สุรากลั่นจากสุราขาว

สสว.ดำเนินการศึกษา รวบรวมและวิเคราะห์ศักยภาพ MSME รายสาขา รวมถึงประเด็นที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ SME เพื่อนำผลการศึกษามาใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานสถานการณ์และข้อมูลเตือนภัยสำหรับ SME ดำเนินการศึกษา รวบรวมและวิเคราะห์ศักยภาพ MSME รายสาขา รวมถึงประเด็นที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ SME เพื่อนำผลการศึกษามาใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานสถานการณ์และข้อมูลเตือนภัยสำหรับ SME

การศึกษานี้ใช้วิธีการศึกษาจากข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิประกอบกันโดยข้อมูลทุติยภูมิผู้ศึกษาใช้วิธีการค้นคว้าจากเอกสารงานศึกษาเอกสาร
งานวิจัย บทวิเคราะห์ รวมทั้งข่าวสารที่เกี่ยวข้อง ส่วนการศึกษาจากข้อมูลปฐมภูมิผู้ศึกษาใช้วิธีการลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่อยู่ใน Supply
Chain ทั้งในด้านการผลิตและด้านการตลาด โดยทำการเลือกพื้นที่จากพื้นที่ที่ผลิตสุรากลั่นชนิดสุราขาวและพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ


โดยมีวัตถุประสงค์


1.เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันของสุรากลั่นชนิดสุราขาวที่ผลิตจากโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็ก

2. เพื่อศึกษาโอกาสและข้อจำกัดในแต่ละมิติในการพัฒนาสุรากลั่นชนิดสุราขาวที่ผลิตจากโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็ก

3. เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริม SME ในสาขาการผลิตสุรากลั่นชนิด สุราขาวที่ผลิตจากโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

 

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/11/การศึกษาสุรากลั่นชนิดสุราขาว+V5+20.10.68+เผยแพร่.pdf

บทความแนะนำ

การพัฒนาต่อยอดสินค้าชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเข้าสู่ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้พัฒนาผู้ประกอบการสินต้าชุมชนจังหวัดเชียงราย รวมจำนวน 22 ราย และมีการรวบรวมรายละเอียดสินค้าที่ได้รับการพัฒนาประกอบกับข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ที่รวบรวมข้อมูลรายละเอียดสินค้าที่ผ่านการพัฒนาควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจ โดยใช้มุมมองแบบ 360 องศา ให้ผู้ที่สนใจสามารถคลิกดูได้สะดวก

https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1y5XbNGRW_Q800r8qYiJ9bGj00fKYFQlB?usp=sharing

บทความแนะนำ

เจาะพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้ประกอบการ SME ต่อการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

การส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคธุรกิจ SME เป็นภารกิจสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันและ
เตรียมความพร้อมสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รายงานนี้วิเคราะห์พฤติกรรมและปัจจัยการตัดสินใจของผู้ประกอบการ SME ต่อการใช้
เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเสนอแนวทางการส่งเสริมที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การศึกษาเก็บข้อมูลจากการสำรวจผู้ประกอบการ
SME กว่า 600 ราย การศึกษาเปรียบเทียบประเทศ OECD การทดลองเชิงพฤติกรรม และการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ประกอบการ และหน่วยงานรัฐ รวมถึงการวิเคราะห์แนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ

ผลการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลางของการใช้เทคโนโลยีโดยภาคการผลิตใช้เครื่องจักร
กึ่งอัตโนมัติและเครื่องมือวัดดิจิทัลมากที่สุด ขณะที่การบริหารจัดการยังพึ่งพาเครื่องมือพื้นฐานอย่าง Excel และ Line การใช้
เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม IoT และ AI ยังมีสัดส่วนน้อย สะท้อนว่า SME ส่วนใหญ่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
สู่ดิจิทัลจากระดับพื้นฐานสู่ปานกลาง แต่ยังมีช่องว่างสำคัญในการก้าวสู่เทคโนโลยีขั้นสูง
ปัญหาหลักแบ่งออกเป็นสามมิติสำคัญ: ปัญหาด้านทรัพยากรและงบประมาณ
- งบประมาณการลงทุนด้านเทคโนโลยีของ
SME ส่วนใหญ่ยังไม่ชัดเจน โดยหลายธุรกิจยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ การลงทุนยังพึ่งพาเงินทุนภายในเป็นหลัก สะท้อนความ
ระมัดระวังในการกู้ยืมและการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน ปัญหาด้านทักษะและความรู้
- ระดับทักษะด้านเทคโนโลยีของ
พนักงานแตกต่างตามขนาดธุรกิจ โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับปานกลาง ธุรกิจรายย่อยยังมีพนักงานจำนวนมากที่ใช้เพียง
อีเมลและโซเชียลมีเดีย ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางมีบุคลากรเชี่ยวชาญสูงกว่า ปัญหาด้านความขัดแย้งระหว่างรุ่น
- เกิดความขัดแย้งระหว่าง Gen1 และ Gen2 ในการใช้เทคโนโลยีขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการโน้มน้าวใจ
ในเชิงการปฏิบัติพบว่าธุรกิจรายย่อยมุ่งยกระดับจากแรงงานคนสู่การใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ทันสมัย ขณะที่ขนาดย่อมสนใจ
หุ่นยนต์ช่วยผลิตและ AI ควบคุมคุณภาพ ส่วนขนาดกลางมุ่งไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Digital Twin และ AI วิเคราะห์การ
ผลิต แสดงให้เห็นว่าขนาดธุรกิจมีผลต่อทิศทางการเลือกเทคโนโลยีโดยขนาดย่อมเน้นสิ่งที่ใช้ได้ทันทีและคุ้มค่า ส่วนรายใหญ่
กว่าเริ่มลงทุนในเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและใช้เงินทุนสูง

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/10/6.+รายงาน+“เจาะพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้ปร5.pdf

บทความแนะนำ

เจาะพฤติกรรมธุรกิจผีดิบของผู้ประกอบการ

การแก้ไขปัญหาธุรกิจผีดิบ (Zombie SME) ในประเทศไทยเป็นภารกิจเร่งด่วนในการฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
รายงานนี้วิเคราะห์สาเหตุรากเหง้าและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุม เพื่อให้SMEสามารถฟื้นตัวจากสถานะ Zombie
กลับมาสร้างกำไรและเติบโตได้อย่างยั่งยืน การศึกษาเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการ
การประชุมระดมความคิดเห็นหน่วยงานรัฐ การวิเคราะห์ข้อมูล DBD งบการเงิน และแบบสอบถามผู้ประกอบการ Zombie firm
กว่า 519 ราย รวมถึงการศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจ

ผลการศึกษาพบว่าปัญหาธุรกิจ Zombie ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจไทย
ธุรกิจซอมบี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกขนาดตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุด
ภาคกลางครองสัดส่วนเกือบสามในสี่ของธุรกิจซอมบี้ทั้งประเทศ แต่เมื่อพิจารณาสัดส่วนภายในแต่ละภูมิภาคพบว่าทุกพื้นที่มี
ปัญหาใกล้เคียงกัน
ปัญหาหลักแบ่งออกเป็นสามมิติสำคัญ: ปัญหาด้าน Mindset และพฤติกรรม - ผู้ประกอบการติดอยู่ในกรอบความคิด "Stay
Small" และมีความกลัวความเสี่ยงที่เกินจริง ปรับตัวช้าต่อการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากวัฒนธรรม "Quick Win" และการตัดสินใจ
แบบ “หาเช้ากินค่ำ" ปัญหาด้านการเงินและการเข้าถึงแหล่งทุน – SME ติดอยู่ในวงจรหนี้และมี "แผลเป็น" ในประวัติสินเชื่อ
ทำบัญชี 2 ชุดและกลัวปัญหาภาษีจึงไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกทั้งยังติดอยู่ในสถานะ "จ่ายได้แต่ดอกเบี้ย ลดต้น
ไม่ได้" ปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน - ธุรกิจส่วนใหญ่เป็น OEM ไม่มีแบรนด์ตัวเอง แข่งขันกับ Import Flooding
ไม่ได้ ขายผ่านคนกลางแทนการดีลตรง และขาดการพัฒนา Service Model ที่ผสม High Tech กับ High Touch
ในเชิงพื้นที่ พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีปัญหาความไม่มั่นคงของรายได้สูงที่สุด ขณะที่กรุงเทพฯและ
ปริมณฑลมีความมั่นคงสูงสุด สะท้อนอิทธิพลของปัจจัยเศรษฐกิจท้องถิ่นและการเข้าถึงตลาด ภาคบริการมีจำนวนธุรกิจผีดิบ
มากที่สุด โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์การก่อสร้าง และที่พักแรม

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/10/5.+รายงาน+หัวข้อ+_เจาะพฤติกรรมธุรกิจผีดิบขอ.pdf

บทความแนะนำ

งานศึกษาประเด็นโอกาสและอุปสรรค ของ MSME เพื่อให้สอดคล้องกับ ข้อกฎหมาย EUDR

กฎหมายนี้กำหนดขอบเขตของการบังคับใช้สินค้า
7 ประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัว โกโก้ กาแฟ
ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ถั่วเหลือง และไม้
(รายละเอียดเป็นไปตาม ภาคผนวกที่ I ของกฎหมาย EUDR)
สาระสำคัญของกฎหมายนี้อยู่ที่มาตรา 3 ซึ่งกำหนด
เงื่อนไขหลัก 3 ประการก่อนที่สินค้าจะสามารถนำเข้า
วางจำหน่าย หรือส่งออกจาก EU ได้ ได้แก่
(1) สินค้าต้องปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า
(deforestation-free) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ต้องไม่มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าที่ถูกเปิด
ใหม่หลังวันที่ 31 ธันวาคม 2020
(2) สินค้าต้องผลิตโดยเป็นไปตามกฎหมาย
ของประเทศผู้ผลิตในประเด็นที่ครอบคลุม
อย่างน้อย 8 ด้าน เช่น กฎหมายเกี่ยวกับ
สิทธิในที่ดิน แรงงาน สิ่งแวดล้อม ภาษี
และสิทธิมนุษยชน
(3) สินค้าต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ
สถานะอย่างรอบคอบ หรือที่เรียกว่า
“due diligence” เพื่อพิสูจน์ว่าปฏิบัติ
ตามข้อกำหนดทั้งสองประการแรก
อย่างครบถ้วน

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/10/3.infoEUDR.pdf

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/10/เอกสารแนบ+1++สรุปสาระสำคัญ.pdf

https://smeone.info/storage/app/public/uploads/files/2025/10/เอกสารแนบ+2+รายชื่อเผยแพร่รายงานผลการศึกษ.pdf

บทความแนะนำ

Clear Cache
Clear All Cache
Enable Page Cache
Disable Page Cache