เทรนด์ "วีแกน" ทางเลือกผู้ผลิตอาหารไทย

หัวข้อ : ‘วีแกน’ เจาะตลาด Niche Market ทางเลือกผู้ผลิตอาหารไทย
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bangkokbanksme.com/en/vegan-niche-market-thai-food-producer

 

 

‘มังสวิรัติ’ หรือ ‘วีแกน’ คือผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ถือเป็นกระแสการบริโภคที่กำลังมาแรงในสังคมยุคปัจจุบันที่ผู้คนหันมาสนใจรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระแสนี้ไม่เพียงจะส่งผลให้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น แต่ยังทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาและเติบโตมากขึ้น จนทำให้ผู้ประกอบการไม่อาจมองข้ามถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกระแสนี้ได้

 

สำหรับวีแกนในปัจจุบันสามารถแบ่งตามความเคร่งครัดในการปฏิบัติได้อย่างน้อย 3 ประเภท คือ

  1. วีแกน (Vegan) หรือผู้บริโภคที่ไม่บริโภคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเนื้อสัตว์ หรือชิ้นส่วนใด ๆ ที่ได้จากสัตว์อย่างเคร่งครัด กลุ่มนี้จะบริโภคเฉพาะอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากผัก ผลไม้ ธัญพืชแบบ 100%
  2. ผู้บริโภคที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ (Vegetarian) แต่ยังสามารถบริโภคน้ำผึ้ง ไข่ นม และเนยได้
  3. ผู้บริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) สามารถทานเนื้อสัตว์ได้เป็นครั้งคราว

 

แนวโน้มความนิยมการเป็นวีแกนจากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2560 โดยในปี 2561 ยอดขายของอาหารวีแกนเติบโตสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์อีกว่า ตลาดวีแกนจะเติบโตขึ้นสูงถึง 200,000 ล้านบาทภายในปี 2566

  • ปัจจุบันพบว่า แนวโน้มการบริโภคอาหารมังสวิรัติในสหราชอาณาจักรมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 350%
  • ตลาดในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่มีประชากรวีแกนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี สินค้าอาหารสำเร็จรูปแบบวีแกนกำลังเติบโตขยายตัวอย่างมาก
  • เทรนด์วีแกนประเทศในทวีปเอเชียเองก็เติบโตรวดเร็วไม่แพ้ตะวันตก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรม มีทั้งพืชเศรษฐกิจและวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำอาหารมังสวิรัติ
  • ประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชาววีแกนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 440% ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปี ตั้งแต่ 2555 – 2559
  • ประเทศไทยก็มีอัตราการเติบโตของการบริโภคอาหารมังสวิรัติอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ประเทศไทยมีประชากรวีแกนสูงถึง 2.3 ล้านคน

 

โอกาสของผู้ประกอบการกับตลาดวีแกน

  • ความแรงของกระแสวีแกนที่นับวันจะขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ที่สำคัญมีความพร้อมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าโดยที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านรายได้
  • ตลาดเนื้อมังสวิรัติหรือเนื้อวีแกนซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดผู้บริโภคที่เป็นมังสวิรัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคอื่น ๆ ที่ใส่ใจต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมด้วย 
  • กลุ่มวีแกนจึงเป็นผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการขยายตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดสินค้าทั่วไป (Mass Market) ที่สูงขึ้นทุกวัน
  • ผู้ผลิตอาหารไทยมีข้อได้เปรียบตรงที่มีประสบการณ์ ในการผลิตอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจมาไม่น้อย
  • ผู้ผลิตอาหารไทยสามารถนำประสบการณ์มาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ รูปแบบ และกลยุทธ์การขายให้เหมาะสม เพื่อขยายตลาดสินค้าสำหรับผู้บริโภคในกลุ่มนี้เพิ่มเติมได้ไม่ยากจนเกินไปนัก

 

 

Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ

เทคนิคบริหารเงินสด ให้ธุรกิจไม่มีวันล้ม

หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried อวสานธุรกิจลุยเดี่ยว เกมรบยุคใหม่แบบร่วมด้วยช่วยกันโต
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Feb-2019.aspx

 

หากเปรียบธุรกิจเป็นร่างกายคนแล้ว “เงินสด” ก็เป็นเหมือนกับกระแสเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจอยู่รอดหรือต้องหยุดชะงัก บางครั้งกำไรเยอะก็เจ๊งได้ถ้าไม่รู้จักวิธีบริหารกระแสเงินสดให้ดีและมีประสิทธิภาพ

 

6 หลักบริหารกระแสเงินสดให้คล่อง

การมีกำไรมากมายจากการกทำธุรกิจอาจไม่ได้แปลว่าสภาพคล่องของกระแสเงินสดจะดีไปด้วย หากยอดขายส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของลูกหนี้การค้า จึงเป็นที่มาของคำว่า กำไรเยอะก็เจ๊งได้ นี่คือหลักการบริหารกระแสเงินสดให้ประสบความสำเร็จ

  1. แยกส่วนด้านการเงินของการดำเนินธุรกิจ และด้านการเงินส่วนบุคคลออกจากกัน

จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบทางการเงินได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

  1. เก็บรักษาข้อมูลและบันทึกลงบัญชี 

วางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบและขั้นตอน เพื่อให้ง่ายที่จะติดตามและสามารถตรวจสอบความเป็นไปในทางการเงินทั้งหมด รวมทั้งด้านผลกำไร และด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป เพื่อให้สามารถหาวิธีการในการปรับปรุงด้านธุรกิจได้อย่างเหมาะสม

  1. จัดระเบียบและการเก็บใบแจ้งหนี้

กลยุทธ์ที่ดีที่สุด คือ การส่งข้อความเตือนความจำให้กับลูกค้าที่ยังไม่ได้ชำระเงิน หรือบางธุรกิจยังใช้วิธีด้วยการดำเนินการตรวจสอบเครดิตลูกค้าใหม่ หรือ ใช้วิธีปฏิเสธเครดิตกับลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ไม่ดีอีกด้วย

  1. ชำระหนี้ตรงเวลาที่กำหนด

หากคุณจ่ายหนี้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เครดิตการค้าของคุณก็ดีในสายตาเจ้าหนี้ เขาอาจขยายระยะเวลาเรียกเก็บหนี้ให้คุณก็ได้ นอกจากนี้ เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินก็มักนำเสนอส่วนลดสำหรับธุรกิจเพื่อผลักดันให้ชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนด หากธุรกิจทำได้ก็สามารถช่วยประหยัดเงินได้ส่วนหนึ่ง

  1. ขึ้นราคาและการตัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก

บางครั้งต้องเลือกที่จะสูญเสียบางอย่าง แต่ทางที่เลือกต้องสามารถสร้างเงินมากกว่าการสูญเสียเงิน นี่เป็นหัวใจสำคัญที่สุด

  1. พิจารณาการจัดหาเงินทุนภายนอก

ธุรกิจอาจเจอปัญหาทางการเงินที่ชะลอตัวเป็นการชั่วคราว ซึ่งอาจเลือกวิธีการจัดหาเงินทุนภายนอกจากสินเชื่อเงินหมุนเวียน เพื่อมาแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในขณะนั้น

 

ข้อควรรู้ของการบริหารจัดการกระแสเงินสด

  • การถือเงินสดต้องให้เหมาะสมต่อการหมุนเวียนในวงจรปกติของธุรกิจ ไม่น้อยจนติดขัดขาดสภาพคล่อง และไม่มากจนเสียโอกาสในการเอาไปลงทุนให้งอกเงย 
  • กรณีที่กระแสเงินสดไม่เพียงพอหมุนเวียนในธุรกิจ อาจทำได้โดยเจรจาขอยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้กับซัปพลายเออร์
  • อีกวิธีการหาเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจ อาจจำเป็นต้องหาเงินทุนด้วยการเพิ่มทุนจากหุ้นส่วน หรือการกู้ยืมเงินจากแหล่งต่าง ๆ
  • การทำพยากรณ์ วางแผน และประเมินความเสี่ยงของกระแสเงินสดทั้งรายรับ และรายจ่ายในระยะสั้นและระยะยาวจะช่วยทำให้บริหารวงจรเงินสดของธุรกิจได้มีประสิทธิภาพ
  • หมั่นปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อการแข่งขันหรือลดความเสี่ยงได้ทัน
  • ต้องไม่ลืมสำรองเงินไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำเป็นต้องมีเงินสดหรือทรัพย์สินที่ซื้อง่ายขายคล่องสำรองเตรียมพร้อมไว้เสมอ

 

 

Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ

5 เทคนิคโพสต์เฟซบุ๊กให้ขายดี

หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried ต่าง Gen แต่เป้าหมายไม่แตกต่าง
อ่านเพิ่มเติม :www.kasikornbank.com/th/business/sme/Inspired-Jan-2019.aspx

 

ข้อความที่สื่อผ่านเฟซบุ๊กนับเป็นปราการด่านแรกทำให้ผู้พบเห็นอ่านแล้วเกิดความสนใจ บทความหรือคำโฆษณาจะต้องมีพลังโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจได้ในทันที แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักแต่ก็พอจะมีสูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับที่ใช้กัน และมักได้ผลเสมอ

การเขียนคำโฆษณา หมายถึง ข้อความที่ทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงคุณค่าที่เป็นเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่า “ราคา” กูรูทางด้านการเขียนข้อความโฆษณากล่าวไว้อีกด้วยว่า นักเขียนคำโฆษณาคือ “พนักงานขายที่อยู่หลังแป้นพิมพ์” เพราะข้อความที่เขียนต้องทำให้เกิดการขาย คำโฆษณาที่ดี “ต้องยาวพอที่จะปกปิด (ครอบคลุม) ส่วนสำคัญ และสั้นพอที่จะเร้าใจ” สรุปเป็นเทคนิคสั้น ๆ ได้ว่า “สั้นกระชับ ครอบคลุม กระตุ้นต่อมอยาก”

การเขียนข้อความบนโฆษณาเฟซบุ๊กให้ขายดี อาจจะไม่ถึงกับต้องเขียนได้ระดับเดียวกับครีเอทีฟ แต่เป้าหมายคือ 

  • ต้องทำให้ผู้พบเห็นเกิดความสนใจ อยากอ่านต่อ
  • เกิดอารมณ์ หรือความต้องการ อยากได้ใคร่มี 
  • ต้องโน้มน้าว (สร้างความชอบ และเชื่อ) เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจ

 

เคล็ดการเขียนคำโฆษณาที่ใช้ได้ผลเสมอ

1. ตั้งคำถาม เรียกร้องให้สนใจ

กระตุ้นความสนใจ ด้วยคำถามให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึง เช่น คิดจะย้ายบ้าน? หรือ อยากแต่งสวน? 

  • การเริ่มต้นด้วยคำถามจะทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้คิด หรือกำลังคิด เกิดความสนใจ และอยากรู้คำตอบ เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
  • เป้าหมายของการทำโฆษณาก็คือ ต้องการให้ผู้เห็นโฆษณาตอบ “ใช่” หรือ “เห็นด้วย” 
  • การเรียกร้องให้สนใจด้วยคำถามที่เป็นปัญหาที่พวกเขาประสบอยู่เป็นเทคนิคที่ใช้ได้เสมอ

ข้อควรระวัง : เทคนิคนี้ใช้ได้เฉพาะโพสต์ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะจ่ายเงินซื้อโฆษณากับเฟซบุ๊กเท่านั้น เนื่องจากการเลือกใช้ประโยคคำถามในข้อความ อาจจะทำให้ซื้อโฆษณาไม่ผ่านได้

 

2. อย่าใช้คำที่เป็นทางการเกินไป

เพราะเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มที่มีบุคลิกของความเป็นเพื่อน ดังนั้น ภาษาที่เป็นทางการมากเกินไปจะทำให้ไม่น่าสนใจ และเลี่ยงการภาษาที่สูงส่งเกินเข้าใจ

  • ผู้บริโภคมีเวลาไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจว่า จะอ่านโพสต์นั้นๆ หรือไม่ 
  • การเลือกใช้คำในเฟซบุ๊กยังส่งผลต่อคะแนนความตรงเป้าหมาย (Relevance Score) อย่างมีนัยอีกด้วย
  • พยายามใช้ข้อความที่เหมือนการพูดคุย สนุกสนาน บันเทิง
  • เวลาเขียนให้นึกถึงว่า ถ้าเรากำลังจะเล่าให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการใหม่ที่น่าสนใจ 
  • เทคนิคเพิ่มเติมก็คือ ใส่อีโมจิ ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ และความน่าสนใจ อีกทั้งยังช่วยให้โทนของข้อความไม่ดูทางการ เกินไปได้ทันที :D

 

3. หากซื้อโฆษณา อย่าแก้ไขโฆษณาเร็วเกินไป

เทคนิคนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนโดยตรง แต่ควรรู้ไว้ว่า

  • หลังจากที่เราสั่งรันแคมเปญ ระบบเฟซบุ๊กจะเริ่มนำส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เราเลือก ไปพร้อม ๆ กับเรียนรู้ฟีดแบ็กที่ได้จากโฆษณานั้น ๆ
  • ในระหว่างที่ระบบโฆษณากำลังเรียนรู้ เพื่อจัดเตรียมกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสสูงสุด (นี่คือ เหตุผลที่ทำให้เราสังเกตเห็นว่า ผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงแรกจะยังไม่โอเคนัก จนกว่าระบบเฟซบุ๊กจะเจอรูปแบบของกลุ่มที่ใช่) 
  • ไม่ควรเปลี่ยนข้อความโฆษณาช่วงนี้ เพราะจะทำให้การเรียนรู้ของระบบผิดพลาด หากจำเป็นต้องแก้ไขจริง ๆ ให้ทำหลังจากระบบแจ้งว่า initial learning complete แล้ว

 

4. อ่านจบได้ไม่ต้องคลิก “ดูเพิ่มเติม”

เทคนิคนี้อาจต้องมีการทดสอบข้อความโฆษณา โดยเฉพาะการเลือกใช้ข้อความโฆษณาแบบยาวกับแบบสั้น เพราะกูรูโฆษณาส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า 

  • การโพสต์ด้วยข้อความสั้น โดยไม่มีลิงก์คลิก ดูเพิ่มเติม...หรือ see more... แต่สามารถเห็นลิงก์ไปยังหน้าเว็บเป้าหมาย หรือแอ็กชันด้วยการคลิกปุ่มได้ทันที จะให้ผลลัพธ์ดีกว่ามาก 
  • การให้กลุ่มเป้าหมายต้องคลิก ดูเพิ่มเติม เพื่ออ่านต่ออีก ผลลัพธ์จะลดลงได้ (หากอ่านแล้ว ไม่ได้ทำให้อยากซื้อเพิ่มขึ้น) 

เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่อ่านโฆษณาทั้งชิ้น แต่จะใช้การลากนิ้วผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเห็นโฆษณาแล้วอ่านข้อความจบ ครบถ้วน ชวนให้อยากแล้วคลิกไปซื้อ หรือลงหน้าเว็บผลิตภัณฑ์ได้ทันทีก็จะเป็นการดีสำหรับพวกเขาและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กฎทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น เพื่อความมั่นใจแนะนำให้ทำโฆษณาทดสอบโฆษณาก๊อบปี้ยาวกับสั้นเทียบกันก่อน

 

5. เริ่มต้นข้อความด้วย “ตัวเลข”

ถ้าคุณขายสินค้าจับต้องได้ ผู้พบเห็นโฆษณาอาจต้องการรู้ว่า มันมีราคาเท่าไร โดยเฉพาะหากคุณกำลังจะเซลสินค้าตัวนั้น โอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจแทบจะทันที เทคนิคนี้ เชื่อว่า น่าจะมีอาการคลิกลั่น เกิดกับผู้บริโภคอย่างแน่นอน 

  • แม้ก๊อบปี้หรือข้อความโฆษณาจะสำคัญหรือน่าสนใจแค่ไหนก็ตาม การมีข้อเสนอที่ชัดเจน (ตัวเลข) ดึงดูดจะช่วยให้โฆษณานั้นสำเร็จไวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
  • ไม่ใช่เฉพาะสินค้าที่มีราคาไม่แพงมากเท่านั้น แม้แต่ดีลเลอร์ขายรถก็ยังสามารถใช้เทคนิคนี้ได้เหมือนกัน ตัวอย่าง เช่น “0% ผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องมีเงินดาวน์”

 

 

Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

 

บทความแนะนำ

ตลาดเครื่องสำอางกับโอกาสทางธุรกิจ

หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried Small - scale แจ็คผู้ไล่ยักษ์ 
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Dec-2018.aspx

 

 

เมื่อผู้หญิงไม่หยุดสวย ช่วยให้ตลาดเครื่องสำอางไทยโตไม่หยุด แบบไม่แคร์เศรษฐกิจหรือการเมือง โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ผลิตจากธรรมชาติ เครื่องสำอางเฉพาะกลุ่ม แม้แต่เครื่องสำอางที่จับตลาดชาวมุสลิมก็มีมูลค่าสูงถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ นับเป็นขุมทรัพย์ที่เอสเอ็มอีมีโอกาสไม่น้อย  สำหรับมูลค่ารวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยอยู่ที่ประมาณ 2.51 แสนล้านบาท แยกเป็น ตลาดในประเทศ 66.9% ตลาดส่งออก 33.1%

 

5 ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางครองตลาดในประเทศ

  1. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) ที่ครองตลาดเครื่องสำอางสูง ถึง 46.8% แยกเป็นผลิตภัณฑ์
  • ดูแลผิวหน้า 84%
  • ดูแลผิวกาย 16%
  1. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม (Hair) ครองตลาดอยู่ที่ 18.3% แยกเป็น
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 83%
  • เปลี่ยนสีผม 11%
  • จัดแต่งทรงผม 4%
  • ยึดติดผม 1%
  1. เครื่องสำอางสำหรับตกแต่ง (Makeup) ครองตลาดอยู่ที่ 13.5% แยกเป็น
  • ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า 56%
  • ริมฝีปาก 26% 
  • ตกแต่งตา 17%
  • ตกแต่งเล็บ 1%
  1. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย (Hygiene) ครองตลาดอยู่ที่ 16.3%
  2. น้ำหอม (Fragrance) ครองตลาดอยู่ที่ 5.1%


ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับเครื่องสำอางประเภทอื่นๆ อาจเป็นผลจากสภาพอากาศ มลภาวะต่างๆ ทำให้ความต้องการเครื่องสำอางที่ช่วยปกป้อง หรือซ่อมแซมผิวหรือร่างกายได้รับความนิยม นอกจากนี้ พฤติกรรมคนไทยที่หันมาเพิ่มขั้นตอนในการดูแลผิวหน้า ทำให้เครื่องสำอางประเภทมาส์กหน้า (Mask) ที่มีสารบำรุงผิวเข้มข้นได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นเดียวกัน

 


 

ตลาดเครื่องสำอางส่งออก

ด้วยคุณภาพมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัย ประกอบกับการมีวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอาง โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ รวมถึงความหลากหลายของประเภทเครื่องสำอาง ซึ่งมีเอกลักษณ์และนวัตกรรมการผลิตที่หลากหลายเครื่องสำอางของไทยจึงได้รับความนิยมในต่างประเทศ

  • ตลาดที่สำคัญ เช่น อาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และจีน
  • ตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับเครื่องสำอางไทยได้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน  กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม
  • ลูกค้าคนหนุ่มสาวคนวัยทำงานมีเพิ่มขึ้น และตอบรับพฤติกรรมการดูแลร่างกายตามค่านิยมสมัยใหม่มากขึ้น
  • ความชื่นชอบในดารานักร้องของไทยผ่านสื่อต่าง ๆ ทำให้เครื่องสำอางจากไทยได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะสินค้าประเภทแต่งหน้าและดูแลผิว




 

5 กลุ่มตลาดโอกาสทางธุรกิจเครื่องสำอาง

เด็ก ปัจจุบันพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กยุคใหม่เริ่มเปิดกว้างต่อการใช้เครื่องสำอางเพื่อดูแลและเสริมบุคลิกภาพในกลุ่มเด็กมากขึ้น แต่เครื่องสำอางควรต้องมีความปลอดภัย เนื่องจากผิวเด็กมีความบอบบาง

ผู้ชาย หันมาใส่ใจตัวเองเพื่อเสริมบุคลิกภาพ ซึ่งกระแสดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและดูแลเส้นผม น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและน้ำหอมที่มีการใช้อยู่แล้ว

ผู้สูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกมีประมาณ 1,000 ล้านคน ซึ่งผู้สูงอายุบางกลุ่มมีกำลังซื้อและมีความต้องการสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตรวมถึงการเสริมบุคลิกภาพที่ดี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ต่อต้านริ้วรอยให้ดูอ่อนกว่าวัย และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้สูงอายุ

ประเทศมุสลิม ตลาดเครื่องสำอางสำหรับชาวมุสลิมในตลาดโลกเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี โดยประเภทของเครื่องสำอางที่น่าสนใจได้แก่ เครื่องสำอางที่ใช้สำหรับดูแลเส้นผมสำหรับผู้ชาย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวสำหรับเด็ก ซึ่งตลาดมุสลิมที่มีมูลค่าสูงได้แก่ อินเดีย รัสเซีย อินโดนีเซีย ตุรกี มาเลเซีย และบังกลาเทศ ตามลำดับ

นักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางของผู้ผลิตชั้นนำของโลก ทำให้สินค้ามีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับที่ถูกส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศ และไทยยังมีสินค้าเครื่องสำอางที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสมุนไพรที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมซื้อ เครื่องสำอาง/ครีมบำรุงผิว 25.5%

 


 

4 ข้อต่อยอดธุรกิจความงาม

  • พัฒนานวัตกรรมหรือวัตถุดิบที่มีความแตกต่าง ซึ่งอาจใช้วัตถุดิบและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอด ขณะเดียวกันต้องใช้วัตถุดิบที่มีความน่าเชื่อถือ เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ เช่น 
    • ต้องมีความอ่อนโยนต่อผิวของเด็กและผู้สูงอายุ
    • ส่วนผสมและขั้นตอนการผลิตที่สอดคล้องกับหลักฮาลาลเพื่อจับตลาดกลุ่มผู้บริโภคมุสลิม
  • การสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้า สำหรับเอสเอ็มอีอาจมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณวิจัยและพัฒนา ดังนั้น การมุ่งผลิตสินค้าที่จับตลาดเฉพาะจะง่ายต่อการติดตามตรวจสอบคุณภาพสินค้า
  • ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า เช่น เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุควรมีความสะดวกในการหยิบจับ มีรายละเอียดวิธีใช้ที่ง่าย ไม่ซับซ้อน
  • พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย จากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ปรับเปลี่ยนไป มีการค้นหาข้อมูลจากสื่อโซเชียลและออนไลน์ผ่านการรีวิวสินค้ามากขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรเพิ่มช่องทางตลาดผ่านออนไลน์เพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

 

 

Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ

6 ข้อดีของการทำระบบบัญชีออนไลน์

หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried สมการทำธุรกิจแบบ WIN - WIN  
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Oct-2018.aspx

ข้อจำกัดของการทำบัญชีระบบเดิมที่มีมากมาย เช่น การรวบรวมข้อมูลตัวเลขที่กระจายอยู่กับฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งยากต่อการอัปเดต ยิ่งนานวันเอกสารที่สะสมเพิ่มจำนวนทำให้การปิดงบล่าช้า ส่งผลหลาย ๆ เรื่องหนัก-เบา ต่างกันไป เช่น ถูกสรรพากรตรวจสอบต้องจ่ายภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับมหาโหด หรือลูกน้องคนขยันโกงเงิน กลายเป็นปัญหาที่วนเวียนแบบนี้ปีแล้วปีเล่า 

 

ปัญหาจากการทำระบบบัญชีแบบเดิม

บัญชีภายใน

  • หากเจ้าของกิจการต้องการดูบัญชีกำไร-ขาดทุน อาจจะได้เห็นเพียงตัวเลขคร่าว ๆ เพราะตัวเลขกระจายอยู่กับฝ่ายต่างๆ และไม่อัปเดท 
  • หลายฝ่ายจะอ้างได้ว่างานเยอะ คนไม่พอ ไม่มีเวลาบันทึกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ
  • ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาคือ พนักงานบัญชีทั้งระดับหัวหน้าและลูกน้องผลัดกันเข้า-ออกเพราะทนต่อความกดดัน
  • ในการทำงานไม่ไหว หากโดนตามงานมาก ๆ และทำได้ไม่ทัน

บัญชีชุดสรรพากร

  • การสะสมเอกสารไว้จนปลายปีแล้วค่อยมาปิดบัญชี งบการเงินจึงได้ล่าช้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด อาจจะได้ใน 2-3 วันสุดท้ายก่อนเส้นตายของการยื่นงบ 
  • ไม่มีเวลาตรวจสอบเอกสาร หรือถึงแม้ตรวจสอบไปก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว
  • ปัญหาหนักที่อาจเกิดขึ้นคือจากการแก้ไขไม่ทันคือ อาจถูกสรรพากรตรวจสอบ แล้วให้จ่ายภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับมหาโหด
  • อาจมีลูกหนี้คงค้างจำนวนมากแต่ไม่รู้ตัว เพราะบัญชีไม่อัปเดทจึงตามสถานการณ์ไม่ทัน

 

ขอเพียงนับหนึ่ง เริ่มต้นปฏิวัติการทำบัญชีชุดเดียวบนโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป

  1. เริ่มต้นด้วยการใช้ระบบบัญชีบนคลาวด์ (Cloud) ที่สามารถบันทึกหรือเลือกดูข้อมูลได้จากหลากหลายอุปกรณ์ (คอมพิวเตอร์, มือถือ, แล็ปท็อป, แท็บเล็ต) และจากมุมไหนของโลกก็ได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
  2. งานจากทุกฝ่าย (ฝ่ายขาย จัดซื้อ ฯลฯ) สามารถบันทึกบนโปรแกรมเดียวกันหรือโปรแกรมอื่นที่สามารถโอนข้อมูลมายังโปรแกรมบัญชีได้เลยโดยไม่ต้องมาบันทึกซ้ำ ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ลดงานซ้ำซ้อน
  3. ฝ่ายบัญชีก็มีงานเบาบางลงเพราะไม่ต้องบันทึกงานซ้ำซ้อน เพียงแต่ตรวจสอบและใส่รหัสบัญชี และปรับระบบให้นักบัญชีฝีมือดีที่เป็นคนรุ่นใหม่เลือกทำงานจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้างาน 8 โมงเช้าและต้องทนนั่งแช่ถึง 5 โมงเย็น ขอให้งานเสร็จตามกำหนดเท่านั้น เพื่อจูงใจให้เขาทำงานกับเรานาน ๆ
  4. ผู้บริหารก็สามารถเรียกดูตัวเลข รายได้ ค่าใช้จ่าย ลูกหนี้ค้างชำระ หรือแม้กระทั่งงบกำไรขาดทุนได้เองจากที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ และมีตัวเลขที่เป็นปัจจุบันทันต่อการตัดสินใจ
  5. ส่วนสำนักงานบัญชีก็สามารถออนไลน์เข้ามาตรวจเอกสาร เพื่อนำไปยื่นภาษีอย่างครบถ้วนถูกต้องและสามารถปิดตรวจสอบและบัญชีให้ได้ทุกเดือนโดยไม่ต้องเสียเวลาบันทึกซ้ำ จึงทำให้ปิดงบได้รวดเร็วตอนสิ้นปี มีเวลาให้ผู้บริหารตรวจสอบก่อนยื่นเสียภาษี
  6. กรมสรรพากรก็สบายใจได้เป้าของผู้เสียภาษีที่ทำบัญชีชุดเดียวตามนโยบาย

 

 

Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

บทความแนะนำ