
หัวข้อ : กระแสรักสุขภาพจากโควิต สร้างโอกาสธุรกิจ SME
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com//Healthtrend_SME/Healthtrend_SME.pdf
กระแสรักสุขภาพ (Health Conscious) ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทั้งในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ และยิ่งการระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวของการระวังป้องกัน รวมถึงการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพซึ่งสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เป็นปกติใหม่ (New Normal) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
กระแสการตื่นตัวทางด้านสุขภาพได้รับความสนใจในประเทศไทย ยืนยันได้จากจำนวนคนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาของคนไทย พบว่า มีประมาณ 12.9 ล้านคน เทียบกับ 12.7 ล้านคน ในการสำรวจครั้งก่อน รวมถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทำได้ง่ายผ่านสื่อออนไลน์รูปแบบใหม่ โดยลูกค้าเป้าหมายกลุ่มรักสุขภาพที่มีความสำคัญ อาทิ
แต่ก่อนที่ผู้ประกอบการจะพิจารณาลงทุนในธุรกิจใด ๆ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์และพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ ซึ่งมีดังนี้
เพื่อจะได้อาศัยองค์ความรู้ทางด้านการตลาด ลักษณะพฤติกรรมลูกค้าที่มีอยู่พอสมควร โดยที่ไม่ต้องไปเรียนรู้ใหม่ นอกจากนี้อาจใช้เครื่องมืออุปกรณ์ สถานที่รวมถึงฐานลูกค้าเดิมเพื่อนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจ
ซึ่งต้องประกอบด้วยหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเว้นระยะห่างทางสังคม
แม้ว่าโควิด-19 ในไทยจะลดระดับความรุนแรงจนสามารถควบคุมได้ แต่คนทั่วไปยังคงระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ตนเองเจ็บป่วยและต้องเข้าไปในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง โดยสินค้าหรือบริการที่จะช่วยตอบโจทย์ดังกล่าว อาทิ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังไม่ใหญ่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ ขณะที่ผู้ผลิตในประเทศอาจต้องพิจารณาความสามารถในด้านการแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่เน้นคุณภาพ (จากญี่ปุ่น) หรือสินค้าที่เน้นด้านราคา (จากจีน)
สำหรับช่องทางการตลาดนั้น อาจต้องใช้ช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย อาทิ
- กลุ่มผู้สูงอายุ ขายผ่านร้านค้า มีจุดเด่นทางด้านการแนะนำวิธีการใช้ หรือคุณสมบัติที่ละเอียด
- กลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นช่องทางออนไลน์ที่ไม่ต้องการรายละเอียดวิธีใช้มากเท่ากลุ่มแรก
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย เช่น
- ธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารที่บำรุงสุขภาพ อย่างอาหารเสริมและวิตามิน เครื่องดื่มสมุนไพร ที่น่าจะมีความต้องการสูงในช่วงนี้ ได้แก่ สินค้าที่ช่วยป้องกันหรือบำรุงสายตา เพื่อรองรับพฤติกรรมคนส่วนใหญ่
ที่อยู่บ้านมากขึ้น มีการติดตามสื่อออนไลน์ อาจกระทบต่อสุขภาพดวงตา
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย เช่น ฟิตเนส แต่อาจปรับในรูปแบบการเปิดคอร์ทสอน
การออกกำลังกายที่บ้านสำหรับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งโดยปกติมักต้องพึ่งพาเทรนเนอร์ เพื่อแนะนำหรือดูแลการออกกำลังกายไม่ให้เกิดอันตราย อาจจะมีบริการให้เช่ายืมอุปกรณ์ออกกำลังกาย เป็นบริการเสริมเพื่ออำนวยความสะดวก
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพึ่งพาตนเอง
โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น ได้แก่ อาหารที่ต้องทานในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันปัญหาการเข้าถึงหากถูกล็อกดาวน์จากการระบาดรอบใหม่ รวมถึงมั่นใจด้านคุณภาพ โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารทานที่บ้าน จากพฤติกรรมการอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้คนบางส่วนหันมาทำอาหารกินเอง
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชผักผลไม้ในพื้นที่ของตนเอง ตอบโจทย์ความกังวลต่อความปลอดภัยของสินค้าที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือขั้นตอนการปลูก รวมถึงลดการไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น ตลาดสด และลดค่าใช้จ่ายด้านอาหาร
ตลาดที่น่าสนใจในช่วงนี้ได้แก่ กลุ่มคนที่มีพื้นที่ว่างในเมือง ชุมชนที่ต้องการพึ่งตนเองในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่มโรงงานที่ทำแบบสวัสดิการพนักงาน ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีการเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับความต้องการแต่ละตลาด ตามปัจจัยที่แตกต่าง
ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพอื่นๆ
โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพึ่งตนเอง ที่ไปกระทบกับธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน อาทิ การปลูกพืชผักในครัวเรือน รวมถึงในชุมชนหรือโรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีการผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน อาทิ การปลูกพืชผักออแกนิกส์สำหรับคนรักสุขภาพ หรือธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการอาหารสุขภาพ
แม้ว่าธุรกิจบางประเภทจะมีปัจจัยสนับสนุนความต้องการ แต่อาจมีปัจจัยแวดล้อมบางประการที่ยังไม่เหมาะสม อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หากมีการกลับมาระบาดรอบ 2 จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางด้านการท่องเที่ยวได้
เพื่อรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับธุรกิจของตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งมีแนวทาง ดังนี้
การนำเสนอสินค้าที่จับต้องได้ เช่น เครื่องดื่ม อาหารเสริมหรือวิตามิน
การสร้างกระแสให้เกิดความต่อเนื่อง แม้ว่าโควิด-19 จะคลี่คลายแล้ว แต่หลาย ๆ เทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สามารถนำมาขยายหรือต่อยอดได้ เช่น การสอนออกกำลังกายออนไลน์
การร่วมมือเป็นพันธมิตร สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากกระแสการพึ่งตนเอง อาทิ ธุรกิจที่ปลูกพืชผัก
สุขภาพ
การเตรียมความพร้อมธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่น่าจะเป็นจุดขายหลังโควิดคลี่คลาย
Published on 11 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : บัญชีและข้อมูลทางบัญชีมีความสำคัญอย่างไรกับ SME?
อ่านเพิ่มเติม : https://sme.ktb.co.th/sme/productListAction.action?command=getDetail&cateMenu=KNOWLEDGE&cateId=45&itemId=275
การทำบัญชีเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจเจ้าของธุรกิจควรมีความรู้ด้านบัญชีเป็นพื้นฐาน แล้วความรู้ด้านบัญชีและข้อมูลทางบัญชีมีความสำคัญกับธุรกิจอย่างไร แบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
การประเมินสถานะทางการเงินของบริษัทนั้นต้องใช้ข้อมูลที่แท้จริง ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งข้อมูลทั้งหมดคือข้อมูลในระบบบัญชีของบริษัททั้งหมด ดังนั้น เจ้าของกิจการก็จึงจำเป็นต้องเข้าใจข้อมูลส่วนนี้ ใช้ประเมินอะไรเรื่องต่าง ๆ ได้ เช่น
ไม่มีสถาบันการเงินไหนที่จะให้กู้เงิน โดยไม่ขอดูบัญชีของเราเพื่อประเมินความสามารถทางธุรกิจ และไม่น่าจะมีสถาบันการเงินไหนเช่นกันที่จะปล่อยกู้ให้กับเราถ้าการทำบัญชีของเราไม่โปร่งใส ไม่เป็นระบบ ไม่ชัดเจน ดังนั้น งานบัญชีที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเติบโตของธุรกิจ
แหล่งทุนต่าง ๆ ที่จะมาลงทุนในธุรกิจเรา ต้องการความโปร่งใสทางบัญชีไม่น้อยกว่าเหล่าสถาบันการเงิน
สุดท้ายการทำบัญชีก็ยังจำเป็นระดับพื้นฐานในหมู่หุ้นส่วนทางธุรกิจ เพราะถ้าบัญชีไม่ชัดทั้งฝั่งรายรับและรายจ่าย จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าปีหนึ่งบริษัทมีกำไรเท่าไร ซึ่งผลที่ตามมาคือ บริษัทก็จะไม่รู้ว่าควรจะเอาผลกำไรไปแบ่งเป็นปันผลในหมู่หุ้นส่วนเท่าไร และอาจนำมาสู่ความบาดหมางในหมู่หุ้นส่วนได้ง่าย ๆ
Published on 11 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : 8 รายจ่ายต้องห้ามทางภาษี
อ่านเพิ่มเติม : https://sme.ktb.co.th/sme/productListAction.action?command=getDetail&cateMenu=KNOWLEDGE&cateId=45&itemId=303
ในระบบภาษีของเราก็มีสิ่งที่เรียกว่ารายจ่ายต้องห้ามทางภาษีอยู่ กล่าวคือ มีรายจ่ายจำนวนหนึ่งในบัญชีบริษัททั่วไปที่ต้องนับเป็นรายจ่าย เพราะเป็นการเสียเงินของบริษัท แต่รายจ่ายเหล่านั้น ห้ามนำไปคิดคำนวณเป็นรายจ่ายตอนเสียภาษีเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมาย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น มีหลัก ๆ ดังนี้
1. รายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหารที่อยู่นอกระเบียบบริษัท
เช่น ค่าน้ำมัน เงินช่วยเหลืองานบุญ งานบวช หรือกระทั่งงานศพของพนักงาน เป็นต้น รายจ่ายแบบนี้ถ้าไม่มีกำหนดในระเบียบชัดเจน ห้ามนำมาหักภาษีเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นตามอำเภอใจและเป็นรายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหารบริษัทเอง ไม่ใช่ของบริษัท หากบริษัทมองว่ารายจ่ายเหล่านี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นและจะใช้เงินบริษัทมาจ่าย ควรทำการระบุไว้ในระเบียบของบริษัทให้ชัดเจน
2. รายจ่ายเพื่อรับรองลูกค้าที่เกินโควต้า
คนทำธุรกิจโดยทั่วไปจะเข้าใจว่ากว่าจะปิดดีลกับลูกค้าได้ ต้อง “เลี้ยง” ลูกค้าไปหลายรอบ อย่างไรก็ดีการเลี้ยงเหล่านี้ในทางกฎหมายมีโควต้าว่า
หมายความว่าไม่ว่าบริษัทจะต้องเลี้ยงลูกค้าแค่ไหนกว่าจะปิดดีลได้ แต่รายจ่ายตรงนั้นจะไม่สามารถเอามาหักออกจากรายได้ตอนเสียภาษีถ้าเกินเพดานที่ว่าไป
3. รายจ่ายที่ไม่มีผู้รับ
คือ รายจ่ายที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนไปว่าจ่ายไปที่ใคร อาจพบได้มากในบริษัทขนาดเล็ก เพราะบริษัทต้องตั้งงบเบ็ดเตล็ดไว้จัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รายจ่ายเหล่านี้หากจ่ายไปเป็นเงินสด และผู้รับไม่มีการออกใบเสร็จไม่มีหลักฐานใด ๆ ว่าจ่ายไปที่ใคร จะไม่สามารถนำมาหักภาษีได้
4. รายจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม
อาจนับเป็นรายจ่ายของบริษัทแต่สรรพากรไม่นับ คือรายจ่ายที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม คือการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัทใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายสินค้าหรือบริการ จะมีเงินส่วนหนึ่งที่ต้องจ่ายไปเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือต้องเก็บไว้เพื่อนำจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มกับสรรพากร
เช่น บริษัทขายของได้ 100 บาท บริษัทได้เงินจริง 93 บาท อีก 7 บาทต้องเก็บไว้นำจ่ายเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มให้สรรพากร 7 บาทนี้ ไม่สามารถเอามาคิดเป็น “รายจ่าย” ของบริษัทตอนเสียภาษีได้
5. รายจ่ายให้กับบริษัทแม่หรือบริษัทลูก
บริษัทจำนวนมากมีการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทในเครือข่ายที่เป็นบริษัทแม่หรือบริษัทลูก ซึ่งใน
6. รายจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง
บริษัทจำนวนมากมีทรัพย์สินในรูปของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในทางบัญชีทั่ว ๆ ไปจะต้องมีการประเมินมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ตลอด เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทซึ่งมากขึ้นหรือลดลง
กรณีที่ลดลง
7. รายจ่ายทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป
ในกรณีที่บริษัทสร้างรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติที่ตัวเองถืออยู่ เช่น การขุดแร่หรือตัดไม้มาขาย แน่นอนว่าจากมุมของบริษัท เมื่อเอาทรัพยากรมาใช้แบบนี้ ทรัพยากรย่อมลดลง
8. รายจ่ายค่าปรับ
ค่าปรับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอกับบริษัทไม่ว่าบริษัทจะทำผิดกฎหมายระดับเล็กน้อยหรือมาก และเมื่อต้องเสียค่าปรับ แน่นอนว่ามันเป็นเงินของบริษัทที่ต้องจ่ายออกไป
Published on 11 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : หลักการวางแผนภาษีในการส่งเสริมการขาย
อ่านเพิ่มเติม : https://sme.ktb.co.th/sme/productListAction.action?command=getDetail&cateMenu=KNOWLEDGE&cateId=45&itemId=311
ในทางธุรกิจนอกจากการขายสินค้าและบริการตามปกติแล้ว การส่งเสริมการขายก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ดี การส่งเสริมการขายมีส่วนที่เกี่ยวข้องทางภาษีที่จะต้องพิจารณา จึงต้องมีการวางแผนด้านภาษีเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนที่เกี่ยวข้องทางภาษีที่เราต้องให้ความใส่ใจมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเราสามารถแยกคำตอบในการวางแผนภาษีส่งเสริมการขาย เป็นกรณีดังนี้
ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องคิดจากราคาที่ลด ซึ่งก็ต้องมีใบกำกับภาษีที่ชัดเจนประกอบตอนยื่นภาษี
ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องแยกเป็น 2 กรณี
มีประเด็นภาษีต้องคำนึงเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ใช่การลดราคาระดับทั่วไป แต่ลดต่ำกว่าราคาตลาด ดังนั้นจึงต้องมีข้อคำนึงทางภาษีที่ต่างออกไป
ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าที่ลดแบบล้างสต็อคก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ราคาขายล้างสต็อค เหมือนสินค้าลดราคาทั่วไป
ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าการลดราคาแบบล้างสต็อคนั้นไม่ได้มีราคาต่ำกว่าราคาตลาด จะคิดเหมือนการลดราคาทั่วไป แต่ถ้าการขายมีราคาต่ำกว่าราคาตลาดเมื่อใด จะเข้าเงื่อนไขที่เราควรต้องจัดการอย่างพิเศษถึงจะมีประสิทธิภาพทางภาษีสูงสุด หรือพูดในภาษากฎหมายก็คือต้อง “มีเหตุอันสมควร” ในการขายสินค้าราคาต่ำกว่าราคาตลาด
เงื่อนไขสำหรับสินค้าที่จะนำมาลดล้างสต็อค
ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขดังนี้ เจ้าพนักงานด้านภาษีก็จะมีสิทธิ์ในการประเมินรายได้จากการล้างสต็อคของเราในราคาตลาด เช่น ถ้าปกติเราขายสินค้าในราคา 100 บาท แต่ขายลดล้างสต็อคไปในราคา 30 บาท เจ้าพนักงานก็มีอำนาจที่จะให้เราเพิ่มรายได้ในบัญชีไปให้เป็นราคาตลาด ซึ่งถือว่าเรามีราคาได้จากการขายสินค้านั้น 100 บาท เป็นต้น
ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องเสียตามมูลค่าตลาด ถ้าไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นต่าง ๆ อย่าง
ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล คิดเหมือนการขายสินค้าราคาต่ำกว่าตลาดแบบการ “ล้างสต็อค” คือถ้าไม่มี “เหตุสมควร” เจ้าพนักงานจะมีอำนาจในการสั่งให้เอา “ของแถม” มาคิดเป็นรายได้ของบริษัทตามราคาตลาดในบัญชีภาษี
ในแง่นี้ “ของแถม” ที่มีประสิทธิภาพทางภาษีก็คือ “สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก” ซึ่งผ่านกระบวนการต่างๆ ให้มันมี “เหตุสมควร” ในการที่บริษัทจะขายออกไปในราคาต่ำกว่าตลาด ดังที่อธิบายไว้แล้วในหัวข้อการลดล้างสต็อค
Published on 11 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : ไขข้อกังวล Top Hits เกี่ยวกับการทำR&D
อ่านเพิ่มเติม : https://sme.ktb.co.th/sme/previewPdf.action?fileId=23#book/9
การทำวิจัยและพัฒนาสินค้าหรือการทำ R&D เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจทำกำไรได้มากขึ้น เราได้รวบรวมปัญหาเกี่ยวกับการทำ R&D ของผู้ประกอบการ พร้อมคำตอบเเละตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ผู้ประกอบการที่ขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ หรือเครื่องมือทำ R&D สามารถขอการสนับสนุนจากหน่วยงานที่พร้อมให้บริการวิจัย ซึ่งเเบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
การสนับสนุนของหน่วยงานดังกล่าวประกอบด้วย
ซึ่งการสนับสนุนแต่ละระดับก็เหมาะสมกับผู้ประกอบการที่มีเงื่อนไขของการพัฒนาสินค้าที่ต่างกัน
ผู้ประกอบการสามารถติดตามผลงานวิจัยใหม่ๆ ได้ด้วยตนเองหรือตามช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ โดยในปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่สนับสนุนการจัดทำนวัตกรรม เช่น สวทช. สำนักงานนวัตกรรมเเห่งชาติ (สนช.) หรือ สำนักงานกองทุนสนุบสนุนการวิจัย (สกว.) ฯลฯ ได้รวบรวมผลงาน R&D ในระดับพร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์จากหลากหลายเเห่ง
หากสนใจไปเห็นด้วยตัวเองทำได้ด้วยการไปร่วมงานโชว์เคส ทั้งมหกรรมเเละงานประกวดรางวัลที่เกี่ยวกับนวัตกรรมโดยตรง โดยจุดเด่นของงานเหล่านี้คือ เป็นงานที่รวมตัวของผู้ประกอบการเเละนักวิจัยที่สามารถพัฒนาผลงาน R&D ในระดับต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้มีอยู่ 3 รูปแบบให้เลือกเข้าร่วม คือ
แต่หากต้องการดูผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ซึ่งรวบรวมผลงาน R&D ในระดับพร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์จากศูนย์วิจัยต่างๆ ไว้เเล้ว เเละยังมีข้อมูลสำหรับติดต่อผู้วิจัย/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ให้อีกด้วย
สำหรับผู้ประกอบการที่ยังมีเงินทุนไม่เพียงพอ สามารถขอรับการสนับสนุนจากโครงการสินเชื่อพิเศษสำหรับการทำ R&D จากสถาบันการเงินชั้นนำได้ ซึ่งโครงการเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐกับธนาคารพาณิชย์ มีเสนอให้เข้าร่วมได้ 3 รูปแบบ ได้เเก่
หากผู้ประกอบการรายใดที่มีไอเดียนวัตกรรมสร้างสรรค์เเละต้องการเงินสนับสนุน สามารถยื่นขอเงินทุนให้เปล่าเพิ่มเติมจากโครงการ 4 ประเภท (ตาราง ที่ 5 ) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งมีการช่วยออกค่าใช้จ่าย R&D สูงถึง 50%-75% โดยบางโครงการจะให้เงินสนับสนุนผู้ประกอบการสร้างนวัตกรรมที่น่าสนใจ หรือสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ บางโครงการก็มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการได้ทำ R&D ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้วย
หากผู้ประกอบการเริ่มสนใจในการทำ R&D เเต่ยังมีข้อสงสัยว่าควรเริ่มต้นจากจุดไหน เเละสงสัยว่าจะทำ R&D เรื่องอะไรดี สามารถดูได้จากข้อมูลเเละวิเคราะห์เส้นทางการทำ R&D ในภาพด้านล่างนี้
Published on 11 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย