UBU Spark - Pilot Plant – แปรรูปให้เป็นโอกาส
การจะเป็นผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของเหล่าผู้ประกอบการ ก็คือความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความพร้อมในเรื่องของแหล่งผลิต โดยส่วนใหญ่นั้น ผู้ประกอบการที่ยังไม่สามารถพัฒนาสินค้าให้เติบโตไปได้ไกล มักมีปัญหาใหญ่อยู่ 2 เรื่องหลักคือ 1.โรงงานผลิตที่ยังไม่ได้มาตรฐานทำให้ผลิตภัณฑ์ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะเติบโตได้ และ 2. ผู้ประกอบการหลายราย มีไอเดีย มีสินค้าต้นแบบ แต่ไม่มีกำลังที่จะทำการผลิตสินค้าได้
.
ผลิตความฝันให้เกิดขึ้นได้จริง
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ต้องการที่จะช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า จึงเปิด Pilot Plant หรือ หน่วยโรงงานต้นแบบด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ขึ้นให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ สามารถเข้ามาใช้บริการได้
โรงงาน Pilot Plant นั้นถูกออกแบบให้มีความเอนกประสงค์มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้โดยสะดวก โดยมีจุดเด่นคือ การวางเครื่องจักรในรูปแบบจิ๊กซอว์ ซึ่งสามารถใช้เครื่องหนึ่งทำกระบวนการหนึ่ง แล้วสลับไปใช้อีกเครื่องหนึ่งเพื่อผลิตในกระบวนการถัด ๆไปได้ทันที โดยไม่ต้องมีลำดับ ซึ่งการผสมผสานรูปแบบการผลิตได้อย่างนี้ เอื้อให้ผู้ประกอบการ สามารถทดลองสร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างอิสระ
โรงงาน Pilot Plant แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 โรง ได้แก่
นอกจากการให้บริการด้านโรงงานผลิตต้นแบบแล้ว ยังมีการให้บริการในส่วน งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ให้ผู้ประกอบการมาเปิดห้องแล็บเล็ก ๆ เพื่อทำการวิจัย และพัฒนาสูตรอาหารประจำแบรนด์ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงไปทำการผลิตจริงในขั้นตอนต่อไป
.
Pilot Plant มีทีมพี่เลี้ยง และทีมที่ปรึกษาที่พร้อมให้คำแนะนำในด้านการพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิตสินค้า ทั้งในมิติของมาตรฐาน และ ในมิติของต้นทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่ที่ต้องการจะพัฒนาสินค้า ให้ประสบความสำเร็จไปถึงฝัน และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยมีมาตรฐานสูง และมีคุณภาพที่สูงขึ้น เพื่อให้ทุก ๆ คน มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์กับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
UBU Spark - Pilot Plant
อาคารศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
85 ถนนสถลมาร์ค ต.เมืองศรีไค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190
โทร. 097-335-3185, 045-433-456
E-mail: spark@ubu.ac.th
website : www.ubuspark.org
Facebook: UBUSPARK
Youtube: UBU Spark
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
GS1 สถาบันรหัสสากล – ยกระดับมาตรฐานสินค้าด้วยบาร์โค้ด
ในอดีตสินค้าต่าง ๆ นั้น ยังไม่มีเลขหมายกำกับ ทำให้เกิดความสับสนยุ่งยากในการสื่อสารและจัดการระบบคลังสินค้า ลองนึกดูว่าถ้ามีผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน จะสามารถบันทึกจำแนกอย่างไรให้ชัดเจน ได้อย่างง่ายที่สุด การระบุเลขหมายสินค้าในรูปแบบบาร์โค้ดจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ให้กับการเก็บข้อมูลสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเพียงแค่สแกนแถบ ไม่ต้องคอยบันทึกเลขหลายทีละหลัก ที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้
.
เลขหมายมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก
เมื่อมีระบบเลขหมายเกิดขึ้น ก็ต้องมีหน่วยงานกลางที่เป็นนายทะเบียนในการออกเลขหมายประจำสินค้าให้กับผู้ประกอบการ จึงได้มีการตั้งสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานมาตรฐานที่จะดูแลเรื่องการออกรหัสบาร์โค้ดให้กับสินค้า ซึ่งมีรูปแบบดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกันใน 120 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้สินค้าที่ผลิตในแต่ละประเทศมีเลขหมายกำกับสินค้าเฉพาะอย่างชัดเจน ให้สามารถส่งออกสินค้าระหว่างประเทศได้อย่างเข้าใจตรงกัน
ถ้าหากผู้ประกอบการแต่ละคน ต่างคนต่างใช้เลขหมายที่ตัวเองตั้งขึ้น จะก่อให้เกิดความสับสนขึ้นได้ ยิ่งเมื่อนำสินค้าเข้าสู่คลังสินค้าส่วนกลาง อย่างเช่นห้างสรรพสินค้า ก็อาจเกิดกรณ๊ที่เลขหมายซ้ำกันกับผู้ประกอบการเจ้าอื่น ทำให้เกิดความผิดพลาดในการตรวจบันทึกสต็อก รวมถึงจัดจำหน้ายสินค้าผิดชิ้นก็เป็นได้ จึงต้องมีการใช้เลขหมายมาตรฐานสากล ที่ประกอบด้วยตัวเลข 13 หลักนั้น ซึ่งเป็นรหัสที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ประเทศที่ผลิต สถานที่ผลิต ไปจนถึงล็อตที่ผลิต สะดวกในการจัดเก็บบันทึกข้อมูลสินค้าได้อย่างแม่นยำ และ ในกรณีที่สินค้ามีความผิดพลาดก็ยังสามารถตรวจสอบกลับมาได้โดยง่าย
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสินค้าถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ ถ้าสินค้านั้นได้มีการขึ้นทะเบียนเลขหมายมาตรฐานสากลไว้อยู่แล้ว ก็สามารถใช้เลขหมายนี้ได้ทันที เพราะข้อมูลสินค้าทั้งหมดได้ถูกเก็บบันทึกไว้ในฐานข้อมูลสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลขหมายบาร์โค้ดนี้ยังเป็นสิ่งที่ช่วยรับรองมาตรฐานของสินค้าในระดับหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้บริโภคในต่างประเทศสามารถให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจในสินค้าได้อีกด้วย
.
บาร์โค้ดนี้มีคุณภาพ
บริการที่ทางสถาบันรหัสสากลพร้อมรองรับให้กับผู้ประกอบการ มีตั้งแต่
.
การขอรับเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล เรียกได้ว่าเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง เปิดประตูสู่โอกาสในการพัฒนาสินค้าให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เลขที่ 2 อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ชั้น 11
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
โทร. 0-2345-1000
E-mail: info@gs1th.org
Website : www.gs1th.org
Facebook: gs1thailand
Line Official: GS1 Thailand
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
อัยย์ไทย สืบสานองค์ความรู้แผนไทยให้ร่วมสมัย
ผลิตภัณฑ์สปาดูแลผิวของไทย จาก 2 เภสัชกรที่มองเห็นแนวโน้มของการกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และการดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติ จึงนำองค์ความรู้ทางด้านภูมิปัญญาไทยตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยผนวกกับองค์ความรู้เภสัชกรรมแผนปัจจุบันมาพัฒนา จนได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์สปาไทยที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล
.
ใส่ใจทุกกระบวนการ จนกว่าจะมั่นใจ
จากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการการตลาด ทำให้มองเห็นแนวโน้มเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาตินำเมื่อนำมารวมกับความรู้ด้านเภสัชกร ทำให้แบรนด์อัยย์ไทย คิดค้นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยที่แตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป ทั้งกระบวนการผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นสูตรจากการศึกษาจริงจังในเรื่องของเภสัชกรรมแผนไทย ทั้งการประคบและอบสมุนไพรของศาสตร์การนวดแผนไทย ที่นำมาประยุกต์กับความรู้แผนปัจจุบัน
ด้วยความเป็นเภสัชกรทำให้ผลิตภัณฑ์ของอัยย์ไทย ผลิตภายใต้ความใส่ใจในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐาน โดยใช้แนวคิดของการพัฒนาเวชภัณฑ์หรือยาในการผลิต เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบเชื้อ การตั้งสูตรตำรับที่ต้องมีเทคนิคในการผสมว่าวัตถุดิบตัวไหนเหมาะกับเนื้อผลิตภัณฑ์แบบใด และเมื่อได้สูตรหรือตำรับที่พอใจแล้ว จะต้องมีการทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ในสภาวะที่วัตถุดิบแต่ละตัวจะสามารถทำหน้าที่ได้ดี นอกจากนี้ยังมีการทดสอบผลิตภัณฑ์เมื่ออยู่ในหลายสภาวะ คือทั้งในอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิเย็น และอุณหภูมิร้อน ซึ่งการทดสอบนี้ทำให้เห็นคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และทำให้ได้ข้อมูลในเรื่องการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในหลากหลายสภาพอากาศด้วย ซึ่งในทุกๆการผลิตจะมีการทดสอบการคงตัวและเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทุกครั้งเพื่อเปรียบเทียบหาสาเหตุที่แท้จริงหากพบสินค้าที่มีปัญหาหรือว่าเนื้อผลิตภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงจากต้นแบบ
นอกจากนี้ อัยย์ไทยยังใส่ใจในเรื่องบรรจุภัณฑ์ โดยมีแนวคิดเรื่องความยั่งยืน เน้นในเรื่องของการลดใช้พลาสติก จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระดาษ ลดการใช้แผ่นพับ มาทดแทนด้วย QR CODE บนบรรจุภัณฑ์ที่ผู้บริโภคสามารถสแกนเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และหลักการดูแลผิวพรรณและสุขภาพได้ ตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคปัจจุบันที่มองหาแบรนด์ที่สนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย
ด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของ อัยย์ไทย ต้องใช้เวลาร่วมปีก่อนจะปล่อยออกมาสู่ตลาด ตั้งแต่การค้นคว้าวิจัยวัตถุดิบที่ใช้ทำสูตรและกระบวนการทดลองต่าง ๆ ไปจนถึงภาพรวมเรื่องภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อีกด้วย
.
ปรับรูปแบบของสินค้าให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
แบรนด์อัยย์ไทย เปิดตัวและทำการตลาดโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จากการศึกษาทดสอบตลาดในต่างประเทศ ทำให้เรียนรู้การสื่อสารผ่านทางด้านบรรจุภัณฑ์และขนาดที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
สำหรับกลุ่มชาวต่างชาติ แบรนด์มีการจัดทำบรรจุภัณฑ์เป็นชุด Gift set สำหรับเป็นของขวัญหรือของฝาก และขนาดเล็กที่เหมาะกับการพกพา เน้นกลิ่นที่สื่อถึงความเป็นไทย เมื่อนำผลิตภัณฑ์กลับไปใช้จะทำให้ระลึกถึงความเป็นไทยหรือความประทับใจที่ได้มาเมืองไทย วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าในโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยว
สำหรับกลุ่มคนไทย เลือกเจาะไปในกลุ่มคนทำงาน เน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของการผ่อนคลาย เป็นผลิตภัณฑ์สปาเพื่อการบำบัดความเครียด เช่น สครับขัดตัว น้ำมันนวด หรือ Oriental aroma body gel ที่มีกลิ่นสมุนไพรธรรมชาติ หอมแต่ไม่ฉุน
นอกจากนี้อัยย์ไทยยังมีการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ เช่นโปรตุเกส และฮ่องกง และร่วมมือกับภาครัฐในการเปิดรับลูกค้าที่ต้องการจ้างผลิต หรือแม้กระทั่งลูกค้าที่ต้องการทำในรูปแบบส่งออกก็ตาม เพราะอัยย์ไทยนั้นมีความพร้อมทั้งคุณภาพมาตรฐานและเอกสารที่สามารถผลิตเพื่อทำการส่งออกได้
.
ต่อยอดรักษาภูมิปัญญาไทยต่อไปในอนาคต
ด้วยแนวโน้มที่ทุกคนสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น อัยย์ไทยจึงมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากเรื่องสกินแคร์ต่อไป โดยมีความตั้งใจที่จะทำผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ยึดถือการ Empowering the power of science เป็นหลักในการทำงาน คือนำเอาความเป็นธรรมชาติที่เป็นแก่นแท้ภูมิปัญญาไทยที่สืบต่อกันมานาน มาผ่านกระบวนการเพื่อทำให้เป็นวิทยาศาสตร์ ให้อยู่ในรูปแบบที่ดูทันสมัยขึ้น เหมาะกับชีวิตหรือพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบัน โดยมองว่าสิ่งนี้สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนเปลี่ยนมุมมองต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และทำให้มีความมั่นใจในการบริโภคหรือการใช้สินค้ามากขึ้น ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าหรือเพิ่มตลาดของผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรไทยอีกด้วย
อัยย์ไทยยังได้มองถึงการพัฒนาช่องทางสื่อสารกับผู้คนทั่วไป ให้เข้าใจถึงการเลือกใช้สมุนไพรที่ถูกต้องและมีคุณภาพ จึงมองแพลตฟอร์มที่เป็นเว็บไซต์ โดยต้องการให้ผู้ที่สนใจเข้ามาหาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการดูแลสุขภาพได้ โดยจะให้ความรู้ทางด้านเภสัชกรรมแผนไทยและเภสัชกรรมแผนปัจจุบันประกอบ เพื่อจะทำให้เกิดการยอมรับในตัวสมุนไพรไทยและทำให้องค์ความรู้เหล่านี้ร่วมสมัยขึ้นได้ เป็นการต่อยอดรักษาภูมิปัญญาของไทยต่อไปในอนาคต
.
ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ อัยย์ไทย สามารถติดต่อได้ที่
iThai Natural (Head Office)
บริษัท อัยย์ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Aithai Corporation Limited)
41/10 ตรอกเวท(สีลม19) ถ.สีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel: +66 97 235 5588
Fax. +66 2 238 5339
Email: ithaiskincare@yahoo.com
Website : www.ithaiskincare.com
IG: iThai_skincare
Line: @ithaiskincare
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
The Flavor รสชาติเอกลักษณ์ไทย ในขนมหนึ่งคำ
เอกลักษณ์ของรสชาติไทยนั้นแฝงอยู่ในความประทับใจของชาวต่างชาติเสมอมา ทั้งในอาหารไทย ผลไม้ไทย และขนมไทย คือรสชาติที่ใครได้ลิ้มรส ต่างเป็นต้องนึกถึง สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ The Flavor เลือกขึ้นมาชูเป็นจุดเด่นในเรื่องรสชาติไทย ที่อยู่ในรูปแบบการฟรีซดราย จนกลายเป็น ขนมไทย กรุบกรอบ ที่คงคุณค่าสารอาหารและเอกลักษณ์ของรสชาติเอาไว้ในหนึ่งคำ
.
ส่งรสชาติไทยไปสู่ตลาดสากล
จุดเริ่มต้มของ The Flavor คือ การที่ต้องไปอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วได้พูดคุยกับชาวต่างชาติเกี่ยวกับความชื่นชอบในอาหารไทย ขนมไทย และผลไม้ไทย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ทุเรียน แต่กลับไม่ค่อยพบเห็นอาหารเหล่านี้จำหน่ายในต่างประเทศ อาจเพราะเป็นอาหาร จึงมีอายุค่อนข้างสั้น เสียง่าย ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงจุดประกายความคิดขึ้นมาว่า อยากจะบรรจุรสชาติต่าง ๆ ของอาหารไทย ให้อยู่ได้นาน และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้
ทาง The Flavor เลือกใช้นวัตกรรมในการสร้างผลิตภัณฑ์เป็น ขนมเพื่อสุขภาพฟรีซดราย ทำให้สามารถคงคุณค่าอาหาร และรสชาติของอาหารไว้ได้เหมือนรสชาติดั้งเดิมที่พึ่งปรุงสุก อีกทั้งยังช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้เก็บรักษาไว้ได้ยาวนานขึ้นเป็น 1 ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมของทางแบรนด์ คือ ข้าวเหนียวมะม่วงอบกรอบ และ ข้าวเหนียวทุเรียนอบกรอบ สูตรข้าวกล้องงอก เพราะรับประทานง่าย ฉีกซอง อร่อยได้ทันที เรียกได้ว่าเป็น ขนมไทย ที่สะดวกสบายต่อการรับประทาน
และด้วยความสะดวกสบายและเก็บได้นานนี้เอง ทำให้ทางแบรนด์สามารถส่งผลิตภัณฑ์ The Flavor ออกไปสู่ตลาดสากลได้หลายประเทศ ทั้งประเทศจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอเมริกา ส่วนในประเทศไทยจะมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ และในช่องทางออนไลน์
แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกวางจำหน่ายที่ต่างประเทศแล้ว แต่ทางแบรนด์ก็ยังไม่หยุดพัฒนาและปรับตัว เพราะ The Flavor ยังศึกษาและทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจอาหารไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วจบไปภายในวัน ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไป ทางแบรนด์จึงต้องพัฒนาและปรับปรุงให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ วัน
.
ให้ “แม่หยก” ช่วยกอบกู้ช่วงโควิด-19
สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบเรื่องการส่งออกค่อนข้างมาก ทางแบรนด์จึงมองหาลู่ทางในการดำเนินธุรกิจ โดยสังเกตวิถีชีวิตของคนส่วนมากในช่วงที่ต้องทำงานอยู่กับบ้านมากขึ้น เมื่อได้อยู่กับบ้านก็จะมีการทำอาหารมากขึ้น จึงทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมานั่นก็คือ เครื่องปรุงรสและซอสปรุงรสพร้อมทาน ตรา “แม่หยก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว เพราะผลิตภัณฑ์แม่หยก คือ เครื่องปรุงสูตรต่าง ๆ ที่ถูกประยุกต์มาให้อยู่ในรูปแบบพร้อมปรุง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารรสชาติเข้มข้นเสมือนรสต้นตำรับดั้งเดิม
.
ใช้ความเข้าใจ เป็นหัวใจหลัก
สิ่งที่ทำให้แบรนด์ The Flavor เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้ มาจากวิธีคิดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทุกครั้งที่จะเริ่มพัฒนาสินค้าใหม่ จะต้องดูความต้องการของลูกค้าก่อน หรือเมื่อทำเสร็จจะมีการทดลองสินค้ากับลูกค้าด้วยเสมอ
จุดแข็งหลักที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ก็คือ การเป็นแบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า และด้วยแนวคิดว่า การจะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ต้องสร้างแก่นไอเดียให้แข็งแรง ก็คือเรื่องเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่สามารถขยายต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีก ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่ทำวันนี้แล้วจบวันนี้ แต่มันเดินไปข้างหน้าต่อ เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้ทำได้ดี วันพรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ได้ดีกว่าเดิม ถ้าวันนี้ล้ม ก็ต้องลุก แล้วถ้าพลั้งพลาดอะไร ก็ต้องแก้ไข
หัวใจสำคัญของการเป็น The Flavor ไม่เพียงแต่เป็นรสชาติของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มอบให้แก่ลูกค้า แต่ต้องเป็นรสชาติที่ทำให้ลูกค้ายิ้มได้นั่นเอง
.
สามารถติดตาม The Flavor ได้ที่
บริษัท พี เอ็ม ดับบลิว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
28/4 หมู่ที่ 20 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
Email: pmwinternational.info.gmail.com และ theflavorthailand@gmail.com
Tel: 02-452-0941
Website : theflavorthailand.com
Facebook: theflavorthailand
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone
Kaelyn ผิวสวยด้วยสารสกัดจากใบชา
ในปัจจุบัน ทัศนคติและทิศทางของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท Kaelyn international จำกัด ที่มีความสนใจเรื่องสรรพคุณของใบชา โดยเฉพาะคุณสมบัติในเรื่องการฟื้นฟูหรือบำรุงร่างกาย ทำการก่อตั้งแบรนด์ Kaelyn ขึ้น ซึ่งนำสารสกัดจากใบชาอัสสัมมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ โดยคิดค้นวิจัยสูตรร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณมากมาย นอกจากจะได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยไทย ตลอดจนเกษตรกรผู้เพาะปลูกใบชา ในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
.
ความน่าสนใจ จากคุณสมบัติในงานวิจัย
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Kaelyn มาจากการค้นคว้าวิจัยและจดอนุสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาของทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่ได้ค้นพบกระบวนการสารสกัดธรรมชาติบริสุทธิ์จากชาอัสสัม หรือ ชาเมี่ยง จากเทือกเขาวาวี จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกใบชาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยและของโลก เป็นเทือกเขาที่มีความสูง และมีอุณหภูมิที่เย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเพาะปลูกใบชา ทำให้ใบชาจากแหล่งผลิตนี้มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ทางบริษัท Kaelyn international จำกัด ซึ่งมีความสนใจในส่วนของสารสกัดจากใบชาอยู่แล้ว ได้คิดค้นร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อนำสารสกัดบริสุทธิ์ตัวนี้มาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในสูตรตำรับเครื่องสำอาง โดยนำสารสกัดจากใบชาที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำบนใบหน้า รวมไปถึงการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณบนใบหน้า นำมารวมกับสารสกัดที่มาจากพืชธรรมชาติอีก 7 ชนิด จนได้ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัท คือเซรัมที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้กับผู้ที่มีปัญหา
.
มองหาคุณสมบัติที่จะต่อยอดได้
หลังจากออกผลิตภัณฑ์เซรัมและได้รับผลตอบรับที่ดี จึงได้มองหาคุณสมบัติอื่น ๆ ของสารสกัดจากใบชาอัสสัมที่น่าสนใจ และนำคุณสมบัติที่เกี่ยวกับเรื่องของผิวหน้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ แป้งผสมรองพื้น ที่มีสรรพคุณในเรื่องการปกป้องแสงแดดและช่วยในเรื่องความหมองคล้ำของใบหน้า เนื่องจากว่าสารสกัดจากใบชาอัสสัมมีสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งสามารถช่วยปกป้องมลภาวะต่าง ๆ และแสงสีน้ำเงินจากคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
Kaelyn มองว่าการพัฒนาคุณสมบัติจากใบชาจนสามารถออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นับเป็นการต่อยอดงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของพืชเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะใบชา และการให้ความสำคัญแก่เกษตรกรไทยในการผลักดันการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบชาในครั้งนี้ด้วย โดยกระบวนการผลิตในส่วนของวัตถุดิบหรือสารสกัดต่าง ๆ จะมาจากที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ จึงเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง
.
เลือกช่องทางประชาสัมพันธ์ให้หลากหลาย
เนื่องจากสินค้าเปิดตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 การทำการตลาดจึงเป็นการทำในรูปแบบออนไลน์ตั้งแต่แรก โดยจัดจำหน่ายและประชาสัมพันธ์ผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังเน้นการกระจายสินค้าผ่านทางตัวแทนจัดจำหน่ายในจังหวัดเชียงใหม่อีกทางหนึ่ง รวมไปถึงการทำการตลาดโดยการนำเอาเครื่องสำอางแบรนด์ Kaelyn เข้าไปร่วมเป็นผู้สนับสนุนของงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น เวทีประกวดนางสาวไทย เนื่องจากธุรกิจหลักของเจ้าของแบรนด์ คือธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงานอีเวนต์อยู่แล้ว จึงมีทักษะความรู้ และสามารถมองเห็นช่องทางการทำการตลาดทางนี้ได้ เพราะในงานมีการทำสื่อประชาสัมพันธ์ จะทำให้เกิดการรับรู้ของผู้บริโภคได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
.
โอกาสทางการตลาด
Kaelyn มองว่าความต้องการของตลาดในเรื่องของผลิตภัณฑ์ด้านความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสสูงที่จะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันด้วย และในขณะนี้ก็ได้ร่วมมือกับทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กันแดดที่เน้นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Kaelyn มุ่งเน้นในสิ่งที่เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน คือ ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ 100%
.
ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Kaelyn International จำกัด ภายใต้แบรนด์ Kaelyn สามารถติดต่อได้ที่
บริษัท Kaelyn International จำกัด
82/1หมู่ 6 อำเภอสันทราย, จังหวัดเชียงใหม่ 50210
E-mail: kaelyn.intl@gmail.com
Facebook: KaelynINTL
Line Official: KAELYN INTERNATIONAL
สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone