
หัวข้อ : มาตรฐานใหม่ CODEX จัดการสารก่อภูมิแพ้ ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร
อ่านเพิ่มเติม :https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Codex-FB-130820.aspx
จากการประชุมโครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex Alimentarius Commission) ล่าสุดครั้งที่ 43 มีประเด็นเกี่ยวกับการยกระดับการจัดการความปลอดภัยด้านอาหารที่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตขั้นต้น โรงงานแปรรูป ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร จะต้องเตรียมพร้อมรับมือ นั่นคือ
ความปลอดภัยด้านอาหารเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
ผู้ประกอบการส่งออกอาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทาน จึงเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่จะต้องเตรียมรับมือจากประเด็นนี้ เนื่องจากตลาดส่งออกของไทยคงจะมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการจัดการด้านการปนเปื้อนสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป รวมถึงจีนที่แม้ปัจจุบันยังไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไรนัก ก็มีแนวโน้มจะเข้มงวดมากขึ้น
ผลกระทบของมาตรฐานใหม่ CODEX ต่อผู้ประกอบการไทย
ผู้ประกอบการอาหารส่งออกของไทยมีการปฏิบัติตามเกณฑ์ GMP และ HACCP อยู่แล้ว ในเบื้องต้นอาจกระทบในเรื่องต่อไปนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนสารก่อภูมิแพ้ตลอดห่วงโซ่การผลิต
สำหรับผู้บริโภคในประเทศนั้น ก็จะได้รับการดูแลเช่นกัน สะท้อนจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารมาจำหน่ายในประเทศ ที่จะต้องปฎิบัติตามมาตรฐานใหม่นี้ เพราะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ที่จะทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์สากล อาทิ GMP HACCP รวมถึงมาตรฐาน CODEX
Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : ‘วีแกน’ เจาะตลาด Niche Market ทางเลือกผู้ผลิตอาหารไทย
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bangkokbanksme.com/en/vegan-niche-market-thai-food-producer
‘มังสวิรัติ’ หรือ ‘วีแกน’ คือผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ถือเป็นกระแสการบริโภคที่กำลังมาแรงในสังคมยุคปัจจุบันที่ผู้คนหันมาสนใจรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระแสนี้ไม่เพียงจะส่งผลให้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น แต่ยังทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาและเติบโตมากขึ้น จนทำให้ผู้ประกอบการไม่อาจมองข้ามถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกระแสนี้ได้
สำหรับวีแกนในปัจจุบันสามารถแบ่งตามความเคร่งครัดในการปฏิบัติได้อย่างน้อย 3 ประเภท คือ
แนวโน้มความนิยมการเป็นวีแกนจากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2560 โดยในปี 2561 ยอดขายของอาหารวีแกนเติบโตสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์อีกว่า ตลาดวีแกนจะเติบโตขึ้นสูงถึง 200,000 ล้านบาทภายในปี 2566
Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried อวสานธุรกิจลุยเดี่ยว เกมรบยุคใหม่แบบร่วมด้วยช่วยกันโต
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Feb-2019.aspx
หากเปรียบธุรกิจเป็นร่างกายคนแล้ว “เงินสด” ก็เป็นเหมือนกับกระแสเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจอยู่รอดหรือต้องหยุดชะงัก บางครั้งกำไรเยอะก็เจ๊งได้ถ้าไม่รู้จักวิธีบริหารกระแสเงินสดให้ดีและมีประสิทธิภาพ
การมีกำไรมากมายจากการกทำธุรกิจอาจไม่ได้แปลว่าสภาพคล่องของกระแสเงินสดจะดีไปด้วย หากยอดขายส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของลูกหนี้การค้า จึงเป็นที่มาของคำว่า กำไรเยอะก็เจ๊งได้ นี่คือหลักการบริหารกระแสเงินสดให้ประสบความสำเร็จ
จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบทางการเงินได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
วางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบและขั้นตอน เพื่อให้ง่ายที่จะติดตามและสามารถตรวจสอบความเป็นไปในทางการเงินทั้งหมด รวมทั้งด้านผลกำไร และด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป เพื่อให้สามารถหาวิธีการในการปรับปรุงด้านธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
กลยุทธ์ที่ดีที่สุด คือ การส่งข้อความเตือนความจำให้กับลูกค้าที่ยังไม่ได้ชำระเงิน หรือบางธุรกิจยังใช้วิธีด้วยการดำเนินการตรวจสอบเครดิตลูกค้าใหม่ หรือ ใช้วิธีปฏิเสธเครดิตกับลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ไม่ดีอีกด้วย
หากคุณจ่ายหนี้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เครดิตการค้าของคุณก็ดีในสายตาเจ้าหนี้ เขาอาจขยายระยะเวลาเรียกเก็บหนี้ให้คุณก็ได้ นอกจากนี้ เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินก็มักนำเสนอส่วนลดสำหรับธุรกิจเพื่อผลักดันให้ชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนด หากธุรกิจทำได้ก็สามารถช่วยประหยัดเงินได้ส่วนหนึ่ง
บางครั้งต้องเลือกที่จะสูญเสียบางอย่าง แต่ทางที่เลือกต้องสามารถสร้างเงินมากกว่าการสูญเสียเงิน นี่เป็นหัวใจสำคัญที่สุด
ธุรกิจอาจเจอปัญหาทางการเงินที่ชะลอตัวเป็นการชั่วคราว ซึ่งอาจเลือกวิธีการจัดหาเงินทุนภายนอกจากสินเชื่อเงินหมุนเวียน เพื่อมาแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในขณะนั้น
Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried ต่าง Gen แต่เป้าหมายไม่แตกต่าง
อ่านเพิ่มเติม :www.kasikornbank.com/th/business/sme/Inspired-Jan-2019.aspx
ข้อความที่สื่อผ่านเฟซบุ๊กนับเป็นปราการด่านแรกทำให้ผู้พบเห็นอ่านแล้วเกิดความสนใจ บทความหรือคำโฆษณาจะต้องมีพลังโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจได้ในทันที แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักแต่ก็พอจะมีสูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับที่ใช้กัน และมักได้ผลเสมอ
การเขียนคำโฆษณา หมายถึง ข้อความที่ทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงคุณค่าที่เป็นเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่า “ราคา” กูรูทางด้านการเขียนข้อความโฆษณากล่าวไว้อีกด้วยว่า นักเขียนคำโฆษณาคือ “พนักงานขายที่อยู่หลังแป้นพิมพ์” เพราะข้อความที่เขียนต้องทำให้เกิดการขาย คำโฆษณาที่ดี “ต้องยาวพอที่จะปกปิด (ครอบคลุม) ส่วนสำคัญ และสั้นพอที่จะเร้าใจ” สรุปเป็นเทคนิคสั้น ๆ ได้ว่า “สั้นกระชับ ครอบคลุม กระตุ้นต่อมอยาก”
การเขียนข้อความบนโฆษณาเฟซบุ๊กให้ขายดี อาจจะไม่ถึงกับต้องเขียนได้ระดับเดียวกับครีเอทีฟ แต่เป้าหมายคือ
1. ตั้งคำถาม เรียกร้องให้สนใจ
กระตุ้นความสนใจ ด้วยคำถามให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึง เช่น คิดจะย้ายบ้าน? หรือ อยากแต่งสวน?
ข้อควรระวัง : เทคนิคนี้ใช้ได้เฉพาะโพสต์ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะจ่ายเงินซื้อโฆษณากับเฟซบุ๊กเท่านั้น เนื่องจากการเลือกใช้ประโยคคำถามในข้อความ อาจจะทำให้ซื้อโฆษณาไม่ผ่านได้
2. อย่าใช้คำที่เป็นทางการเกินไป
เพราะเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มที่มีบุคลิกของความเป็นเพื่อน ดังนั้น ภาษาที่เป็นทางการมากเกินไปจะทำให้ไม่น่าสนใจ และเลี่ยงการภาษาที่สูงส่งเกินเข้าใจ
3. หากซื้อโฆษณา อย่าแก้ไขโฆษณาเร็วเกินไป
เทคนิคนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนโดยตรง แต่ควรรู้ไว้ว่า
4. อ่านจบได้ไม่ต้องคลิก “ดูเพิ่มเติม”
เทคนิคนี้อาจต้องมีการทดสอบข้อความโฆษณา โดยเฉพาะการเลือกใช้ข้อความโฆษณาแบบยาวกับแบบสั้น เพราะกูรูโฆษณาส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า
เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่อ่านโฆษณาทั้งชิ้น แต่จะใช้การลากนิ้วผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเห็นโฆษณาแล้วอ่านข้อความจบ ครบถ้วน ชวนให้อยากแล้วคลิกไปซื้อ หรือลงหน้าเว็บผลิตภัณฑ์ได้ทันทีก็จะเป็นการดีสำหรับพวกเขาและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กฎทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น เพื่อความมั่นใจแนะนำให้ทำโฆษณาทดสอบโฆษณาก๊อบปี้ยาวกับสั้นเทียบกันก่อน
5. เริ่มต้นข้อความด้วย “ตัวเลข”
ถ้าคุณขายสินค้าจับต้องได้ ผู้พบเห็นโฆษณาอาจต้องการรู้ว่า มันมีราคาเท่าไร โดยเฉพาะหากคุณกำลังจะเซลสินค้าตัวนั้น โอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจแทบจะทันที เทคนิคนี้ เชื่อว่า น่าจะมีอาการคลิกลั่น เกิดกับผู้บริโภคอย่างแน่นอน
Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย
หัวข้อ : วารสาร K Sme Inspried Small - scale แจ็คผู้ไล่ยักษ์
อ่านเพิ่มเติม : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/k-sme-inspired/Inspired/Inspired-Dec-2018.aspx
เมื่อผู้หญิงไม่หยุดสวย ช่วยให้ตลาดเครื่องสำอางไทยโตไม่หยุด แบบไม่แคร์เศรษฐกิจหรือการเมือง โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ผลิตจากธรรมชาติ เครื่องสำอางเฉพาะกลุ่ม แม้แต่เครื่องสำอางที่จับตลาดชาวมุสลิมก็มีมูลค่าสูงถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ นับเป็นขุมทรัพย์ที่เอสเอ็มอีมีโอกาสไม่น้อย สำหรับมูลค่ารวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยอยู่ที่ประมาณ 2.51 แสนล้านบาท แยกเป็น ตลาดในประเทศ 66.9% ตลาดส่งออก 33.1%
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับเครื่องสำอางประเภทอื่นๆ อาจเป็นผลจากสภาพอากาศ มลภาวะต่างๆ ทำให้ความต้องการเครื่องสำอางที่ช่วยปกป้อง หรือซ่อมแซมผิวหรือร่างกายได้รับความนิยม นอกจากนี้ พฤติกรรมคนไทยที่หันมาเพิ่มขั้นตอนในการดูแลผิวหน้า ทำให้เครื่องสำอางประเภทมาส์กหน้า (Mask) ที่มีสารบำรุงผิวเข้มข้นได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ด้วยคุณภาพมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัย ประกอบกับการมีวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอาง โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ รวมถึงความหลากหลายของประเภทเครื่องสำอาง ซึ่งมีเอกลักษณ์และนวัตกรรมการผลิตที่หลากหลายเครื่องสำอางของไทยจึงได้รับความนิยมในต่างประเทศ
เด็ก ปัจจุบันพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กยุคใหม่เริ่มเปิดกว้างต่อการใช้เครื่องสำอางเพื่อดูแลและเสริมบุคลิกภาพในกลุ่มเด็กมากขึ้น แต่เครื่องสำอางควรต้องมีความปลอดภัย เนื่องจากผิวเด็กมีความบอบบาง
ผู้ชาย หันมาใส่ใจตัวเองเพื่อเสริมบุคลิกภาพ ซึ่งกระแสดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและดูแลเส้นผม น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและน้ำหอมที่มีการใช้อยู่แล้ว
ผู้สูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกมีประมาณ 1,000 ล้านคน ซึ่งผู้สูงอายุบางกลุ่มมีกำลังซื้อและมีความต้องการสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตรวมถึงการเสริมบุคลิกภาพที่ดี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ต่อต้านริ้วรอยให้ดูอ่อนกว่าวัย และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้สูงอายุ
ประเทศมุสลิม ตลาดเครื่องสำอางสำหรับชาวมุสลิมในตลาดโลกเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี โดยประเภทของเครื่องสำอางที่น่าสนใจได้แก่ เครื่องสำอางที่ใช้สำหรับดูแลเส้นผมสำหรับผู้ชาย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวสำหรับเด็ก ซึ่งตลาดมุสลิมที่มีมูลค่าสูงได้แก่ อินเดีย รัสเซีย อินโดนีเซีย ตุรกี มาเลเซีย และบังกลาเทศ ตามลำดับ
นักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางของผู้ผลิตชั้นนำของโลก ทำให้สินค้ามีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับที่ถูกส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศ และไทยยังมีสินค้าเครื่องสำอางที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสมุนไพรที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมซื้อ เครื่องสำอาง/ครีมบำรุงผิว 25.5%
Published on 15 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย