SME Showcase by SMEONE
บทสัมภาษณ์ถอดแบบความสำเร็จ คุณนพ หมูนุ่ม เจ้าของบริษัทหมูนุ่มนมสด จากกรรมกรสู่ธุรกิจหมูปิ้ง 200 ล้าน
เฮียนพ : เฮียเรียนจบแค่ม.3 อายุ 20 กว่า ก็ไปสมัครทำงานโรงงาน เผอิญมันมาประสบปัญหาวิกฤตโรงงานเขาเริ่มมีการสมัครใจลาออก เลิกจ้าง ออกมาจากงานตอนอายุสามสิบก็เร่ร่อน ได้ทุนมาก้อนหนึ่งทำขายเสื้อผ้า ขายไอศครีม ค้าขายอะไรต่าง ๆ แต่ค้าขายก็ไม่ดี จนกระทั่งเงินหมด ไปเป็นรปภ.มานอนอยู่ที่ป้อมยาม แล้วก็ไปอาศัยน้องสาวอยู่ที่โรงพักปากเกร็ด
ที่โรงพักปากเกร็ดเด็กวัยรุ่นเขาตั้งวินมอเตอร์ไซค์กันขึ้นมา และให้เสื้อมาตัวหนึ่งก็เลยขับวิน การขับวินนี่แหละเป็นที่มาของการรู้จักหมูปิ้งนมสด กลุ่มแม่บ้านโรงพักปากเกร็ดเขาทำหมูปิ้งนมสดอยู่ แล้วเขามาจ้างเราวิ่งวิน
ส่วนจุดเริ่มต้นทำจริงจังคือน้องสาวไปขอสูตรคุณอั่วมาทำ แล้วพอดีสามีของน้องสาวที่เป็นตำรวจเสียชีวิตเขาไม่มีคนช่วย น้องเลยมาขอให้เราทำส่งให้น้อง เริ่มแรกเลยทำแล้วไม่ได้ขายเอง เฮียนพเป็นคนที่ทำหมูปิ้งแต่ไม่เคยขายหมูปิ้งเอง พอเสียบไม้เสร็จก็วิ่งไปให้น้องสาว น้องก็จะมีหน้าที่ขายอย่างเดียว
เฮียนพ : ตรงที่ทำอยู่นี่อยู่ที่โรงพักปากเกร็ดและตรงข้ามเป็นโรงเรียนหอวัง ก็มีป้าคนหนึ่งเขาขายไอศครีมปั่นอยู่ เราก็บอกเขาว่าป้าขายไอศครีมแบบนี้เด็กสมัยนี้ไม่กินหรอก ป้าเอาหมูปิ้งขายสิ ป้าแกก็เลยปิ้งหมูเราขาย
ผู้ปกครองเขามารับลูกทุกวันเขาก็กินหมูป้าทุกวัน เขาอยากได้หมูไปขาย เขาก็รอเฮียตั้ง 3-4 วันแล้วไม่เจอ เพราะว่าตอนโรงเรียนเลิกเราก็ขับวินส่งนักเรียน จนกระทั่งวันนั้นมีโอกาสได้เจอ เขาเลยสั่งหมูปิ้งเรา 1,000 ไม้ ซึ่งเป็นการสั่งที่เยอะมาก ๆ เราไปส่งตั้งแต่ตี 4 บ่ายเย็น ๆ เขาก็โทรมาสั่งอีก เราก็บอกทำไมหมดแล้วหรอเอาไป 1,000 ไม้ นึกว่าเขาเอาไปแจกโรงทาน ที่แท้เขาบอกว่าคุณมาตอนมืดคุณไม่เห็น คุณมาตอนเช้าที่นี่เป็นโรงเรียนนักเรียนเยอะมาก ปรากฏว่าเขาสั่งไปขาย 1,000 ไม้ไม่พอ เขาก็เลยสั่งเราทุกวัน เขาเห็นเราวิ่งวินเขาก็บอกว่าถ้างั้นเอามาทีละ 1,000 ทุกวัน เพราะว่าขายจันทร์ถึงศุกร์นะ
ด้วยความที่เราตกงานมาเป็นสิบปี ไม่เคยมีเงินติดตัวเลย พอได้เงินมา 4,000 บาท กำเงินแน่นเลย ก็เลยนึกโอกาสว่าถ้ามีแบบนี้ซัก 10 เจ้า รวยแน่! ณ วันนั้นพอส่งของเสร็จก็จอดตั้งแต่ตลาดเตาปูน เจอตลาดสดตรงไหนจอดตรงนั้น เดินเข้าไปหาคนที่ขายไส้กรอก หมูปิ้ง บอกเขาว่าพี่เอาหมูปิ้งผมขายไหม หมูผมขายได้ไม่ต้องมีน้ำจิ้มนะพี่ ไม่ต้องมีผักเหมือนไส้กรอกนะ เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้ทำไส้กรอก เราก็ไม่ได้ไปโจมตีไส้กรอกแต่เราบอกว่าการขายไส้กรอกต้นทุนมันจะเพิ่มคือผักต้องแถม แต่หมูไม่ต้อง ขายไส้กรอกขายข้าวเหนียวด้วยไม่ได้ แต่ขายหมูปิ้งขายข้าวเหนียวด้วยได้ ได้กำไรทั้งสองอย่างทั้งข้าวเหนียวทั้งหมูปิ้ง เดินไปบอกพ่อค้าแม่ค้า เจอตลาดตรงไหนก็เอาหมูติดไปเอาไปให้ตัวอย่าง ลูกค้าเริ่มเพิ่มขึ้น เพราะบางคนเขาก็เชื่อเรา
เฮียนพ : พอเราต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตมีคนสั่งเพิ่มขึ้น ก็ปรากฏว่ามีแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าระแวกที่เราอยู่ เราก็ชักชวนเขา ลาว เขมร พม่า ว่าเลิกงานมาเสียบหมูมั้ย จ้างร้อยละสามสิบบาท บางคนก็มาเสียบ 100 ไม้เขาก็ได้ 35 บาท ไปซื้อกับข้าว แม่บ้านที่โรงพักปากเกร็ด คนทำความสะอาดเลิกงานมาก็มาเสียบหมูเรา
เฮียนพ : เฮียเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่ไปขออนุญาตว่าจะสร้างโรงงานเนื้อหมูเสียบไม้ สร้างเรื่องของมาตรฐานก่อน เราไม่รู้เรื่องของมาตรฐาน เราก็ไปที่เทศบาลปากเกร็ด ไปที่สาธารณสุขจังหวัด ให้เขาเข้ามาตรวจโรงงานเราก่อน เราอยากให้สินค้าเราไปอยู่ในร้านสะดวกซื้อ คิดว่าสินค้าหมูปิ้งมันน่าจะไปวางในร้านสะดวกซื้อได้
เฮียนพ : สาธารณะสุขเขาก็จะเข้ามาตรวจว่า ถ้าคุณจะขออย.คุณต้องเป็นแบบนี้ ๆ พอเราเริ่มปรับปรุงโรงงานเราเข้าสู่ระบบและเราก็เริ่มขออย. ซึ่งเดิมเราขายดีอยู่แล้ว พอยิ่งได้มาตรฐานมีโรงงาน ความมั่นใจของลูกค้าก็มีเพิ่มขึ้น เลยทำให้เราได้ลูกค้าเพิ่มมาอีกตลาดหนึ่ง คือตลาดโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเริ่มเอาสินค้าเราไปขาย มันเป็นการเติบโตโดยก้าวกระโดด
เฮียนพ : ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรมันก็เหมือน ๆ กันแหละ มันมีการวิจัยว่าการที่คนจะควักสตางค์ซื้ออะไรสักอย่าง 50% เขาจะตัดสินใจจากแบรนด์ เฮียก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับผู้ประกอบการหรือตัวเราเองว่า เราต้องทำแบรนด์เราให้เป็นที่จดจำ คือทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กร้านน้อยไม่จำเป็นต้องเป็นแฟรนไชส์ จะขายข้าวแกงหน้าปากซอยก็ตาม คุณต้องมีเครื่องหมายการค้า
โฆษณามันต้องคู่ไปกับพัฒนา ทำธุรกิจโฆษณาต้องมี ทำธุรกิจคุณต้องไม่หยุดตะโกน การตะโกนไม่ใช่ตะโกนเพ้อเจ้อไปเรื่อย แต่ในทำนองเดียวกันคุณก็ต้องพัฒนาไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราดูแลลูกค้าโดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์และพัฒนาสินค้าด้วย คนที่ซื้อแฟรนไชส์เราไปเขาก็ไม่เปลี่ยนไปจากเราหรอก
เฮียนพ : การเข้าหาหน่วยงานภาครัฐ เราจะได้คำแนะนำที่มันถูกต้อง เพราะเราเป็นคนที่ไม่มีความรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องของ สสว. หรือ สวทช. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ตั้งแต่วิธีการทำบัญชีทำอะไรต่าง ๆ ถามว่าเข้าหาหน่วยงานภาครัฐไหม? เฮียเข้าทุกหน่วยงานเลย
เฮียนพ : การทำธุรกิจ การที่คุณจะเอากำไรมาขยายธุรกิจ มันทำได้ไหม ทำได้แต่ยาก ธุรกิจของท่านกำลังทำอยู่แล้วมันจะต้องขยายจะต้องเติบโต ก็ต้องบอกท่านไปเลยว่า ณ ตอนนี้ให้ท่านเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ สิ่งเดียวที่เฮียอยากจะบอก คือท่านต้องทำตัวให้ขาวสะอาด การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเขาตรวจตัวท่านอันดับแรก ถ้าตัวท่านเป็นหนี้ ติดบัตรเครดิต เก็บบูโร ติดอะไรต่าง ๆ เขาไม่คุยอย่างอื่น เพราะฉะนั้นก็ฝากไปถึงผู้ประกอบการว่า เป็นผู้ที่จะประสบความสำเร็จ แต่ท่านก็ต้องเตรียมอย่าให้เสียเครดิต
การที่มันเติบโตมาได้ หนึ่งมันเกิดจากเรามีวินัย SME ไทยที่ไปไม่รอดส่วนใหญ่ขาดวินัย ก็หมายความว่าไม่มีการจัดการที่ดี ก็คือไม่มีระบบบัญชีที่ดี ไม่มีระบบการควบคุมคุณภาพที่ดี ไม่มีระบบการตรวจสอบที่ดี
ข้อที่สองคือต้องมีความซื่อสัตย์ เพราะพอเราซื่อสัตย์จะทำให้ลูกค้าอยู่กับเรา พอลูกค้าอยู่กับเรา เราก็จะมีการผลิตแล้วขายได้เรื่อย ๆ
ประการที่สาม เราต้องมีวิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเฮีย 50 กว่าแล้ว จะมาค้าขายแบบคนแก่สมัยก่อนมันก็ไม่ได้แล้ว เพราะโลกมันเปลี่ยนไป ทุกวันนี้เฮียนพเองถ้าจะบอกแก่กะโหลกกะลาก็ต้องเรียนรู้ เพจ เฟซบุ๊ก ออนไลน์ อินเตอร์เน็ต ทุกอย่างต้องเรียนรู้หมด
วินัย ซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ มันอาจจะไม่ได้รุ่งโรจน์หรือใหญ่โตไปกว่านี้ แต่มันก็อาจจะไม่ย่ำแย่ไปกว่านี้ ถ้าเราไม่มีวิสัยทัศน์กับโลกปัจจุบัน มันไปต่อไม่ได้ ที่สำคัญคุณต้องแสวงหาความรู้กับหน่วยงานภาครัฐ เพราะการแสวงหาความรู้จะทำให้ธุรกิจเกิดไอเดียใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ ที่สำคัญมันเป็นไอเดียและความคิดที่ถูกต้อง หลายเรื่องที่เฮียนพไม่ได้เรียนรู้และจินตนาการขึ้นมาเอง แต่พอไปทำจริงมันทำไม่ได้ เพราะมันผิดหลักการมันไม่ได้มาตรฐาน มันไม่ถูกต้อง
SME ไทยเรามีมากมาย มีจำนวนเยอะ เกิดขึ้นมาปีหนึ่งเป็นหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นเจ้า แต่อย่าลืมว่า SME ที่ไปต่อได้มีเพียงแค่ 5% ท่านอยากจะเป็นหนึ่งใน 5% นั้น หรือท่านจะเป็นหนึ่งใน 95% ท่านก็ต้องเลือก แต่เฮียเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ แก้ไขได้ เพียงแต่เราต้องขยันเรียนรู้นะครับ
SME Showcase by SMEONE
บทสัมภาษณ์ถอดแบบความสำเร็จ คุณมิน Founder – Designer แบรนด์ April Pool Day แบรนด์ชุดว่ายน้ำที่มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองและรู้ใจสาวเอเชียมากที่สุด
คุณมิน : April pool day มันก็คล้ายคล้ายกับคาแรคเตอร์ของแบรนด์เหมือนกับวัน April Fool Day ค่ะ ก็คือเป็นวันโกหก ซึ่งจะเป็นคาแรคเตอร์ของสาว April ก็คือเป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน มีความครีเอทีฟ มีความชอบท่องเที่ยวแล้วก็ให้ความสําคัญกับประสบการณ์ชีวิตอะคะ ซึ่งมันก็เป็นไลฟ์สไตล์ของเราด้วยค่ะ ว่าเวลาเราไปเที่ยว เราใช้ชีวิต เราต้องใส่ชุดว่ายน้ําเนี้ย เราทําอะไรบ้าง คนที่ใส่ชุดว่ายน้ํา April จะไม่ได้แค่ใส่ชุดว่ายน้ําแล้วก็ ถ่ายรูปแล้วก็จบ แต่ว่าค่อนข้างเป็นคนทํากิจกรรมจริง
คุณมิน : ถ้าเทียบกับเสื้อผ้ามันก็โอกาสในการใส่น้อยกว่าบวกกับสไตล์ด้วยว่า สไตล์ของเราไม่ได้ทํามาเพื่อทุกคนมันก็คือคนที่ชอบชุดว่ายน้ําที่เป็นสไตล์นี้อะคะ เพราะฉะนั้น หนึ่งคือชุดว่ายน้ําก็แคบประมาณหนึ่ง แล้วสไตล์ของแบรนด์ก็บีบให้มันแคบลงไปอีก
คุณมิน : ก็จริงจริงถ้าตอนเริ่มเลยก็เหมือนปากต่อปาก ก็จะเป็นคนในวงการใกล้ใกล้ตัวที่อยู่ในแบบหรือว่าศิลปะออกแบบอะไรอย่างเงี้ยค่ะในช่วงแรกแรก แล้วมันก็เริ่มขยายแบบปากต่อปาก
คุณมิน : เราก็ต้องบอกว่าที่ราคาเราสูง มันไม่ได้มาแบบไม่มีสาเหตุ คือผ้าก็นำเข้าจากอิตาลี การตัดเราก็ Finishing การออกแบบเราก็ให้ Detail แบบมากมาก แต่งานจีนมันเป็นงานแบบเร็วเร็ว แล้วก็ต้นทุนถูก เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ได้มีเวลามาใส่ใจพวกเรื่อง Detail เพราะว่าของก็อปก็จะมาจากจีนซะส่วนใหญ่ คนจีนเองเลยด้วยที่เป็นโรงงานจีนที่ก็อป แล้วก็ส่งมาที่ Shop ไทยแล้วโรงงานจีนเขาก็เหมือนกับเขาก็เอารูปเราไปขายด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่ Shop คนไทยไปซื้อจากจีนอะคะ จีนจะบอกเลยว่าให้เข้าไปเอารูปจากเว็บไซต์เขาได้เลย ซึ่งรูปนั้นก็คือรูปเรา
คุณมิน : จริง ๆ April ไม่ได้เป็นแบรนด์แฟชั่นนะคะก็เลยไม่จําเป็นต้องตามเทรนด์มาก แต่เราก็ดูไว้ว่ามันเข้ากับเราไหม ถ้ามันเข้าก็อาจจะใช้ แต่ว่าถ้าไม่เข้าก็ไม่ทํา
คุณมิน : ทุกครั้งที่เราจะออกคอลเลคชั่นใหม่ มันจะต้องใหม่แล้วก็ไม่ซ้ํากับที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว มันจะต้องมีส่วนผสมของความวินเทจนิดนิด แต่ว่าไม่ใช่ว่าเห็นแบบแล้วก็ อ่ะ เอาแบบเนี้ยแหละ แต่เราแค่จะใช้มันเป็นเหมือนกับส่วนผสมตั้งต้น เป็น inspiration แล้วเอามารวมกันเพื่อสร้าง Design ที่ออกมาแบบใหม่แล้วก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
คุณมิน : มีพวกวางตาม Multibrand Store พวกตามห้างด้วย แล้วก็มีขายออนไลน์ แล้วก็ถ้าเป็นต่างชาติเราจะส่งเป็น Distributor เช่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่นนิดหน่อยแล้วก็จีน
คุณมิน : ถ้าตั้งแต่ Covid-19 ตามห้างเนี้ยจะน้อยลงเลย เพราะว่าจริงจริงลูกค้าที่ซื้อก็จะเป็นลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย เวลาสต็อคมาลงปึ๊บก็คือขายออนไลน์สั่งมาเท่าไรก็หมด ไม่พอส่งห้างด้วย
คุณมิน : อาจจะมีบ้างเป็น Gimmick คือก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีนะคะที่จะไม่มี แต่ว่าเราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยากให้ราคา การลดราคามันมาเป็นตัวดึงดูดลูกค้าเข้ามาค่ะ จริง ๆ เรามีออกทั้งชุดว่ายน้ําใช่ไหมค่ะ แล้วก็คือปีหลังๆจะมีพวก Ready to wear ด้วยซึ่งมันก็ช่วย balance ยอดขายเราได้
คุณมิน : ก่อนออกคอลเล็กชั่น เราก็จะดูสามอย่างเป็นหลักว่า Design เนี้ยมัน Practical สําหรับการว่ายน้ําไหม และเราก็ต้องมีการเทสว่ามันว่ายน้ําได้ดีจริงในระดับที่เป็น Standard ของเรา แล้วก็มัน affordable ไหม ราคามันโอเคหรือเปล่า ต้นทุนมันเท่าเนี้ยแหละแต่ว่ามันต้องขายประมาณเนี้ย สุดท้ายคือ Individual เป็น Style ของตัวเอง ซึ่งก่อนออกพอมันครบสามแล้ว เราก็จะค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะต้องขายได้แน่นอน แต่ถ้าเกิดว่าปัจจัยที่มันจะทําให้ขายไม่ได้มันก็จะมี เช่น ฝนตกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ไปเที่ยวไม่ได้ ลงว่ายน้ำไม่ได้ แล้วจะซื้อไปทำไม
คุณมิน : อาจจะต่างจากแบรนด์อื่นตรงที่ว่า พอเราออกคอลเล็กชั่นแค่ชุดว่ายน้ําปีละสองชุดใช่ไหมค่ะ เราจะไม่หยุดขายเหมือนรุ่นแรกตั้งแต่ที่ออกมาเราก็ยังทําอยู่ มันก็คือ repeat ไปเรื่อย ๆ เพราะเราออกน้อย มันก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้เป็นแบรนด์แฟชั่น มันมีความคลาสสิกประมาณนึงทีว่า แม้แต่รุ่นที่ออกไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้คนก็ยังซื้ออยู่
คุณมิน : ทุกคนมีความชอบมีความสนใจคล้ายคล้ายกันร่วมกัน มี Goal คล้ายคล้ายกัน ทุกครั้งที่ออกคอลเล็กชั่นเราก็คุยกันแล้วว่ามันจะไม่ใช่การถูกบังคับให้ออก เพราะเราออกแค่ปีละสองคอลเล็กชั่นเอง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะออกมันจะต้องมาจากความที่แบบอยากลองทําอันนี้ ไม่เคยทําอันนี้เลย อยากเห็นอันนี้ อะไรอย่างงี้ค่ะ ผลงานที่ออกมามันก็เลยแบบ เราค่อนข้างว่ามันดี อันนั้นน่าจะเป็น Core ของแบรนด์ บวกกับ เราก็ Develop เรียนรู้จากสิ่งที่เราทําไปเรื่อย ๆ Style เราก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ
คุณมิน : ต้องหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอว่าจุดแข็งของเราคืออะไรเพื่อให้เราอยู่ในตลาดได้โดยที่เราไม่รู้สึกทรมาน เพราะว่าอุปสรรคในการทําธุรกิจมันเยอะแต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราชอบมันก็จะรู้สึกอยากแก้ปัญหาค่ะ หรืออยากให้ดูว่าธุรกิจที่เรากําลังจะทําไม่ได้ไปเบียดเบียนหรือรบกวนใคร เรามีปัญหาเรื่องของก๊อปปี้ใช่ไหมค่ะ มันก็มีทั้งเจ้าที่รู้ว่าตั้งใจก็อปปี้กับเจ้าที่ไม่รู้ตัวว่ากําลังก็อปปี้อยู่ เพราะฉะนั้นก็อยากให้สํารวจด้วยว่าในตลาดเดียวกันหรือว่าธุรกิจของเราเบียดเบียนใครรึเปล่าหรือทําให้ใครเดือดร้อนรึเปล่า
SCI-PARK มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำหน้าที่นำความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยการช่วยส่งเสริมสนับสนุนการเอาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทุกรูปแบบ เช่น การบ่มเพาะธุรกิจ การพัฒนา SME การช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ที่นี่จึงเด่นในเรื่องของการแปรรูปวัตุดิบท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่า อย่างเช่น การแปรูปยางพารา ที่นี่เรามีบริการเพื่อ SME ทุกประเภทโดยเฉพาะด้านอาหาร ดิจิทัล เครื่องมือแพทย์ ยางพารา น้ำมันปาล์ม ประมง
นอกจากนี้ยังมีคณะเภสัชศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องสารสกัดจากสมุนไพร เพื่อนำมาต่อยอดเป็นงานวิจัยหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น รักษาโรค เครื่องสำอาง
ผู้ประกอบการที่มีไอเดีย สามารถเข้าไปติดต่อขอใช้บริการได้ที่
อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ (จ.สงขลา) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ส่วนขยาย
หมู่ที่ 6 ตำบล ทุ่งใหญ่ อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัด 90110
เบอร์ 07-485-9500 , 07-485-9502 (หมายเลขภายใน 02-1000 , 02-1012)
Facebook : Prince of Songkla University Science Park
สถาบันอาหารเป็นองค์กรชั้นนำในด้านการสร้างคุณค่า (Value Creation) ให้กับอุตสาหกรรมอาหารของไทยเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศด้วยการบริการที่เป็นเลิศ มีหน้าที่สนับสนุนและวางนโยบายแผนยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาด้านนวัตกรรมอาหารของประเทศ ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างศักยภาพการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมอาหารไทย ทั้งทางด้านการผลิต การแปรรูป และการจำหน่าย ในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อาหาร โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา โดยเด่นในเรื่องแหล่งที่รวบรวมข้อมูล จัดซื้อข้อมูลจากต่างประเทศเพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างคุณค่าด้านวิชาการ เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ล้ำสมัย ให้กับผู้ประกอบการ SME ในธุรกิจอาหารโดยเฉพาะ หรือผู้ประกอบการ OEM (Origianl Equipment Manufacturer) จาก อย.
เชี่ยวชาญในเรื่องของวิเคราะห์จุลินทรีย์และสารปนเปื้อนในอาหาร การยืดอายุของอาหาร รวมไปถึงให้คำปรึกษากับภาคอุตสาหกรรม มีเครื่องมือในการวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องของอาหารทั้งเรื่องความปลอดภัย คุณค่าของอาหาร ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารของผู้ประกอบการ มีห้องปฏิบัติการทางเคมีและจุลชีววิทยา มีการสอบเทียบเครื่องมือทางโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้มาตรฐาน และมีการฝึกอบรมให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น
สถาบันอาหารอยากให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs และ วิสาหกิจชุมชนได้ เข้ามาปรึกษาพูดคุยกับทางสถาบันอาหารทั้งมีไอเดียหรือไม่มีไอเดีย เพราะทางสถาบันอาหารมีความพร้อมให้คำปรึกษา สำหรับผู้ที่ไม่มีทุนสามารถติดต่อเข้ามาได้ เพราะทางภาครัฐอาจมีทุนให้กับงานวิจัย สามารถเข้ามาเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และตลาด สถาบันอาหารยังมีโครงการ กิจกรรมอบรมและบริการอีกมากมายที่ครบวงจร เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ
โดยติดต่อได้ที่ สถาบันอาหาร 2008 ซอยอรุณอมรินทร์ 36 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
โทร: 0-2422-8688
แฟกซ์: 0-2422-8558
อีเมล : info@innothai.net
Facebook : Nfi SmartClub
Website : http://www.nfi.or.th
TCDC ขอนแก่น หรือ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ขอนแก่น” Thailand Creative & Design Center
ก่อตั้งขึ้นบนแนวคิดเพื่อให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมด้านความคิดสร้างสรรค์ในระดับภูมิภาค และเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผ่าน 3 ส่วนงานหลัก ได้แก่ บุคลากรสร้างสรรค์ (Creative People) ธุรกิจสร้างสรรค์ (Creative Business) และพื้นที่สร้างสรรค์ (Creative Place) ซึ่งเหมาะสมกับผู้ประกอบการ SME ในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบโฆษณา ธุรกิจการผลิตเสื้อผ้าและ Fashion ต่าง ๆ
1. ศูนย์ความรู้ด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ พื้นที่เพื่อการค้นหาความรู้เกี่ยวกับด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการจัดประชุมและสัมมนาเพื่อการพัฒนาธุรกิจ
2. ศูนย์นวัตกรรมวัสดุอีสาน เป็นแหล่งรวมความรู้เกี่ยวกับ วัสดุจากทั่วโลก และมีวัสดุพื้นที่ภาคอีสานหลากหลายรูปแบบ สามารถเข้ามาหาข้อมูลและสัมผัสวัสดุจริง เช่น ผ้าทอ ไม้ไผ่ เครื่องโลหะและดินเผา สีย้อมธรรมชาติ
3. ศูนย์พัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ เแหล่งรวมนักออกแบบจากหลากหลายสาขา จากทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาติดต่อเพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกัน
ผู้ประกอบการ SME ยังสามารถหาความรู้ได้จาก ผ่านรูปแบบการจัดงานนิทรรศการหมุนเวียนที่มีขึ้นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมี พื้นที่ CO-Working Space ที่เหมาะสำหรับการใช้ทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว ในการจัดการประชุมหรืองานสัมนาขนาดย่อมให้กับผู้ประกอบการเข้ามาใช้พื้นที่เพื่อทำธุรกิจอีกด้วย
TCDC ขอนแก่นยังคงทำหน้าที่เหมือนกับเป็นประตูสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่นอกเหนือจากการเข้าใช้บริการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ผู้ประกอบการ SME ทุกท่านยังสามารถสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับงานทางด้านการออกแบบและการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อการกับการทำธุรกิจของท่าน ได้ที่
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ขอนแก่น (TCDC ขอนแก่น)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
เปิดให้บริการ: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.30 - 19.00 น.
สถานที่ตั้ง: เลขที่ 123 มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ย่านกังสดาล) ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40002
โทร 0-4300-9389 ต่อ 400
E-mail: info.khonkaen@tcdc.or.th
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/TCDCKhonKaen