดสำคัญ และสินค้าหลักที่ส่งออกเป็นกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร อัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 18-20  ส่วนในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจ SME จะขยายตัวได้ร้อยละ 2.5-3.5 จากปัจจัยบวกในด้านการท่องเที่ยวที่ขยายตัว มาตรการจากภาครัฐในการกระตุ้นการใช้จ่าย  ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามและมีผลกระทบยังคงเป็นปัญหาในด้านหนี้ครัวเรือนที่ฉุดกำลังซื้อ นโยบายการค้าของสหรัฐที่อาจเป็นปัจจัยหลักในการเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ กระทบทั้งในด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยและทั่วโลก รวมทั้งการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาไทย กระทบต่อ SME  ไทย ในด้านความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจโลกและปัจจัยด้านอื่นที่ต้องติดตาม

ในด้านเครื่องชี้สถานการณ์ SME ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยเครื่องชี้เชิงปริมาณ พบว่าเครื่องชี้ด้านรายได้ของ SME ดัชนีรายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นผลมาจากสาขาภาคการบริการ แต่ยังคงต้องกังวลในด้านต้นทุน โดยเครื่องชี้ด้านต้นทุนในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ภาพรวมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.5 เป็นการเพิ่มของต้นทุนด้านโลจิสติกส์และต้นทุนด้านวัตถุดิบเป็นหลัก หากดัชนีด้านต้นทุนยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าอัตราการขยายตัวของรายได้ต่อเนื่องในไตรมาสต่อไป จะทำให้ SME มีขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง หากพิจารณาระดับรายสาขาในไตรมาสที่ 3  ปี 2567 พบว่าค่าดัชนีผลผลิตรายสาขารวมยังขยายตัวได้ร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวได้ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวในภาคการค้าสูงสุดที่ร้อยละ 4.04 และภาคการผลิตที่เติบโตได้ร้อยละ 2.74 ส่วนภาคบริการและภาคธุรกิจการเกษตร ยังคงขยายตัวได้เล็กน้อย แต่ลดลงกว่าไตรมาสก่อน

เครื่องชี้ทางด้านความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการ SME ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับ 52.6 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยสาขาธุรกิจที่ค่าดัชนียังคงปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สาขาร้านอาหาร/ภัตตาคาร สาขาการท่องเที่ยว ส่วนแนวโน้มในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 คาดว่าค่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 54.2 จากผลพวงของการท่องเที่ยวในช่วง High Season รวมทั้งมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568

รายละเอียดฉบับสมบูรณ์ตามเอกสารแนบ PDF เพื่อเผยแพร่ให้หน่วยงานภายใน สสว. และหน่วยงานภายนอก นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ปล.หากประสงค์รูปเล่มหนังสือสามารถประสานขอได้ที่ ฝวต.

บทความแนะนำ

BOI e-Journal วารสารประจำเดือน ฉบับที่ 2/2567

พบกับ BOI e-Journal วารสารประจำเดือน ฉบับที่ 2/2567

🔮 ภายใต้ธีม "BIOTECHNOLOGY จากธรรมชาติสู่คุณค่าใหม่ด้วยนวัตกรรม"

🌐 ภาพรวมของอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีในประเทศไทย

🌏 โดยได้รวบรวมบทสัมภาษณ์จากผู้บริหารของบีโอไอ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมดีช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ♨️ รวมถึงบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.boi.go.th/upload/ejournal/2024/02/index.html#p=1

☎️ ติดต่อสอบถาม ศูนย์บริการลงทุน โทร.025538178

บทความแนะนำ

สมประโยชน์ย่อมสมประสงค์ เปลี่ยนตอบโต้เป็นตอบโจทย์ที่มีผลตอบแทนความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนทางเศรษฐกิจร่วมกัน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย แนะการทูตไทย-สหรัฐ ต้องทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น หวั่นซ้ำอดีตที่ทรัมป์เคยตัดสิทธิ์ GSP ไทย ขณะที่เอสเอ็มอีก็ต้องปรับตัว ESG ก็ยังต้องเดินหน้า
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า
เวลานี้ทั่วโลกต่างติดตามนโยบายทรัมป์ 2.0 ของโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายด้านการค้าขาย โดยทรัมป์เน้นให้ความสำคัญกับหลักการ “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) เป็นหลัก ซึ่งหมายความว่า จะควบคุมดีมานด์สินค้าเทคโนโลยี AI ดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงพลังงานใหม่ๆ ตลอดจนเข้มงวดการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐมากขึ้น ทั้งยังเกี่ยวข้องกับมาตรการภาษี

คำถามคือจะส่งผลกระทบกับไทยอย่างไร
ติดตามอ่านได้ที่
https://www.posttoday.com/smart-sme/718740
“ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอี เสนอการทูตไทย-สหรัฐฯ ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น”
#PostToday #โพสต์ทูเดย์ #เศรษฐกิจ
#สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
#เพื่อนช่วยเพื่อนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
#อยู่รอดอยู่เป็นอยู่เย็นอยู่ยาว
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆเพื่อ SME ได้ที่
Line สมาพันธ์ฯ : https://lin.ee/2clvQnQ
Facebook:สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย SME Thai
โทร : 061 028 4009

บทความแนะนำ