ขอแนะนำ เครื่องมือประเมินความพร้อมดิจิทัลสำหรับ MSMEs

🌐✨ ธุรกิจคุณพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือยัง? ✨🌐

ขอแนะนำ เครื่องมือประเมินความพร้อมดิจิทัลสำหรับ MSMEs
ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า…
✅ ธุรกิจของคุณพร้อมแค่ไหนในโลกดิจิทัล
✅ ควรพัฒนาอะไรต่อ
✅ มีโอกาสอะไรในเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนที่คุณควรคว้าไว้

🔍 ประเมินด้วยตัวเองง่าย ๆ ใน 4 ด้าน:
1️⃣ เทคโนโลยี
2️⃣ บุคลากร
3️⃣ ผลิตภัณฑ์
4️⃣ กระบวนการ
🟢 ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย
🟢 พร้อมรับคำแนะนำที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
👉 คลิกเลย: https://aseandigitalasessment.my.site.com/msmeportal/s/?language=th




โครงการดี ๆ จาก อาเซียน
โดย ACCMSME, ACCC และ JAIF (Japan-ASEAN Integration Fund)
#MSME #ธุรกิจดิจิทัล #อาเซียน #พร้อมสู่อนาคต #DigitalASEAN #SMEsGoDigital #JAIF #ACCMSME #ACCC

บทความแนะนำ

โคเนื้อพันธุ์ไทย สู่แบรนด์ Premium Beef

          ปัญหาของเกษตรกรไทยที่เลี้ยงโคเนื้อ คือ ราคาสินค้ากลุ่มเนื้อโคภายในประเทศตกต่ำมาตลอด จึงเป็นที่มาของโจทย์ที่คุณอรรควัฒน์ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มมูลค่าสินค้าของตนเองได้?”

ทำไมเราไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง” จึงเป็นที่มาของแนวคิดการยกระดับคุณภาพเนื้อขึ้นสู่ตลาด Premium ให้ได้ โดยต้องทำการยกระดับทั้งระบบ ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์โคเนื้อให้ตรงกับความต้องการของตลาด, การเลี้ยง, โภชนาการที่ถูกต้อง และกระบวนการผลิตจนมาเป็นแบรนด์ N.V.K Beef

 

          N.V.K. Beef มีความตั้งใจผลิตเนื้อคุณภาพดี เพื่อมาตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เป็นคนไทย เพราะรสนิยมของคนไทยชอบบริโภคเนื้อที่นุ่ม ติดมัน แต่ไม่เลี่ยน เลยพัฒนาจนได้เนื้อพรีเมียมที่ถูกปากของคนไทย และเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ

 

          ความพิเศษของเนื้อ “โคดำลำตะคอง” มาจากการผสมวัว 3 สายพันธุ์ที่ดึงเอาคาแรกเตอร์และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมพื้นเมือง ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน วากิว มีเอกลักษณ์ คือ ปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และ แองกัส ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี ซึ่งปัจจุบันสามารถทำให้เกิด “พ่อพันธุ์กึ่งสำเร็จรูป” ลูกผสม 3 สายเลือด โดยการผสมเพียงครั้งเดียว

 

เลี้ยงโคเนื้อยังไงให้ SPECIAL

          N.V.K. มีการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น สมาร์ทฟาร์ม การย้ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer: ET) การผสมเทียม เพื่อปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์โคให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงการดูแลในส่วนของการผลิตอาหารที่ใช้เลี้ยงโค ป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้เนื้อคงคุณภาพและรสชาติเดียวกันทุกชิ้น

          ทางฟาร์มยังมีการเลี้ยงอย่างประณีตและพิถีพิถัน ตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ รวมถึงสูตรอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีด้วยเช่นกัน ทั้งยังเสริมด้วยสาโทพื้นบ้าน ที่จะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของโคในสูตร และปริมาณที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ จุลินทรีย์เหล่านี้ทำให้ระบบการย่อยวัวดี ลดการปล่อยก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจก ทำให้โคเหล่านี้มีสุขภาพดี เพราะเชื่อว่า “เนื้อที่ดี ต้องมาจากโคที่ดี" เนื้อวัวจากฟาร์มทุกชิ้นจะมาพร้อมคิวอาร์โค้ด ที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มั่นใจได้ว่าเป็นเนื้อวัวที่ปลอดภัย ดังนั้น “โคดำลำตะคอง” จึงเป็นเนื้อโคไทยคุณภาพสูง (Premium Beef) ที่มีกลิ่นรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ “โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน”

 

ใช้การตลาดนำ....จากวัวชั้นยอด สู่เนื้อชั้นเยี่ยม ในราคาที่จับต้องได้

          ในส่วนของการต่อยอดธุรกิจออกสู่ตลาด สสว.มีส่วนช่วยในการเป็นตัวกลางส่งเสริมการขายที่สำคัญ รวมทั้งการสร้างแบรนด์ หาจุดเด่นของแบรนด์ การทำการตลาดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ อีกทั้งศูนย์ให้บริการ SME จังหวัดนครราชสีมา เข้ามาช่วยส่งต่อบริการไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งทำให้แบรนด์ N.V.K.Beef เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ และขยายสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นในอนาคต

          เป้าหมายของ N.V.K. คือการขยายช่องทางการแปรรูปสินค้าเนื้อ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงการขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งต่อยอดในเชิงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปเป็นอาหารพร้อมทานประเภทแกง และอื่นๆ แบบบรรจุในถุงรีทอร์ทเพาช์

          สุดท้ายคือการสร้างเครือข่ายโคเนื้อต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยและเพื่อขยายกำลังการผลิตเนื้อโคคุณภาพให้กับเกษตรกรเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั่วประเทศ

          อีกทั้งตอนนี้ทาง N.V.K  Farm ยังเปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชนทั่วไปที่สนใจได้เข้ามาศึกษาได้แบบครบวงจร

          “ตอนนี้เรามีช่องทางการขาย 4 ช่องทาง คือช่องทางขายค้าปลีกให้กับผู้บริโภคทั่วไป เรามีบุชเชอร์อยู่ในตัวเมืองโคราช ช่องทางที่ 2 คือขายออนไลน์ช่องทางที่ 3 คือขายชิ้นส่วนตัดแต่งให้กับร้านอาหารในโคราช และการขายยกซากให้บุชเชอร์ที่สนใจ นอกจากนั้นเรายังมีเนื้อที่ขายให้บุชเชอร์หรือร้านอาหารต่างๆ ตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น”

 

Winner Northeast
 “N.V.K. Premium Beef”
Thailand’s world-class quality marbled beef

 

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่

บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม โปรดักส์ จำกัด 

ที่อยู่: 355 หมู่ที่ 9 ต.หนองหญ้าขาว อ.สีคิ้ว, จ.นครราชสีมา

โทร: +66 81 487 1081

Line: @nvkbeef

อีเมล: nvkproduction.beef@gmail.com

Facebook: https://www.facebook.com/N.V.K.Farm?locale=th_TH, https://www.facebook.com/nvkpremiumbeef/

บทความแนะนำ

ญี่ปุ่นเผชิญปัญหาขาดแคลนข้าวและข้าวราคาแพงมากสุดในรอบหลายปี

🟥 #Marketeeronline 🟥 หลังญี่ปุ่นเผชิญปัญหาขาดแคลนข้าวและข้าวราคาแพงมากสุดในรอบหลายปี จากหลายสาเหตุ สถานการณ์เรื่องข้าวในญี่ปุ่นก็ได้รับความสนใจ ท่ามกลางข้อมูลเพิ่มเติมและข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
.
แต่โชคร้ายที่สถานการณ์ยังไม่ทุเลา จนปริมาณนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางทัศนคติของชาวญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไป ขอแค่ให้ได้ข้าวราคาถูก โดยแทบไม่สนใจว่าข้าวที่ซื้อไปนั้นจะปลูกในประเทศหรือนำเข้ามา
.
ปีงบประมาณนี้ที่สิ้นสุดเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวจากต่างประเทศแบบปลอดภาษีเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 7 ปีจนชนเพดาน จำกัดการนำเข้าแบบปลอดภาษี 100,000 ตันต่อปี ตามมาตรการปกป้องข้าวในประเทศที่ใช้มานาน ไปเรียบร้อยแล้ว
.
ส่วนข้าวต่างประเทศที่ต้องเจอภาษีนำเข้าก็เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจากเมื่อ 11 เดือนก่อน
.
ด้าน Kanematsu หนึ่งในบริษัทนำเข้าข้าวของญี่ปุ่นเผยว่า ด้วยความต้องการข้าวจากทั้งของประชาชนทั่วไป ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า ทำให้ปีนี้ปริมาณนำเข้าข้าวของบริษัทสูงถึง 10,000 ตันเป็นครั้งแรก
.
ท่ามกลางรายงานว่าราคาขายข้าวถุงหนัก 5 กิโลกรัมในญี่ปุ่น ขึ้นไปอยู่ที่ถุงละ 4,214 เยน (ราว 986 บาท) แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ที่ 14 แล้ว และแพงขึ้น 2 เท่าจากช่วงเวลานี้ของปี 2024
.
นี่ยังทำให้ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่เดินทางไปเกาหลีใต้หรือแวะพักเพื่อต่อเครื่องบิน ไม่ลืมที่จะซื้อข้าวที่ราคาถูกกว่ามากกลับไปด้วย แม้ต้องเหนื่อยยก และเสียเวลาทำเอกสารที่สนามบินก็ตาม
.
ข้อมูลที่สะท้อนว่า การนำเข้าข้าวจากต่างประเทศของญี่ปุ่นคงจะเพิ่มขึ้นอีก ยังไม่หมดแค่นั้น
.
Aeon ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีสาขามากมาย เผยว่าเมื่อราว 20 เมษายนที่ผ่านมา ได้นำข้าวนำเข้าจากสหรัฐฯ ไปวางขายคละกับข้าวปลูกในญี่ปุ่น เพื่อดูว่าจะขายดีหรือไม่
.
ด้าน Seiyu เครือซูเปอร์มาร์เก็ตอีกแห่ง ก็นำข้าวนำเข้าจากไต้หวันมาขายตั้งแต่เมื่อปี 2024 โดยปรากฏว่าขายดีมาก ส่วนเครือร้านอาหาร Colowide และเครือร้านฟาสต์ฟู้ด Matsuya ก็เริ่มนำข้าวนำเข้าจากสหรัฐฯ มาทำเมนูข้าวแบบ 100% แล้ว
.
ขณะที่เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในโตเกียวเผยว่า ซื้อข้าวนำเข้าจากสหรัฐฯ มาทำเมนูให้ลูกค้าแล้วพักใหญ่ โดยแม้แพงขึ้นกว่าปี 2024 สองเท่าแต่ก็จะทำแบบนี้ต่อไป จนกว่าข้าวปลูกในญี่ปุ่นราคาจะถูกลง
.
ส่วนกรณีที่สถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็อาจขยับไปซื้อข้าวนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ เพิ่มด้วย
.
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นการสะท้อนว่า วิกฤตข้าวขาดแคลนจนราคาแพงขึ้นในญี่ปุ่น จากภาวะโลกร้อน เก็บเกี่ยวได้น้อยเพราะชาวนาส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย ค่าครองชีพแพง และข้าวปริมาณมากต้องถูกนำไปเป็นเมนูขายนักท่องเที่ยวที่ก็มากจนเกิดปัญหานักท่องเที่ยวมากเกินไป จะยังคงดำเนินต่อไป
.
และหากรัฐบาลไม่นำข้าวในคลังออกมาประมูลขายอีก และผ่อนปรนมาตรการจำกัดปริมาณนำเข้าข้าวแบบปลอดภาษีลงบ้าง ชาวญี่ปุ่นอาจต้องซื้อข้าวด้วยราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ กันต่อไป
.
ส่วนในทางตรงกันข้าม หากรัฐบาลใช้แนวทางผ่อนปรนและเปิดโอกาสข้าวต่างประเทศ แน่นอนว่าข้าวจากต่างประเทศจะไหลเข้าญี่ปุ่นในปริมาณมากขึ้น โดยประเทศที่จะได้ประโยชน์มากสุดคือสหรัฐฯ เพราะเมื่อปีงบประมาณที่แล้ว สหรัฐฯ คืออันดับ 1 ของต้นทางข้าวนำเข้าของปลอดภาษีของญี่ปุ่น คิดเป็น 60% จากทั้งหมด
.
ขณะที่ ออสเตรเลีย ไทย และไต้หวัน ก็จะได้ประโยชน์รอง ๆ ลงมา เพราะครองสัดส่วนการนำเข้าถัดจากสหรัฐฯ นั่นเอง
.
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามต่อไปว่า สหรัฐฯ จะส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน เพราะแม้เป็นต้นทางนำเข้าอันดับ 1 แบบเกินครึ่ง และข้าวสหรัฐฯ ก็ใช้กันตามร้านอาหารในญี่ปุ่นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ข้าวสหรัฐฯ ก็ปลูกในแคลิฟอร์เนีย รัฐฐานเสียงของพรรคเดโมเครต ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่ของพรรครีพับลิกัน ที่เป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน
*****
(ที่มา : japantoday)
.
#นำเข้า #ข้าวต่างประเทศ #ญี่ปุ่น #สหรัฐฯ #Aeon #Seiyu

บทความแนะนำ

บีโอไอ เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรก ปี 2568

✨บีโอไอ เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรก ปี 2568 ทะยานต่อเนื่อง ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน

📈 ภาวะการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรก ปี 2568 (มกราคม - มีนาคม 2568)
🔸 โครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน มีจำนวน 822 โครงการ เพิ่มขึ้น 20%
🔸 มูลค่าการลงทุน 431,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97%
📁คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามภูมิภาค ภาคตะวันออก สูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 444 โครงการ มูลค่า 246,555 ล้านบาท
📊 FDI มูลค่ารวม 267,664 ล้านบาท ฮ่องกงสูงสุดเป็นอันดับ 1

📌 อ่านเพิ่มเติม https://www.boi.go.th/index.php?page=press_releases_detail&topic_id=136859&_module=news&from_page=press_releases2&language=th


📌 Read more https://www.boi.go.th/index.php?page=press_releases_detail&topic_id=136859&_module=news&from_page=press_releases2&language=en

 

✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
"บีโอไอส่งเสริมการลงทุน ทั้งคนไทยและต่างชาติ ทุกขนาดการลงทุน"
📱 0 2553 8111
📧 head@boi.go.th
🌐 www.boi.go.th
⚜️ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ

บทความแนะนำ

ธุรกิจในเครือ CP ได้เปิดตัว “Amaze Super App”

ปัญหานี้หลายคนน่าจะเคยประสบปัญหามาก่อน เก็บพอยท์สะสมจากการใช้จ่ายหลากหลายช่องทาง ได้ทีละนิดทีละหน่อย แต่รวมๆ ก็ใช้ไม่ได้ครบขนาดนั้น บางคนซื้อของหลายที่มีแต้มอยู่หลายแพลตฟอร์มกระจัดกระจาย พอสิ้นปีกลับมีแต้มนิดเดียวไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร ปล่อยหมดอายุไปเปล่าๆ
.
ล่าสุด ธุรกิจในเครือ CP ได้เปิดตัว “Amaze Super App” เพื่อแก้ pain point นี้ของคนไทย ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เปรียบเสมือน Loyalty E-Commerce Platform ที่รวมแต้มจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น ALL POINT, My Lotus's, Makro PRO POINT, True Point หรือแม้แต่พอยท์จากบัตรเครดิตชั้นนำ ให้มาอยู่ในที่เดียวกัน
.
และในอนาคตอาจมีกิจกรรมออนไลน์เพื่อแลกพอยท์ เช่น การดูไลฟ์ ทำกิจกรรม หรือร่วมแคมเปญต่างๆ ผู้ใช้ก็สามารถเก็บแต้มมาไว้ที่เดียวกันได้เลย
.
โดยเงื่อนไขการใช้พอยท์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะสามารถใช้แทนเงินสดได้จริงแบบไม่มีขั้นต่ำ ใช้แต้มได้ตั้งแต่ 1 บาทแรก ไปจนกว่าจะหมด
.
นอกจากแลกแต้มแล้วในแอปฯ ยังขายสินค้าต่างๆ คล้ายแหล่งรวมศูนย์ช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วไปเข้าด้วยกัน โดยจะมีร้านค้าพันธมิตรกว่า 500 ร้าน สินค้ามากกว่า 50,000 SKUs ซึ่งในอนาคตมีแพลนจะขยายไปสู่บริการที่หลากหลายกว่านี้
.
[ เป็นเหมือนกล่องเก็บเศษเหรียญ​ สามารถย้ายแต้มไปมา ]
.
กลไกการทำงานของ ‘Amaze Super App’ ก็คือจะเชื่อมข้อมูลบัญชีของเราในเครือ CP เข้าไว้ด้วยกัน และสามารถโอนพอยท์ผ่านกันและกันไปใช้ลดสินค้าในแอปนั้นๆ ได้ สมมติว่า เรามีแต้มอยู่ในบัญชี My Lotus's ประมาณ 1,000 แต้ม เราอยากโอนไปซื้อของใน Amaze Super App เราก็สามารถโอนแต้มไปได้ และไปใช้ลดใน Amaze
.
หรือบางคนที่มีแต้มกระจัดกระจาย เช่น ในทรูมันนี่ 300 แต้ม, Lotus's 1,000 แต้ม, Makro PRO POINT 2,000 แต้ม ก็สามารถเอาแต้มพวกนี้โอนกลับมาไว้ที่ Amaze รวมกันไว้ก่อน แล้วถ้าอยากเอาแต้มไปใช้กับบริการไหนก็ค่อยโอนไปใช้ได้ เช่น บางคนรวมแต้มแล้วอยากไปซื้อของ Lotus's ก็ใช้แต้มที่รวมไว้ใน Amaze ไปลดราคาได้
.
ซึ่งแต้มจาก ALL POINT, My Lotus's, Makro PRO POINT และ True Point ทุกๆ 1 พอยท์ก็จะสามารถนำไปแลกเป็น Amaze Point ได้ 1 แต้มเท่ากัน โดยที่ Amaze Point 1,000 แต้มเท่ากับ 10 บาท
.
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมพอยท์จากบัตรเครดิตอย่าง KBank, Krungsri, UOB, BBL, GSB, SCB, FirstChoice หรือ POINTX เข้ามารวมเป็น "Amaze Point " ได้ โดยระบบจะคำนวณมูลค่าที่ใช้ได้จริงให้แบบเรียลไทม์ และสามารถใช้ช้อปได้ทันที
.
ปัจจุบันสมาชิกในเครือ CP ที่มีอยู่ทั้งหมด 36 ล้านคน มีคะแนนค้างอยู่ในระบบรวมกันทุกแบรนด์ราวๆ 600 ล้านคะแนน
.
[ เชื่อมต่อระบบภายในเครือ CP ให้กลายเป็น Ecosystem เดียวกัน ]
.
เบื้องหลังการพัฒนา Amaze ก็คือเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ต้องการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้เชื่อมโยงกัน ใช้ข้อมูลจากหลาย Business Unit เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของลูกค้าแบบ Single View
.
Amaze จะทำให้รู้ว่าพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างไร ใช้อะไรบ่อย ซื้อของที่ไหนซ้ำ หรือ ลูกค้าประทับใจแบรนด์ใดบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่ใช้เพื่อการขาย แต่ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้า บริการ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว
.
‘ศุภชัย เจียรวนนท์’ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้กล่าวถึงการเปิดตัว Amaze Super App ว่า “Amaze เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยนำเอาผู้ผลิตมาพบกับผู้บริโภคในเครือข่ายฐานลูกค้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีมากกว่า 100 ล้านผู้ใช้งานทั่วประเทศ นี่คือก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่เรากำลังดำเนินการ”
.
“หัวใจสำคัญของ Amaze คือการมุ่งนำเอาประโยชน์สูงสุดกลับไปสู่ผู้บริโภคและสมาชิก ด้วยการใช้ข้อมูลที่ดี ถูกต้อง และแม่นยำ ทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต่อยอดด้วยจุดแข็งของการเป็นบริษัทไทยที่มีความโดดเด่นด้านบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการระดับโลก”
.
พร้อมทิ้งท้ายว่า “Amaze คือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สร้างโดยคนไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการในยุคดิจิทัล และผลักดันให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว”
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY

บทความแนะนำ