รายชื่อผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุน (PP-SME)

โครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุน (PP-SME) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นโครงการส่งเสริมให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้มากขึ้น โดยสามารถขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพได้ต่อบุคคลในวงจำกัด โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตกับสำนักงาน ก.ล.ต

โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://www.smeone.info/posts/view/4825

รายชื่อกิจการ (นิติบุคคล) ที่ผ่านการลงทะเบียนทั้งหมด ณ เดือนสิงหาคม 2567 ดังนี้

  1. โฮมเฮิร์บ 2020
  2. ฮอร์แกไนซ์
  3. นิว สเต็ป เอเชีย
  4. บุญชยะสมบัติ
  5. ทูพีบีเอ็น ฟู้ด
  6. วัลแคน โคอะลิชั่น
  7. ด็อกเตอร์โซล(ไทยแลนด์)
  8. ตรังประดิษฐ์ไม้ วู้ดส์ แอนด์ เฟอร์นิเจอร์
  9. แม่ทมของอร่อย
  10. ดี ไนน์ตี้ แคปปิตอล
  11. โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง
  12. สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น
  13. สมาร์ทคอนแทรคท์ (ไทยแลนด์)
  14. แนบโซลูท
  15. อีเว้นท์ ป็อป
  16. นาสเกต รีเทล
  17. อภิวานิช ครีเอชั่น
  18. ดิวเทค
  19. ค็อบ เทคโนโลยี
  20. คิว บ็อคซ์ พอยท์
  21. เก็ทลิงส์ (ไทยแลนด์)
  22. รีคัลท์ (ประเทศไทย)
  23. เทรคอน (เว็บไซต์)
  24. ฟลิง
  25. ครีเอท โซลูชั่น เซ็นเตอร์
  26. 10 บิต เดเวลอปเมนต์
  27. เวนิวอี
  28. นอร์วิส
  29. เทเลเมดิก้า
  30. โพลาร์ แบร์ มิชชั่น
  31. บิลมีเวนเจอร์
  32. ฮับบา
  33. คอนโดไทย
  34. เฮลท์ แอท โฮม
  35. เอสซี สปาร์ค โซลูชั่น
  36. จูซอินโนฟเอท
  37. ชีวีบริรักษ์
  38. โนวา กรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม
  39. กอล์ฟดิกก์
  40. ฉลาด อินโนเวชั่น
  41. คลาวด์คอมเมิร์ซ
  42. เพ็ท พอว์
  43. โฮมดอทเทค
  44. อีทราน (ไทยแลนด์)
  45. ไฟว์ลูป
  46. คิว คิว (ประเทศไทย)
  47. ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์
  48. ซีคสเตอร์
  49. ดับเบิ้ลยู สมาร์ท (ประเทศไทย)
  50. เปื้อนฝุ่น
  51. เอสเอ็มอี มอล
  52. โกลบอล ฟินเทค
  53. เอเซีย แปซิฟิค อีโคโนมิค ฟาวน์เดชั่น
  54. แอล2อาร์
  55. สตอเรจ เอเชีย
  56. วอนเดอร์ (ไทยแลนด์) 
  57. บีเคเค ออริจินัล
  58. ครีเดน เอเชีย
  59. แฮป (ประเทศไทย)
  60. เอสพีอาร์ ฟู๊ด อินดัสทรี
  61. เพื่อนแท้ ลิสซิ่ง
  62. ช่างไทยมือโปร
  63. บนกองเงินกองทองแอ๊คเคาท์ติ้ง
  64. คอร์แล็บ โกลบอล
  65. คัมปรา โฮลดิ้ง
  66. บริษัท คาริเบอร์
  67. โพสิทิฟ กรุ๊ป
  68. อินเตอร์บิซ (ประเทศไทย)
  69. ทีเคโอ โบร
  70. ที ดับบลิว ซี โมดูลาร์
  71. สยาม เค พี ที
  72. คอร์ปจูริสท์
  73. วี เชฟ (ประเทศไทย)
  74. 945 โฮลดิ้ง
  75. เวิร์คกิ้ง
  76. อาวาลอน นูทรีมาร์ท
  77. กราวน์บิสซิเนส
  78. สหเศรษฐสิริ อินเตอร์เนชั่นแนล
  79. เอชจี โรโบติกส์
  80. หนึ่งศูนย์เก้า
  81. ไอดา เมดิคอล
  82. เพอร์เซพชั่น โค้ดส์
  83. เทคซอส มีเดีย
  84. ดิ ออมเลต
  85. ทิพวัติเทรด
  86. ฟาร์ม่าเฮอร์เบิล
  87. ฏีม เอนเตอร์ไพรส์
  88. เอ็น.ดับเบิลยู.ไฟน์เนสท์ โพรดักส์
  89. สวิฟท์ ไดนามิคส์
  90. สปีดี้แคช
  91. ออร์ก้าฟีด
  92. นอร์ทเทิร์น ไบโอแก๊ซ
  93. ยูทิลิตี้ แมเนจเมนท์
  94. ซีควัน โฮลดิ้ง
  95. เอโวลูชั่น เพย์เมนต์ กรุ๊ป
  96. เมคเซนด์ เอ็กซ์เพรส
  97. โบฟี่
  98. นิภา เทคโนโลยี
  99. ควิกฟิต รีเทล
  100. ฟินไดซ์ เอ็ดดูเคชั่น
  101. ไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป
  102. เมชิยะ
  103. กรีนเอิร์ธ อินโนเวชั่น
  104. อินโฟแอสโซซิเอท
  105. อูรัก อันดา
  106. ทีเอสที เมทัลเวิร์ค
  107. ทรัพย์วารี คอนสตรัคชั่น
  108. เอ็ม โปร เซอร์วิส
  109. ภคสพร อินเตอร์เนชั่นแนล
  110. เวอร์ทาซอฟท์
  111. ทรัพย์หิรัญ รีซอร์ส
  112. เอมวัน (ประเทศไทย)
  113. สกาน่า เอ็นจิเนียริ่ง
  114. ชิเซ็นเคม (ประเทศไทย)
  115. อีไอบิซ
  116. จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล
  117. อาร์มสตรอง เทคโนโลยี
  118. พาวเดอร์ บั๊กส์ (ประเทศไทย)
  119. เอ.บี.โปร เอ็กซ์เพรส โลจิสติกส์
  120. เวอร์ทูอาร์ช
  121. มัมมี้ลิเชียส ทเวนตี้โฟร์
  122. อินโวสตาร์
  123. สินทรัพย์เนื่องวงษา
  124. เมกะคลินิค
  125. ซอฟต์เบอร์รี่
  126. ณินทร์จินดา เบเกอรี่
  127. โนเบล อินดัสทรี่
  128. วาวา อินโนเวชั่น กรุ๊ป
  129. เกษตรศิวิไลซ์ (วิสาหกิจเพื่อสังคม)
  130. เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์
  131. นิว พาราไดม์
  132. ไทยแซนด์บ็อกซ์
  133. แอ็คโคเมท
  134. เมดเมติก
  135. โชคนำชัย ออโต้เพรสซิ่ง
  136. มาร์ยอง
  137. เครื่องปั่นไฟพลังใจไทย
  138. โอ โฮ แคปปิตอล
  139. เดอะเฟิสท์เอฟโวลูชั่น
  140. พัฒนาธุรกิจขนาดย่อม
  141. บนกองเงินกองทอง
  142. มั่งมี อีคอมเมิร์ซ
  143. เกรทเตอร์ แอสเซท
  144. บ้านโป่ง โนวิเทท
  145. ที แอนด์ ที โอเพนนิ่ง
  146. เอทรู เทรดดิ้ง บิชิเนส
  147. คุณเก๋ ขนมหวาน
  148. ฟาสซายเนท อินโนเวชั่น
  149. เอ็มอาร์ซี เจริญเคมีคอล
  150. อีวีพี เนทเวิร์ค
  151. เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น
  152. ณัฐ บิวดิ้ง 
  153. กรีนเทค อินโนเวชั่น กรุ๊ป
  154. โฟลเอเวอร์ (ไทยแลนด์)
  155. พูนพูนด้วยใจยินดี
  156. ไอ-ซีวาย ชยา
  157. ภูเก็ต เป๋าฮื้อ ฟาร์ม
  158. โกโค่ แบงค็อก
  159. ชมชอบกรุ๊ป
  160. อุ๊คบี
  161. ไมนีด เทคโนโลยี
  162. ดิจิตอล แอสโซซิเอทส์
  163. ซังกะ กรุ๊ป
  164. แก้วแรก
  165. บ้านใบไม้ มิวสิคเฮ้าส์ แอนด์ แดนซ์
  166. กรีน อรัญญา
  167. มันนี่โฟล

สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smeone.info/posts/view/4825

ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ คลิก!!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในวันและเวลาทำการ โทร. 02-263-6232, 02-033-9520, 02-298-3171

หรือทางอีเมลที่ : sme@sec.or.th , info@sme.go.th 


SMEONE “เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย”

บทความแนะนำ

เจ๊เตียงข้าวเหนียวมะม่วง ต่อยอดกิจการครอบครัวอย่างไรให้กลายเป็นจุดเปลี่ยน

ต่อยอดกิจการครอบครัวอย่างไรให้กลายเป็นจุดเปลี่ยน

เคยสังเกตไหมว่ากิจการครอบครัวจำนวนไม่น้อยที่เราเห็นๆ กัน เปิดมา 50-60 ปี เปลี่ยนถ่ายจากรุ่นสู่รุ่นแล้วก็ยังดำเนินธุรกิจกันแบบเดิมๆ ด้วยความเคยชิน แล้วก็อยู่กันแบบนั้น ยิ่งนานวันยิ่งเหมือนต้นไม้ที่แคระแกรน รอวันร่วงโรยไปตามกาลเวลา

ในทางกลับกัน เราจะเห็นว่ากิจการครอบครัวที่เติบโตงอกเงยแผ่กิ่งก้านสาขาจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ปัจจัยสำคัญมาจากการสร้างจุดเปลี่ยนให้กับธุรกิจ โดยอาศัยความได้เปรียบจากการวางฐานธุรกิจจากรุ่นพ่อ เสมือนระบบรากใต้ดินที่แข็งแรง มาต่อยอดในช่วงเปลี่ยนผ่านของรุ่นลูก โดยนำเอาโนว์ฮาวความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  

เหมือนอย่าง คุณสุภลัคน์ พูลเสถียร หรือนุ่น ทายาทรุ่นที่ 3 ของ “ข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียง” ที่ทำให้ข้าวเหนียวมะม่วงที่บุกเบิกมาจากรุ่นปู่ในจังหวัดชุมพรเมื่อ 40 ปีก่อน มาไกลกว่าเดิมในฐานะข้าวเหนียวมะม่วงที่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ 

จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มาจาก “ความตั้งใจ” ที่อยากจะยกระดับให้ข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียงในรุ่นพ่อที่ขายตามตลาดนัด ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ด้วยการเข้าสู่แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีตั้งแต่ปี 2558 โดยในตอนแรกนั้นยังไม่มีสาขาหน้าร้าน 

คุณนุ่นรู้ดีว่า การเป็นข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกขายในช่องทางดังกล่าว จำเป็นต้องหารูปแบบการขายที่เหมาะกับการสั่ง และการจัดส่ง ซึ่งประสบการณ์การตระเวนขายข้าวเหนียวมูล และปอกมะม่วงขายด้วยตัวเองตามตลาดนัดออฟฟิศทั่วกรุงเทพฯ ทำให้คุณนุ่น มองเห็นพฤติกรรมลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองว่าชอบหรือไม่ชอบมีอะไร นิยมปริมาณการกินแบบไหน นั่นจึงเป็นที่มาของการออกแบบเซ็ตของข้าวเหนียวมะม่วงออกเป็นไซส์ เป็นเจ้าแรกของตลาด โดยแบ่งออกเป็น 3 ไซส์ S M L ตามประเภทของลูกค้า

S ข้าวเหนียว 1 ขีด มะม่วงครึ่งลูก ราคา 50 บาท จับกลุ่มผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียว หรืออยู่ในออฟฟิศต้องการกินมะม่วง แต่กลัวอ้วน   

M ข้าวเหนียว 2 ขีด มะม่วง 1 ลูก ราคา  80 บาท จับกลุ่มลูกค้าทั่วไปจำนวน 1-2 คน

L ข้าวเหนียว 4 ขีด มะม่วง 2 ลูก ราคา 150 บาท จับกลุ่มครอบครัว

ในเวลาเดียวกัน ก็ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า พร้อมสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วงแรกจะแนะนำว่าแต่ละไซส์เหมาะกับการกินแบบไหน หรือเหมาะกับใคร เรียกได้ว่าเป็นการ Educate ตลาดเพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อได้อย่างเหมาะสม และชี้ให้เห็นถึงความสะดวกสบาย สั่งซื้อได้จากบ้านหรือออฟฟิศได้เลย 

ปรากฏว่าไซส์ S เป็นไซส์ที่ขายดีที่สุด เพราะนอกจากจะรองรับกลุ่มลูกค้าคนเดียวแล้ว ยังเป็นที่นิยมสำหรับคนที่นำไปจัดอาหารว่างในงานประชุมสัมมนา งานเลี้ยง หรือถวายพระ

ไม่เพียงเท่านั้น คุณนุ่นยังมองหา “ความแตกต่าง” ให้กับธุรกิจของเธอต่อไป ด้วยการใช้แพ็กเกจจิ้งกระดาษ เจาะกลุ่มตลาดที่ให้ความสำคัญกับโลกร้อน หากลูกค้าสั่งในปริมาณมากก็ยิ่งมีส่วนช่วยลดการใช้พลาสติก

แต่ลำพังแค่ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นเซ็ต S M L และกล่องรักษ์โลกคงไม่สามารถเรียกความสนใจจากลูกค้าได้มากพอ ต่อมาไม่นาน จุดเปลี่ยนของกิจการครอบครัวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาจากสายท่องเที่ยวและโรงแรม นำมาต่อยอดจนสร้างความแตกต่างให้กับข้าวเหนียวมะม่วงทั่วไป ด้วยการการแกะสลักมะม่วงให้กลายเป็นโปรดักท์ใหม่ “เค้กข้าวเหนียวมะม่วง” เป็นเจ้าแรกของตลาด และกลายเป็นแบรนด์ที่โด่งดังมากในโลกโซเชียล 

เพราะเค้กข้าวเหนียวมะม่วงเป็นการขยายตลาดไปสู่ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ซื้อไปจัดงานเลี้ยง และด้วยรูปลักษณ์ของสินค้าที่ใช้ข้าวเหนียวมูลรองเป็นฐานเหมือนเค้กก้อนกลมๆ และมีมะม่วงรูปดอกกุหลาบอยู่ข้างบน ความแปลกใหม่ดังกล่าวทำให้ลูกค้านำไปโพสต์ลงโซเชียล และส่งผลให้แบรนด์ข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม

และปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เค้กมะม่วงของข้าวเหนียวเจ๊เตียงแจ้งเกิดตลาดได้อย่างรวดเร็ว มาจากการตั้งราคาที่ไม่แตกต่างจากเค้กขนมปังทั่วไป นั่นคือ 1 ปอนด์ 350 บาท 2 ปอนด์ 450 บาท และ 3 ปอนด์ 580 บาท

เสียงตอบรับที่ดีจากตลาด ทำให้คุณนุ่นตัดสินใจเปิดร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊เตียงในย่านสุทธิสาร ต่อมาได้ขยายสาขาเพิ่มเติมในย่านรังสิต และในปี 2564 คุณนุ่น มีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ โดยในปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเซ็ตระบบเพื่อรักษามาตรฐานข้าวเหนียวเจ๊เตียงให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกับสาขาใหญ่


มาถึงอีกตัวอย่างหนึ่ง “ร้านแม่นงนุช” ซึ่งเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงเหมือนกัน และสามารถต่อยอดกิจการครอบครัวให้เติบโตขึ้นได้เช่นเดียวกัน
โดยชูจุดขายความเป็นสินค้าโฮมเมดจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายมาเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังของหัวหิน ที่ใครมาเยือนต้องแวะเช็คอินทุกครั้ง โดยมีคุณอัจนิริยา ศิลปะสุนทร์ ซึ่งผันตัวเองจากงานพีอาร์ ออแกไนซ์มาสานต่อกิจการของคุณย่าเป็นเจ้าของกิจการร้านแม่นงนุชในรุ่นที่ 3

คุณอัจนิริยา กล่าวว่าวิธีที่จะต่อยอดกิจการครอบครัวให้เติบโตมากกว่าเดิมได้นั้น เธอเริ่มต้นจากการรักษาคุณภาพความอร่อยให้ได้ก่อน เพื่อให้ลูกค้ายอมรับว่าแม้จะเปลี่ยนมือมาสู่ทายาทรุ่นใหม่แล้ว แต่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นบุกเบิก ถือเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ลูกค้ามีความจงรักภักดีกับแบรนด์ เป็นจุดตั้งต้นให้ธุรกิจต่อยอดไปทำอะไรอื่นได้อีกมากมายในอนาคต โดยต่อมาได้ขยายโปรดักท์ขนมหวานอื่นๆ และอาหารคาว อาทิ น้ำพริกมะยม น้ำพริกมะขามสด ม้าฮ่อ และข้าวตัง เป็นต้น

สิ่งที่ทำให้ร้านแม่นงนุชสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่า และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่องนั้น การทำตลาดก็เป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จ โดยในระยะแรกคุณอัจนิริยา นำประสบการณ์ด้านการทำพีอาร์มาสร้างแบรนด์ร้านแม่นงนุช ด้วยการเปลี่ยนถุง จากเดิมเป็นถุงกระดาษสีชมพูที่ใช้ใส่ขนมหม้อแกง มาเป็นถุงสีน้ำตาล พร้อมเปลี่ยนโลโก้ตัวอักษรแม่นงนุชให้เป็นฟ้อนท์ลายมือเพื่อสะท้อนความเป็นสินค้าโฮมเมด ต่อมาได้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับลูกค้า นอกจากแนะนำเมนูต่างๆ แล้วยังสร้างคอนเทนต์ที่บ่งบอกถึงสตอรีของร้านแม่นงนุชว่าเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วง 80 ปีในตำนานคู่เมืองหัวหิน

การรักษามาตรฐานด้านรสชาติและความอร่อยจนกลายเป็นร้านขนมในตำนานของหัวหินนี่เอง ทำให้ในระยะหลังมานี้มีพันธมิตรหลายรายอย่างดีแทค และแสนสิริ เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการตลาดกับร้านแม่นงนุช เท่ากับเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไปจากเดิม

แต่จำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นนั้น คุณอัจนิริยา กล่าวว่ายังไม่มีแผนเพิ่มสาขา เพราะต้องการให้ร้านแม่นงนุชแห่งนี้ยังคงเป็นร้านโฮมเมดต่อไป 

อย่างไรก็ดี ในฐานะทายาทรุ่น 3 ของร้านแม่นงนุช ทิ้งท้ายว่าการสานต่อกิจการครอบครัวนั้นไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นก็สามารถสร้างจุดเปลี่ยนให้เติบโตได้ หากทายาทรุ่นปัจจุบันหาจุดแข็งของคนรุ่นก่อนให้เจอแล้วนำมารักษาให้ได้ตามมาตรฐานเดิม จากนั้นพยายามหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปในธุรกิจ อย่าหยุดพัฒนาสิ่งที่ดีให้ดีขึ้นไป ก็จะทำให้กิจการขยายตัวต่อไปได้ไม่ยาก 

 

 

Published on 3 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ

ศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ

"มาตรวิทยา" เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยการวัด

"มาตรวิทยา" เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยการวัด

มาตรวิทยา เป็นเรื่องของการวัดและการกำหนดมาตรฐานการวัด โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ทุกแขนงเพื่อให้สามารถทำการวัดได้อย่างแม่นยำ และถูกต้อง นอกจากนี้ยังสามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัด ส่งผลให้ผลการวัดเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผลการวัดเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ

ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ นวัตกรรมในการยกระดับธุรกิจ
1) วิจัย/พัฒนานวัตกรรมการวัด เครื่องมือวัด มาตรฐานอ้างอิง และซอฟท์แวร์ ที่เหมาะสม และจำเพาะกับธุรกิจท่าน
2) ให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ เพื่อการพัฒนา และปรับปรุงกระบวนการวัด ให้ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
3) ศูนย์เครื่องมือวัดขั้นสูงเพื่อการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อรับรองลักษณะเฉพาะ ติดต่อขอใช้บริการได้ที่ https://forms.gle/mo2ztxCoYBkYPnuS8
4) ให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ เพื่อการพัฒนา และปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีมาตรวิทยา
5) ประเมินความคุ้มค่า และให้คำแนะนำในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการ

อ่านเพิ่มเติม : http://smes.nimt.or.th/

Published on 3 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ

5 เทคนิคกระตุ้นลูกค้าให้รีวิวสินค้า

หัวข้อ : Customer Journey สร้างจับจุดจับใจ ให้ลูกค้ายอมจ่าย
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Aug-2018.aspx

 

 

การรีวิวสินค้า หมายถึง คำชมสั้น ๆ แต่มีคุณค่าจากลูกค้าที่เขียนถึงประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา เป็นคำชมที่มาจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการไปใช้ ต่อให้คุณจะตะโกนว่าของคุณดีแค่ไหน ก็ดังไม่เท่าเสียงกระซิบว่า “แย่” ที่ลูกค้าบอกกันเอง ในทางตรงข้ามแค่ลูกค้ากระซิบกันเองว่า “เยี่ยม” ยอดขายของคุณก็เพิ่มขึ้นได้ 

ในเชิงจิตวิทยา เมื่อนักชอปได้อ่านหรือเห็นรีวิวจากลูกค้า “ตัวจริง” ที่ซื้อสินค้าไปใช้จากบนเว็บไซต์ของคุณ พวกเขารู้สึกว่า เขาสามารถไว้ใจแบรนด์ของคุณได้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการขายพื้นฐานที่ว่า “เมื่อผู้คนชอบคุณ เขาจะคุยกับคุณ และเมื่อเขาเชื่อคุณ เขาจะซื้อของคุณ” 

รายงานวิจัยทางการตลาดส่วนใหญ่ยังให้ผลลัพธ์ตรงกันว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อจากรีวิวที่พวกเขาอ่าน  ถ้าธุรกิจออนไลน์ของคุณได้รับ รีวิวเชิงบวกจากลูกค้า = ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประเด็นคือ ทำอย่างไรถึงจะได้รีวิวดี ๆ จากลูกค้า? เพราะนั่นหมายถึง การทำให้ลูกค้าลุกขึ้นมาช่วยทำการตลาดให้กับธุรกิจ

 

1. ขอให้ลูกค้าช่วยรีวิวผลิตภัณฑ์ของคุณ

การขอลูกค้าตรง ๆ ให้ช่วยแสดงความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการที่จะได้รีวิว ซึ่งข้อมูลระบุว่า 70% ของลูกค้าจะให้รีวิวเมื่อได้รับการร้องขอ

  • ขอร้องลูกค้าอย่างจริงใจว่า “รีวิวของคุณลูกค้าสำคัญมาก ขอบคุณค่ะ” พวกเขาจะเข้าใจ และหากพวกเขาพอใจในคุณภาพสินค้าของเรา มีโอกาสที่เขาจะช่วยรีวิวให้คุณ
  • ควรร้องขอรีวิวหลังจากลูกค้าได้รับสินค้าทิ้งระยะเวลาไม่นานนัก เพราะหากคุณร้องขอช้าไป เช่น 1 เดือนไปแล้ว ลูกค้าอาจจะไม่ตื่นเต้นกับสินค้าของคุณเหมือนวันแรก ๆ (ขึ้นอยู่กับสินค้า เช่น ใช้ให้ผลเร็วแค่ไหน) 
  • อาจกระตุ้นให้พวกเขาให้รีวิวเร็วขึ้นได้ด้วยของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ส่วนลดในการซื้อครั้งหน้า เป็นต้น

 

2. เพิ่มภาพรีวิวสินค้าจากลูกค้า

ภาพถ่ายจากลูกค้าที่กำลังมีความสุขกับการใช้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าทางการตลาดมาก

  • หากลูกค้าโพสต์ภาพกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณบนโซเชียลมีเดีย ให้คุณรีบติดต่อพวกเขา และขออนุญาตนำภาพของเขาไปใช้บนช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณทันที มันเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด 
  • แนะนำให้ลองค้นหาและรวบรวมคอนเทนต์ หรือภาพที่มีการพูดถึงผลิตภัณฑ์ของเราบนอินสตาแกรม แล้วขออนุญาตจากเจ้าของเพื่อขอใช้ภาพนั้น เป็นวิธีที่น่าสนใจและได้ผลมาก

 

3. เสนอให้ตัวอย่างไปใช้ฟรี ๆ

เริ่มต้นด้วยการระบุกลุ่มเป้าหมายที่สนใจอยากใช้สินค้ามาก แล้วร้องขอให้พวกเขาถ่ายรูปคู่กับสินค้า พร้อมรีวิว และอย่าลืมที่จะทำการวิจัยตลาดจากผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วย เช่น 

  • ถามพวกเขาว่า ชอบไหม รู้สึกอย่างไร 
  • มีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้พวกเขาไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ตัวนี้ของเรา 
  • พวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันนี้ บ้างหรือไม่?

คำตอบที่ได้จะช่วยให้คุณสามารถนำไปใช้ปรับแต่งหน้าร้านออนไลน์ ตลอดจนโพสต์เฟซบุ๊กที่ช่วยให้ปิดการขายได้มากขึ้นอีกด้วย

 

4. อย่าสร้างรีวิวปลอม

การเขียนรีวิวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด ซึ่งต้องขอย้ำว่า มันดูแย่มากและส่งผลกระทบร้ายแรงกับแบรนด์ อีกทั้งยังทำให้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ลดลง หรืออาจจะหายไปพร้อมกับยอดขาย ซ้ำร้ายคือ ธุรกิจอาจไปไม่รอดกันเลยทีเดียว เชื่อว่าพวกเราเองก็สังเกตเห็นอยู่ว่า อันไหนเป็นรีวิวปลอม แต่บ่อยครั้งที่ลูกค้าไม่ทันสังเกตเห็น

 

5. ทำให้การให้รีวิวเป็นเรื่องง่ายที่สุด

ระบบอี-คอมเมิร์ซของคุณควรจะสามารถส่งอีเมลอัตโนมัติ เพื่อขอคอมเมนต์ และถ้าจะให้ง่ายขึ้นไปอีก ควรให้ลูกค้าสามารถคอมเมนต์ผ่านการตอบอีเมลได้เลย (ไม่ต้องคลิกลิงก์มากรอกบนเว็บ) หรือการให้ลูกค้าสามารถอัปโหลดรูปภาพที่รีวิวได้โดยง่าย ดังนั้น การทำระบบให้ลูกค้ารีวิวได้ง่ายเป็นการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม


Published on 28 August 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ