
โลมาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ The Couple’s และเป็น Influencer ด้านการ Get Ready With Me เล่าเรื่องตัวเอง และอภิปรายประเด็นสังคมต่าง ๆ ผ่าน TikTok โดยเน้นการสร้าง Emotional Connection กับ ผู้ติดตามอย่างจริงใจ เปิดเผยทุกด้านในชีวิตเพื่อส่งพลังให้คนอื่นไม่รู้สึกเดียวดาย
ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เช่น Lip Oil และ Lash Serum ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าสาย Beauty ที่เน้นการดูแลตัวเองแบบ Clean Beauty ปัจจุบันมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีฐานลูกค้าประจำ
รักตัวเอง ดูแลตัวเอง สร้างพลังบวกสู่สังคม
เริ่มจากความรักในการดูแลตัวเองและการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้คนรอบตัว โลมาเริ่มจากการรีวิวแบบจริงใจ ไม่มีบท ไม่รับเงินรีวิวใด ๆ เพราะมีเจตนาอยากสร้างแรงกระเพื่อมดี ๆ สู่สังคมจริง ๆ บวกกับการเล่าเรื่องราวการทำแบรนด์ The Couple’s ในรูปแบบที่จริงใจ และไม่ผ่านสคริปต์ โดยมีเจตนาที่สะท้อนทุก ๆ ด้านของมนุษย์ที่ใส่ใจตัวเอง รักตัวเอง และยังต้องการส่งพลังบวกให้กับคนอื่นไปพร้อมกัน ไม่ทำให้ใครโดดเดี่ยว
“ความจริงใจที่มีคลาส” คือจุดขายที่ไม่มีใครลอกได้
“ความจริงใจที่มีคลาส”, “ความเข้าใจตัวเอง” และการรักษาภาพลักษณ์พรีเมียมควบคู่กับการสื่อสารที่อบอุ่น ทำให้แบรนด์มีความแตกต่างและน่าเชื่อถือ
และเป้าหมายต่อไปคือการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ พร้อมสร้างคอมมูนิตี้ที่ Empower กันด้วยความงามจากภายในสู่ภายนอก
“เมื่อคุณรู้ว่าคุณอยากส่งต่ออะไรให้โลกนี้ เส้นทางที่ใช่จะเปิดออกมาเอง อย่ากลัวที่จะเป็นตัวเอง เพราะตัวตนที่แท้จริงคือจุดขายที่ไม่มีใครลอกได้”
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
E-mail: Roma.utchin@gmail.com
Tiktok: https://www.tiktok.com/@romamorrrrr, https://www.tiktok.com/@thecouples.official
IG: https://www.instagram.com/romamorrrrr/
Shopee: @Thecouples.official
Shop: Multy สาขาสยาม, Flagship เมกาบางนา และยูเนี่ยนมอลล์
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (The Federation of Thai Industries – FTI) มีหน้าที่เป็นแกนกลางเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของไทยให้ยั่งยืน โดยมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งดำเนินงานภายใต้นโยบายของรัฐ ที่ต้องการพัฒนาสถาบันธุรกิจภาคเอกชนของไทยให้แข็งแกร่ง อันจะทำให้กลไกการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สามารถประสานกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติในวงการเศรษฐกิจโลก
โดยในส่วนที่รับผิดชอบ แบ่งเป็น กลุ่มอุตสาหกรรม 47 กลุ่ม / 11 คลัสเตอร์ / 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด / 11 สถาบัน และ15 ฝ่าย
บริการที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs / MSME ของ ส.อ.ท. มีหลากหลากหลาย โดยอยู่ภายใต้แนวทางหลัก คือ 4GO
GO ที่ 1 Go Digital & AI ทาง ส.อ.ท. จะยกระดับ SMEs ของเราให้สามารถในการใช้ Digital เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย ยังสร้างความแม่นยำในการประกอบธุรกิจ
GO ที่ 2 คือ Go Innovation ที่จะต้องเป็น SMEs ที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพื่อจะให้ SMEs สามารถแข่งขันได้
GO ที่ 3 คือ GO Global ทาง ส.อ.ท. จะต้องผลักดัน SMEs ของเราให้สามารถทำการส่งออก แล้วก็ทำการตลาดไปทั่วโลกให้ได้ และจะทำยังไงให้ SMEs ของเรา เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิต ของอุตสาหกรรมใหม่ๆของโลก ด้วยมาตรฐานและกติกาใหม่
และท้ายสุด คือ GO Green ทาง ส.อ.ท. ต้องเตรียมความพร้อมของ SMEs ของเรา ให้ขับเคลื่อนไปแนวความคิดแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ ESG เป็นการสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าและบริการ โดยอาศัยเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นตัวนำ
ในระหว่างปี 2567 ถึง 2569 ทาง ส.อ.ท. ยังคงมุ่งมั่นผลักดันนโยบาย ONE FTI ซึ่งเป้าหมายหลักของ ONE FTI มี 3 เรื่องใหญ่ ๆ ดังนี้
1. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย
2. เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
3. การพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน
และการที่จะทำให้เป้าหมายเหล่านี้บรรลุได้ จะต้องดำเนินยุทธศาสตร์ของงานไว้ทั้งหมด 5 เรื่อง
1. Industrial Collaboration การผนึกกำลังของภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้เข้มแข็ง
2. First 2 Next-gen Industry การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเดิมไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
3. Smart SMEs คือ การยกระดับ SMEs ไทยไปสู่สากล
4. Smart Service Platform การให้บริการโดยการพัฒนา Platform ต่าง ๆ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย
5. Sustain Achieve ESG การส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน
ส.อ.ท. จะร่วมกับพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ให้ก้าวสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืนไปด้วยกัน ภายใต้นโยบาย ONE FTI
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ที่อยู่ : เลขที่ 2 อาคารปฎิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ชั้น 8 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์: 02 -345-1000
Call Center: 1453
Website: www.fti.or.th
E-mail: infomation@fti.or.th
Facebook: TheFederationOfThaiIndustries
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy Agency (Public Organization)) หรือ สศส. เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทย และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจไทย ก่อตั้งมาแล้ว 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกอยู่ภายใต้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนครั้งที่ 3 หรือปัจจุบัน เป็นรูปแบบองค์การมหาชน แยกออกมาจากศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ กำกับโดยคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
หน้าที่ของ CEA คือ
ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นพลังขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว
วิสัยทัศน์ของ CEA คือ ทางองค์กรได้ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทยสู่เวทีโลก โดยมีจุดมุ่งหมาย ดังต่อไปนี้ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจ
1. สร้างสรรค์และปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมให้แก่ชุมชน สาธารณชน และสถาบันการศึกษา
3. ส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ที่เอื้อต่อบรรยากาศสร้างสรรค์และการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ รวมทั้งพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น
4. พัฒนาผู้ประกอบการและส่งเสริมให้เกิดการนำกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ
5. เป็นศูนย์กลางการรวบรวมและพัฒนาข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย และเพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรม
6. ส่งเสริมและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างประเทศหรือระหว่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
CREATIVE ECONOMY AGENCY (PUBLIC ORGANIZATION) (CEA)
ที่อยู่ : อาคารไปรษณีย์กลาง เลขที่ 1160 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500โทรศัพท์: (66) 2 105 7441
Website: https://www.cea.or.th/th/home
E-mail: info@cea.or.th
Facebook: CreativeEconomyAgency
🌐✨ ธุรกิจคุณพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือยัง? ✨🌐
ขอแนะนำ เครื่องมือประเมินความพร้อมดิจิทัลสำหรับ MSMEs
ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า…
✅ ธุรกิจของคุณพร้อมแค่ไหนในโลกดิจิทัล
✅ ควรพัฒนาอะไรต่อ
✅ มีโอกาสอะไรในเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนที่คุณควรคว้าไว้
🔍 ประเมินด้วยตัวเองง่าย ๆ ใน 4 ด้าน:
1️⃣ เทคโนโลยี
2️⃣ บุคลากร
3️⃣ ผลิตภัณฑ์
4️⃣ กระบวนการ
🟢 ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย
🟢 พร้อมรับคำแนะนำที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
👉 คลิกเลย: https://aseandigitalasessment.my.site.com/msmeportal/s/?language=th
โครงการดี ๆ จาก อาเซียน
โดย ACCMSME, ACCC และ JAIF (Japan-ASEAN Integration Fund)
#MSME #ธุรกิจดิจิทัล #อาเซียน #พร้อมสู่อนาคต #DigitalASEAN #SMEsGoDigital #JAIF #ACCMSME #ACCC
ปัญหาของเกษตรกรไทยที่เลี้ยงโคเนื้อ คือ ราคาสินค้ากลุ่มเนื้อโคภายในประเทศตกต่ำมาตลอด จึงเป็นที่มาของโจทย์ที่คุณอรรควัฒน์ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มมูลค่าสินค้าของตนเองได้?”
“ทำไมเราไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง” จึงเป็นที่มาของแนวคิดการยกระดับคุณภาพเนื้อขึ้นสู่ตลาด Premium ให้ได้ โดยต้องทำการยกระดับทั้งระบบ ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์โคเนื้อให้ตรงกับความต้องการของตลาด, การเลี้ยง, โภชนาการที่ถูกต้อง และกระบวนการผลิตจนมาเป็นแบรนด์ N.V.K Beef
N.V.K. Beef มีความตั้งใจผลิตเนื้อคุณภาพดี เพื่อมาตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เป็นคนไทย เพราะรสนิยมของคนไทยชอบบริโภคเนื้อที่นุ่ม ติดมัน แต่ไม่เลี่ยน เลยพัฒนาจนได้เนื้อพรีเมียมที่ถูกปากของคนไทย และเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ
ความพิเศษของเนื้อ “โคดำลำตะคอง” มาจากการผสมวัว 3 สายพันธุ์ที่ดึงเอาคาแรกเตอร์และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมพื้นเมือง ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน วากิว มีเอกลักษณ์ คือ ปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และ แองกัส ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี ซึ่งปัจจุบันสามารถทำให้เกิด “พ่อพันธุ์กึ่งสำเร็จรูป” ลูกผสม 3 สายเลือด โดยการผสมเพียงครั้งเดียว
เลี้ยงโคเนื้อยังไงให้ SPECIAL
N.V.K. มีการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น สมาร์ทฟาร์ม การย้ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer: ET) การผสมเทียม เพื่อปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์โคให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงการดูแลในส่วนของการผลิตอาหารที่ใช้เลี้ยงโค ป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้เนื้อคงคุณภาพและรสชาติเดียวกันทุกชิ้น
ทางฟาร์มยังมีการเลี้ยงอย่างประณีตและพิถีพิถัน ตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ รวมถึงสูตรอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีด้วยเช่นกัน ทั้งยังเสริมด้วยสาโทพื้นบ้าน ที่จะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของโคในสูตร และปริมาณที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ จุลินทรีย์เหล่านี้ทำให้ระบบการย่อยวัวดี ลดการปล่อยก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจก ทำให้โคเหล่านี้มีสุขภาพดี เพราะเชื่อว่า “เนื้อที่ดี ต้องมาจากโคที่ดี" เนื้อวัวจากฟาร์มทุกชิ้นจะมาพร้อมคิวอาร์โค้ด ที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มั่นใจได้ว่าเป็นเนื้อวัวที่ปลอดภัย ดังนั้น “โคดำลำตะคอง” จึงเป็นเนื้อโคไทยคุณภาพสูง (Premium Beef) ที่มีกลิ่นรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ “โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน”
ใช้การตลาดนำ....จากวัวชั้นยอด สู่เนื้อชั้นเยี่ยม ในราคาที่จับต้องได้
ในส่วนของการต่อยอดธุรกิจออกสู่ตลาด สสว.มีส่วนช่วยในการเป็นตัวกลางส่งเสริมการขายที่สำคัญ รวมทั้งการสร้างแบรนด์ หาจุดเด่นของแบรนด์ การทำการตลาดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ อีกทั้งศูนย์ให้บริการ SME จังหวัดนครราชสีมา เข้ามาช่วยส่งต่อบริการไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งทำให้แบรนด์ N.V.K.Beef เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ และขยายสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นในอนาคต
เป้าหมายของ N.V.K. คือการขยายช่องทางการแปรรูปสินค้าเนื้อ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงการขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งต่อยอดในเชิงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปเป็นอาหารพร้อมทานประเภทแกง และอื่นๆ แบบบรรจุในถุงรีทอร์ทเพาช์
สุดท้ายคือการสร้างเครือข่ายโคเนื้อต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยและเพื่อขยายกำลังการผลิตเนื้อโคคุณภาพให้กับเกษตรกรเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั่วประเทศ
อีกทั้งตอนนี้ทาง N.V.K Farm ยังเปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชนทั่วไปที่สนใจได้เข้ามาศึกษาได้แบบครบวงจร
“ตอนนี้เรามีช่องทางการขาย 4 ช่องทาง คือช่องทางขายค้าปลีกให้กับผู้บริโภคทั่วไป เรามีบุชเชอร์อยู่ในตัวเมืองโคราช ช่องทางที่ 2 คือขายออนไลน์ช่องทางที่ 3 คือขายชิ้นส่วนตัดแต่งให้กับร้านอาหารในโคราช และการขายยกซากให้บุชเชอร์ที่สนใจ นอกจากนั้นเรายังมีเนื้อที่ขายให้บุชเชอร์หรือร้านอาหารต่างๆ ตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น”
Winner Northeast
“N.V.K. Premium Beef”
Thailand’s world-class quality marbled beef
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่
บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม โปรดักส์ จำกัด
ที่อยู่: 355 หมู่ที่ 9 ต.หนองหญ้าขาว อ.สีคิ้ว, จ.นครราชสีมา
โทร: +66 81 487 1081
Line: @nvkbeef
อีเมล: nvkproduction.beef@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/N.V.K.Farm?locale=th_TH, https://www.facebook.com/nvkpremiumbeef/