เส้นขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob ที่อยากให้คนอร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา
เพียงความตั้งใจเล็ก ๆ ที่อยากให้คนไทยทั่วประเทศได้กินเส้นขนมจีนที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ กลายเป็นธุรกิจใหญ่ที่ส่งออกเส้นขนมจีนอบแห้งไปหลาย ๆ ประเทศในโลก
ความคิดนี้เริ่มมาจาก คุณบ๊อบ - วีระพงษ์ โสดามรรค ที่ได้เดินทางไปต่างประเทศแล้วอยากหาเส้นขนมจีนทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยาก เมื่อพบเส้นขนมจีนอบแห้งที่วางขายอยู่ แล้วลองเอามาทำอาหารดู ก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีนแบบใด แต่ละเส้นล้วนขาดกลิ่นหอมและรสสัมผัสที่เป็นความอร่อยเฉพาะตัวของเส้นขนมจีนไป จึงเกิดโจทย์คำถามขึ้นในใจว่า “ต้องทำอย่างไร ให้คนไทยได้มีเส้นขนมจีนอบแห้งที่อร่อย สามารถเก็บไว้ได้นาน ทานได้ทุกที่ทุกเวลาที่ และดีต่อสุขภาพ”
เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ก็ทำการค้นคว้า จนได้ข้อมูลว่าในไทยนั้น มีแต่ขนมจีนเส้นสด ซึ่งเสียง่ายไม่สามารถเก็บได้นาน และมีกลุ่มคนที่ต้องการทานขนมจีนแต่มีปัญหาด้านสุขภาพในระบบทางเดินอาหารจึงไม่สามารถทานได้ จึงเกิดแนวความคิดที่อยากทำเส้นขนมจีนที่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้
หลังจากที่ทำการศึกษา และพัฒนาจนสามารถคิดสูตรของเส้นขนมจีน ที่ไม่ผ่านกระบวนการหมัก เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพสามารถรับประทานได้ และ ใช้กระบวนการอบแห้งที่ทำให้เส้นขนมจีนนั้น ยังคงรสชาติความหอม อร่อย และสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี ออกเป็นสินค้าจำหน่ายภายใต้ชื่อว่า เส้นขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob
อบแห้งด้วยนวัตกรรมธรรมชาติ
นอกจากวิธีคิดที่คำนึงถึงกลุ่มลูกค้าแล้ว เส้นขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob ยังคิดถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย จึงคิดหากรรมวิธีการผลิต ที่ให้ผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้กระบวนการหมัก ไม่ใช้สารเคมีหรือสารปรุงแต่ง ไม่ทำร้ายสุขภาพของพนักงานและผู้บริโภค และในขณะเดียวกันก็ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
คุณบ๊อบได้ไปปรึกษากรมพัฒนาพลังทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้พัฒนาขึ้นมาเป็น โรงอบเส้นขนมจีนพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ด้วยพาราโบลาโดม ที่ใช้วิธีการสะสมความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ในโดม ช่วยเพิ่มความร้อนในการอบเส้นขึ้นได้ 3-7% และตัวโดมเองยังช่วยป้องกันเส้นจากฝุ่นและแมลงอีกด้วย ช่วยประหยัดพื้นที่ ประหยัดเวลาอบ และประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นโดยไม่ต้องขยับขยายพื้นที่
ในด้านการช่วยเหลือสังคมนั้น คุณบ๊อบ ได้รับซื้อข้าวที่สะอาด มีคุณภาพจากเกษตรกรท้องที่ในราคาสูง เพื่อนำมาทำเป็นแป้งขนมจีน ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตราคาข้าวตกต่ำมาได้
ด้วยการทำธุรกิจอย่างใส่ใจ ทำให้ เส้นขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob ชนะรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ MSME Provincial Awards 2023 มาได้ เป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดกาฬสินธุ์
ในปัจจุบันเส้นขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob ได้มีการขยับขยายตลาดออกไปวางจำหน่ายในต่างประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชีย, ตะวันออกกลาง, จนถึงยุโรป
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
บริษัท วีพีพี ขนมจีนไทยอบแห้ง จำกัด (โรงงานขนมจีนอบแห้ง Mr.Bob)
ที่อยู่: 247/1 หมู่ 2 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ 46150
โทร: 081-262-3273
Line: mrbobvpp
เว็บไซต์: www.mrbobnoodle.com
Facebook: Misterbob.vpp
ห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สินค้าอาหาร เป็นปัจจัยหลักในการบริโภค และเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี ในขณะเดียวกันจำนวนของผู้ประกอบการหน้าใหม่ ๆ ทั้งรายใหญ่ รายย่อย ที่หันมาทำสินค้าเกี่ยวกับอาหารก็มีเพิ่มมากขึ้น การกำหนดคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยของอาหารจึงมีความสำคัญต่อทั้งผู้บริโภคภายในประเทศเอง และเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐานสากล ในการส่งสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ การวิจัยและการทดสอบอาหารจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารของไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ช่วยส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศ และสนับสนุนภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง ห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเกิดขึ้นเพื่อให้บริการผู้ประกอบการ MSME ให้ได้รับการบริการด้านการวิจัยและทดสอบอาหาร ได้อย่างมีมาตรฐานและเชื่อถือได้
โดยมีบริการหลักด้านต่าง ๆ ดังนี้
ห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ไปจนถึงผลักดันเพื่อส่งเสริมสินค้าที่มีคุณภาพของผู้ประกอบการไทยให้ออกไปสู่ตลาดโลก
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
ห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบอาหาร
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่อยู่: ชั้น 16 อาคารมหามกุฏ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์: 02-218-7653-4
โทรสาร: 02-218-7653
อีเมล: cufdtest@gmail.com
เว็บไซต์ : www.cufoodtest.com
ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.)
หน่วยงานที่ช่วยผู้ประกอบการ MSME ด้านการทดสอบวิเคราะห์และสอบเทียบ
ปัจจุบัน การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในทุกๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจนั้น ๆ ต้องออกไปแข่งขันในตลาดระดับโลก และ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.) เป็นอีกหนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพด้านงานบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มที่
โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.) คือผู้ช่วยคนสำคัญของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยให้การสนับสนุนในรูปแบบห้องปฏิบัติการที่ให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรมในด้านการทดสอบวิเคราะห์และสอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ อาทิ เครื่องมือชั่ง เครื่องมือตวง หรือเครื่องมือวัด รวมถึงการตรวจสอบมาตรฐานของเครื่องมือเพื่อการผลิตในระบบตามคุณภาพมาตรฐาน และการให้คำแนะนำ โดยการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ ให้บริการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ตั้งต้นผลิตจนถึงตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานตัวผลิตภัณฑ์ สำหรับผู้ประกอบการทุกประเภทที่ต้องการตรวจสอบเครื่องมือให้เป็นไปตามมาตรฐานการผลิต
นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศออกสู่ต่างประเทศแล้ว ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพงานบริการทางวิทยาศาสตร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
ปัจจุบัน ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา สังกัดอยู่ในกลุ่มบริการอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของสถาบันวิจัยและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู มีการให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่ม สำหรับการจัดจำหน่ายในประเทศและการขอมาตรฐานระหว่างประเทศ บริการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ให้เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รวมทั้งวิเคราะห์ ตะกั่ว สี ซึ่งเป็นที่เดียวในประเทศที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเรื่องสีครบทุกรายการรับรอง
นอกจากนี้ ยังมีบริการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ฉลากสีเขียว (Green Label) ตามรายการที่กำหนดเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการยื่นขอฉลากเขียว การทดสอบตามกฎระเบียบต่างประเทศ และการทดสอบเพื่อสนับสนุนด้านมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การทดสอบคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และน้ำเสีย ตลอดจนให้ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับวิธีทดสอบ เป็นต้น
รวมถึงบริการให้คำปรึกษา และสอบเทียบเครื่องมือวัดและอุปกรณ์ สำหรับผู้ประกอบการที่มีสายการผลิตและต้องการขอการรับรองระดับสากลเช่น ISO, อย. และ สมอ. บริการฝึกอบรมการสร้างมาตรฐาน Lab เพื่อรับรอง ISO และ IEC 17025 มีทั้งแบบที่เปิดให้ผู้ประกอบเข้ามาฝึกอบรมได้เลย และแบบการจ้างผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ออกไปอบรมข้างนอก บริการหาทุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการ SMEs ฟรี เช่นทุนจากธนาคาร และบริการตรวจสอบมาตรฐานหลังการผลิต วิเคราะห์ตั้งแต่วัตถุดิบตั้งแต่ต้นทาง จนถึงตรวจสอบพร้อมให้คำแนะนำหลังผลิตเสร็จ
ดร.วดี วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (บางปู) กล่าวว่า ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (บางปู) เปิดให้บริการมานานกว่า 32 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมโดยภาพรวมและการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยในช่วง 10 ปีแรกของการให้บริการ มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้ามาลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญทั้งในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานของเครื่องมือต่าง ๆ ส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตทั้งในด้านการทดสอบวิเคราะห์และการสอบเทียบเครื่องมือ เนื่องจากเป็นช่วงที่มาตรฐาน ISO 9001 กำลังเป็นที่สนใจและได้รับความนิยม เพื่อการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน จนทำให้มีธุรกิจเอกชนเปิดให้บริการสอบเทียบเครื่องมือเป็นจำนวนมากนับร้อยรายในปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเอสเอ็มอีเพราะต้องลงทุนสูง
“ศทม. จึงเน้นการบริการที่ครอบคลุมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะระบบตรวจสอบเพื่อการรับรองมาตรฐานสำหรับการส่งออกต่างประเทศ โดยในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยมีการปรับตัวค่อนข้างมาก จากที่เคยมองว่า การทดสอบวิเคราะห์และสอบเทียบเครื่องมือต่าง ๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันมองว่า เป็นเรื่องที่เข้ามาช่วยควบคุมในเรื่องคุณภาพจะช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยาวถ้ามีระบบการจัดการที่ดี รวมถึงระบบการสร้างมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้ลดการสูญเสียทางด้านยอดขายหากสินค้าไม่ได้มาตรฐาน หรือส่งออกไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไปผู้ประกอบการจะมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น”
สำหรับแผนงานในปีนี้ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยใน 2 เรื่องหลัก เรื่องแรก คือการของบประมาณจากแหล่งทุนต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการบริการสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นความต้องการของผู้ประกอบการได้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของการทดสอบวิเคราะห์และการสอบเทียบ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เป็น New S-Curve ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน โดยทาง ศทม. จะเข้ามาให้การสนับสนุนพร้อมพัฒนาศักยภาพของแล็ปให้สามารถรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“การขอทุนสนับสนุนการดำเนินงานจะช่วยลดต้นทุนด้านการจัดการของ ศทม. ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาใช้บริการได้ในราคาที่ไม่สูง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนในการทำธุรกิจอีกทางหนึ่ง ตอนนี้โครงการที่เป็น New S-Curve จะมีเรื่องของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์อัจฉริยะที่เรียกว่า IoT เพราะในอนาคตผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีมีโอกาสที่จะพัฒนานวัตกรรมที่ IoT ในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีการของบสนับสนุนเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางด้านอาหาร เช่น กลุ่มฟังก์ชันนอลฟู้ดส์ โดยล่าสุดมีเรื่องของ “โปรไบโอติก” ที่กำลังเป็นที่สนใจ จะมีเกณฑ์ขอ อย.ที่เพิ่งออกมา โดยทางศูนย์ ศทม.จะมีการให้บริการในเรื่องเหล่านี้ด้วย”
เรื่องที่สอง คือการทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น สสว. ไอแท็บ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีงบสนับสนุนผู้ประกอบการ โดย ศทม. จะให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการเพื่อเป็นทางเลือกในการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ หรือแม้แต่ทาง วว. ก็มีเครือข่ายสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่ ศทม. สามารถหาโซลูชั่นจากเครือข่ายของ วว. ให้กับผู้ประกอบการได้ โดยจะมีการให้คำแนะนำผู้ประกอบการตั้งแต่เริ่มต้นวิจัย สร้างคุณภาพและมาตรฐาน ไปจนถึงการหาแหล่งเงินทุนเข้ามาสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ เป็นการช่วยหาโซลูชั่นเพื่อให้ผู้ประกอบผ่านเกณฑ์มาตรฐานและได้รับการรับรอง
“วว. ยังมีการจัดทำ Pilot Plant สำหรับการผลิตสินค้าบางประเภท เช่น อาหารและเครื่องดื่ม มีการทำ OEM สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ และต้องการทดลองตลาดก่อนด้วยสินค้าจำนวนไม่มาก สามารถจ้างให้ วว. ทำการผลิตสินค้าให้ได้ ถือเป็นการสนับสนุนแบบครบวงจรตลอดทั้งกระบวนการตั้งแต่การทำวิจัย ผลิต และส่งทดสอบวิเคราะห์โดย ศทม. ตามเกณฑ์ของ อย. ก่อนนำไปขึ้นทะเบียน อย.”
สำหรับผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะขอรับบริการ สามารถติดต่อผ่านจุดรับงานต่าง ๆ ของ ศทม. ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ วว. สำนักงานใหญ่ (คลอง 5 ปทุมธานี) ศูนย์บางเขน และนิคมอุตสาหกรรมบางปู (ที่ตั้งของแล็บ ศทม.) หรือติดต่อผ่าน JUMP บนหน้าเว็บไซต์ของ วว. เพื่อสอบถาม ขอเอกสารใบเสนอราคา ขอคำปรึกษา หรือบริการต่าง ๆ
ดร.วดี กล่าวเสริมว่า ในแง่การทำงานของศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยาในปัจจุบันมีความท้าทายใน 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องของ Digital Transformation ที่ต้องปรับตัวให้มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อรองรับกับดิสรัปชันที่เกิดขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันสหภาพยุโรปมีข้อกำหนดในเรื่องของ Digital Product Passport ในบางผลิตภัณฑ์ ทางศทม.จึงมีการทำในเรื่องของการสอบเทียบเครื่องมือที่ต้องมี Digital Calibration Certificate ให้กับผู้ประกอบการเพื่อเป็นข้อมูลดิจิทัลประกอบในตัว Digital Product Passport เป็นเรื่องหนึ่งที่ศูนย์ต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในอนาคต และ 2. ศทม.มีความเสี่ยงจากการถูกดิสรัป ทำให้ต้องยกเลิกการให้บริการสำหรับงานบางประเภท รวมถึงงานทางด้านที่ปรึกษา การฝึกอบรม อาจถูกดิสรัปด้วยการเข้ามาของ AI หรือ ChatGPT อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่เข้ามาใช้บริการกับทาง ศทม. เพราะสามารถหาข้อมูลได้เอง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการวางแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาทาง ศทม. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มผู้จัดงานนิทรรศการรายใหญ่ ๆ ที่เคยทำงานร่วมกับ วว. มาหลายปี โดยเน้นการเพิ่มบทบาทของ ศทม. ในงานนิทรรศการต่าง ๆ เพื่อให้ได้พื้นที่ในโซนที่ดีมากยิ่งขึ้น เช่น การออกบูธนิทรรศการในงาน THAILAND LAB INTERNATIONAL รวมถึงการจัดอบรมทางวิชาการต่าง ๆ ที่จะมีส่วนทำให้ผู้ประกอบการรู้จัก ศทม. มากขึ้น
“ปัจจุบัน ศทม. อยู่ในระหว่างการวางแผนเพื่อกำหนดเป้าหมายในอนาคต โดยมุ่งเน้นด้านการเพิ่มความครบถ้วนในส่วนของงานที่ให้บริการอยู่ โดยจะดูว่ายังขาดอะไรบ้าง หรือต้องมีมาตรฐานอย่างไร รวมถึงการเพิ่มบริการใหม่ ๆ นอกเหนือจากการตรวจสอบวิเคราะห์และสอบเทียบเครื่องมือที่ทำอยู่ เช่น การทดสอบความชำนาญ เนื่องจากปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการเอกชนที่ให้บริการวิเคราะห์ หรือสอบเทียบเครื่องมือเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ธุรกิจเหล่านี้ก็ต้องการความถูกต้องเพื่อเปรียบเทียบกับผลจากภายนอกเช่นกัน ดังนั้น ศทม. จึงเสมือนเป็นหน่วยงานกลางที่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาเปรียบเทียบผลที่ได้เพื่อการรับรองมาตรฐาน จะเป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อที่
ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
(1) ศทม. บางปู
นิคมอุตสาหกรรมบางปู
ซอย 1C (1ซี) ถนนสุขุมวิท
อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280
โทรศัพท์ : 0 2323 1672-80
โทรสาร : 0 2323 9165
E-mail : nitchakul@tistr.or.th (ณิชกุล)
E-mail : kitti_b@tistr.or.th (กิตติ)
(2) ศทม. เทคโนธานี (วว. สำนักงานใหญ่)
35 หมู่ 3 เทคโนธานี ถนนเลียบคลองห้า
ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี 12120
โทรศัพท์ : 0 2577 9036, 0 2577 9000
โทรสาร : 0 2577 9009
(3) ศทม. บางเขน
196 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร 10900
โทรศัพท์ : 0 2579 0160, 0 2579 5515
โทรสาร : 0 2579 8592
วันนี้ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ประเทศไทย! เพราะแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศเกิดใหม่ แต่ก็มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและกำลังเติบโต จริง ๆ แล้วการเติบโตทางเศรษฐกิของประเทศไทยคาดว่าจะสูงถึง 3.2% ในปี 2567
ตัวเลขการเติบโตเหล่านี้มาจากไหน?
ต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในประเทศไทย สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อดูข้อมูลสรุปของภาคส่วนต่าง ๆ ได้ฟรี: https://www.aseanaccess.com/select-countries/thailand.html
#aseanaccess #asean #thailand #การค้าระหว่างประเทศ #marketentry #newmarket #technology #innovation # Manufacturing #consumers #digital #fintech
สัปปายยะ สปา ส่งผ่านความรู้สึกดีด้วย Human Touch
“เพราะอะไร ลูกค้าถึงเดินเข้ามาใช้บริการสปา” อาจฟังดูเป็นคำถามธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป ที่น่าจะรู้คำตอบได้โดยไม่ต้องถาม แต่หากคำถามเดียวกันนี้ ถูกใช้ถามไปยังผู้ให้บริการเอง ก็กลายเป็นโจทย์ที่คนทำธุรกิจสปาต้องกลับมาคิด กลับมาทบทวน เพื่อหาคำตอบให้ชัด
“สัปปายยะ สปา” ตั้งคำถามนี้กับบริการของตัวเองอยู่เสมอ เพราะการเลือกตั้งร้านให้บริการที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในวันที่ปายไม่ได้เป็นเมืองยอดนิยมในกระแสหลักอีกต่อไป นั้นมาพร้อมกับโจทย์ทางธุรกิจที่แตกต่างจากการเปิดสปาในเมืองหลักที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล
สิ่งที่สัปปายยะ สปามองเห็นในเมืองปาย ก็คือเสน่ห์ของเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ห่างไกลจากความพลุกพล่าน เหมาะกับการเป็นเมืองสำหรับพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้อย่างแท้จริง กลับกลายเป็นว่า แม้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือนักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ กลับมาใช้บริการเป็นลูกค้าประจำอยู่เสมอ
อาจเป็นเพราะสัปปายยะ สปาพบคำตอบแล้วว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาถึงเมืองปายได้นั้น มักเป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจเข้ามาฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ พักผ่อนเติมพลัง และโดยมากเป็นขาประจำ และท่องเที่ยวแบบระยะยาว ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการสปานั้น ทุกคนต่างมีปัญหาที่ต้องการให้ทางสปาช่วยดูแล สปา ที่ออกแบบคอร์สจากลูกค้า
หากต้องการสร้างบริการให้ประทับใจและตรงกับความต้องการของลูกค้า ก็ต้องรู้จักลูกค้าอย่างลึกซึ้ง สัปปายยะ สปา ใช้วิธีการสร้างหน้าเว็บสำหรับจองใช้บริการ ที่มีรายละเอียดของร่างกายให้ลูกค้าระบุ ความต้องการด้านต่างๆ น้ำหนักในการนวด ลึกไปจนถึง จุดที่มีปัญหาให้ดูแลเป็นพิเศษ ลูกค้าแต่ละคนจึงสามารถออกแบบคอร์สเฉพาะเจาะจงที่ตัวเองต้องการได้ตามความชอบของแต่ละคน
พิเศษไปกว่านั้น ทางสัปปายยะ สปา เองได้มีการออกแบบน้ำมันนวดที่มีสูตรช่วยเสริมธาตุเจ้าเรือนของลูกค้า ผ่านน้ำมันนวดที่ออกแบบพิเศษให้ซึมผ่านผิวได้อย่างดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ แยกสูตรออกเป็น 4 ธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยใช้ Essential Oil ที่ไม่มีสารเคมี ไม่มีน้ำหอม ใช้วัตถุดิบออร์แกนิกจากในท้องถิ่น ที่มีสรรพคุณทางแพทย์แผนไทย เข้ามาช่วยให้ลูกค้าผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
มากไปกว่าการให้บริการกับสัมผัสทั้ง 5 แล้ว ทางสัปปายยะยังใส่ใจในส่วนสำคัญคือ การส่งมอบความรู้สึกดี ความปรารถนาดี ผ่านสัมผัสจากการนวดของพนักงาน สิ่งเหล่านี้เป็น Human Touch ที่ลูกค้านั้นสามารถรับรู้ได้
มากไปกว่าการเป็นสปา คือการสร้างแวดวงของการดูแลสุขภาพ โดยการจับมือร่วมงานกับ โรงแรม หรือกิจกรรมด้านสุขภาพอื่น ๆ ภายในเมืองปาย เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจของทุกฝ่ายไปพร้อมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน
จากความใส่ใจส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้านี่เอง ที่เป็นจุดที่สร้างความประทับใจเป็นพิเศษให้กับลูกค้า จนสามารถสร้างการบอกต่อกลับไปยังประเทศ และกลับมาใช้บริการอยู่เสมอ
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
สัปปายยะ สปา
ที่อยู่: 412 หมู่ 8 ต.เวียงไทย อ. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
โทร: 081-236-6644
อีเมล: sapaiyaspa@gmail.com
เว็บไซต์: sapaiya.com
Facebook: sapaiyaspa